ฝูงชนกลุ่มย่อยต่างทยอยเดินแห่กันมาจนถึงบ้านของเฒ่าสยา พ่อหมอแห่งหมู่บ้านตะนาวขอ มีการพูดคุยถกเถียงถึงที่มาที่ไปของชายหนุ่มแปลกหน้าเสียงดังเซ็งแซ่ ชายหนุ่มคนนี้มาจากไหน และมานอนบาดเจ็บปางตายตรงผืนป่าปิดแห่งนี้ได้อย่างไร เพราะคนที่เข้ามาที่นี่ได้ คนผู้นั้นต้องรู้จักเส้นทางลับของผืนป่าแห่งนี้พอสมควร อีกทั่งอาการบาดเจ็บสาหัสของชายหนุ่มดูแล้วมันไม่น่าลุกขึ้นเดินไหวจนพาตัวเองมาจนถึงหมู่บ้านห่างไกลแห่งนี้ได้เลยด้วยซ้ำ
ขวัญไพรแอบมองใบหน้าคนเจ็บแล้วย่นหัวคิ้วมุ่น เธอกำลังวิตกกังวลถึงอาการบาดเจ็บของเขา บาดแผลตรงมีเลือดไหลโชกก่อนหน้านั้นหยุดไหลเป็นปลิดทิ้งเมื่อได้สมุนไพรโป๊ะเอาไว้ สิ่งที่น่าเป็นห่วงคืออาการบอบช้ำภายใน เธอไม่รู้จะรักษาเขาอย่างไรดี เพราะความรู้เรื่องรักษาคนของเธอนั้น มีพอรักษาอาการเจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้นเอง...
อีกเหตุผลที่เป็นเรื่องฮือฮาสำหรับคนในหมู่บ้านตะนาวขอ คือใบหน้าของชายผู้ไร้สติคนนี้ ช่างแตกต่างจากคนเมืองที่เคยพบเห็นมาก่อน จึงเป็นเรื่องแปลกใหม่สำหรับคนในหมู่บ้านทั้งหลาย ต่างส่งเสียงเรียกเพื่อนพ้องให้เดินออกมาดูด้วยความรู้สึกตื่นเต้น
“หรือมันจะเป็นเทวดาตกลงมาจากสวรรค์” หนึ่งในจำนวนฝูงชนเสนอความคิดเห็นของตนเอง บางคนพยักหน้าเห็นด้วย บางคนส่ายหัว
“เอ็งก็พูดไปเรื่อยอีดอกรัก เทวดาอะไรมันจะเจ็บปางตายขนาดนี้” นางบุ้ยปากไปทางแปลหาม ร่างสูงใหญ่ที่เต็มไปด้วยร่องรอยบาดแผลทั่วทั้งตัว
“อ้าวอีลำยอง เอ็งอย่าทำปากดีเที่ยวมาลบหลู่ความคิดของข้าเชียวนะโว้ย เอ็งไม่เคยได้ยินบ้างหรือไง เทวดาที่สิ้นอิทธิฤทธิ์น่ะ พอท่านหมดอำนาจวาสนาเลยถูกเณรเทศให้ลงมายังเมืองมนุษย์” คนงมงายในเรื่องลี้ลับตบหน้าอกผางเล่าต่ออย่างเป็นตุเป็นตะ
“เออๆ เอาไว้ไอ้หนุ่มนี่มันฟืนขึ้นมาเมื่อไหร่ พวกเราก็รู้กันเองนั่นแหละ มันมานอนเจ็บในป้าตะนาวขอได้ยังไง” ลำยองส่ายหัวแล้วรีบสะบัดมือขึ้นโบกห้ามเพื่อน เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังเกินกว่าเหตุของดอกรัก
“แต่เขาหล่อถูกใจฉันมากเลยนะป้าจ๋า” ดาวเรืองเป็นอีกคนที่วิ่งตามมารดามาติดๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนในขบวนแห่ พอสาวน้อยได้เห็นใบหน้าของชายหนุ่มคนเจ็บ หัวใจดวงน้อยเริ่มคันยุบยิบเกิดชอบขึ้นมาในทันที
แต่ถึงอย่างนั้นสาวน้อยยังไม่ลืมสอดส่ายสายตามองหาคนรัก ไม่รู้ไอ้พี่มะขามบ้ามันหายหัวไปไหนทั้งวัน แต่ก็ช่างหัวมันปะไร ในเมื่อตอนนี้เธอมีเป้าหมายใหม่ ที่ทั้งหล่อและดูน่าสนใจกว่าเป็นไหนๆ
“อีแก่แดด...” ดอกรักส่งสายตาเขียวปั๊ดแหวด่าลูกสาวก่อนหยิกหมับเข้าที่ลำแขนเรียว จนดาวเรืองเบ้หน้า ลำยองกลอกตาพร้อมส่ายหัวให้กับสองแม่ลูกแต่ไม่พูดอะไร
ดูจะเป็นเรื่องปกติของสองแม่ลูกคู่นี้ เห็นอยู่ด้วยกันทีไรเป็นต้องทะเลาะทุบตีกันมันเสียทุกที นางไม่นึกแปลกใจนักหลอก ทำไมไอ้ดำมันถึงชิ่งลาตายเสียก่อนตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น ทั้งที่ดอกรักมันเพิ่งคลอดอีดาวเรืองได้ไม่กี่เดือน
“อู้ย! แม่ก็...ฉันเจ็บนะ มาหยิกฉันทำไม”
“ปากมึงนี่นะ เขาเป็นเทวดา เอาไปพูดเล่นไม่ได้”
“ก็เขาหล่อจริงๆ ฉันพูดเล่นที่ไหนล่ะแม่” ดาวเรืองเถียงสู้พลางลูบแขนตัวเองปรอย ยังไม่วายชายตามองคนเจ็บบนแปลหาม แล้วทำสีหน้าเคลิ้มฝัน
และการถกเถียงยังคงดังอย่างต่อเนื่องจวบจนกระทั่งถึงลานกว้างหน้าบ้านของเฒ่าสยา ต่างคนต่างเตรียมจะก้าวตามกันขึ้นบนเรือนบ้านไม้สองชั้นยกพื้นสูง ดีที่หัวหน้าหมู่บ้านหันหน้ามายกมือขึ้นห้ามปรามไว้ได้ทัน
“พวกเอ็งที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันกันได้แล้ว ไม่ต้องตามกันขึ้นมาให้เกะกะ”
“แต่ว่าฉัน...”
“ข้าบอกให้กลับ ไม่ได้ยินคำสั่งข้ากันหรืไงฮะ!ไอ้อีพวกนี้นี่”
แกย่ำเท้าหนักตรงตีนบันไดพร้อมตะเบ็งเสียงทรงอำนาจขึ้น ชาวบ้านที่เตรียมจะก้าวตามมีอันต้องหยุดชะงัก ถอยกรูดตามกัน สาวบางคนส่งเสียงร้องประท้วง หากพอได้ยินเสียงตวาดย้ำ เลยจำต้องปิดปากลงฉับ ส่งเพียงสายตาเสียดายมองพ่อหนุ่มรูปงามในเปลหาม ก่อนกลุ่มคนจำนวนนั้นจะค่อยๆสลายตัวหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่คนที่พอจะให้การช่วยเหลือคนบาดเจ็บ
ด้วยคำสั่งของผู้นำหมู่บ้านนั้นถือมีอำนาจและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด ไม่เคยมีใครกล้าขัดคำสั่งของแกมาก่อน แม้นสาวชาวบ้านป่าบางคนแสดงสีหน้าผิดหวัง กระเง้ากระงอด ด้วยอยากขึ้นตามบุรุษเจ็บที่มีใบหน้าแตกต่างจากชายในหมู่บ้านนี้ใจแทบขาดก็ตาม แต่ก็จำยอมทำตามคำสั่งอย่างไม่กล้าขัดขืน เดินหน้าม่อยกลับบ้านของตนด้วยนึกเสียดายครามครัน...
ผลจากตรวจสภาพคนเจ็บคร่าวๆด้วยสายตา ดูอาการชายหนุ่มสาหัสน่าเป็นห่วงอยู่ไม่เบา สาวน้อยขวัญไพรกุลีกุจอเปิดประตูห้องของเฒ่าสยา อำนวยความสะดวกให้แก่ชายหนุ่มในหมู่บ้านแบกร่างไร้สติเข้ามาวางภายใน ก่อนสาวน้อยจะวิ่งลับหายไปไม่ถึงนาที กลับออกมาพร้อมน้ำเต็มกะละมังกับผ้าสะอาดถือไว้ในมือ สาวน้อยถอนใจกับสภาพน่าเป็นห่วง เขาไม่น่ารอดจนมาถึงหมู่บ้านของเธอได้ พลางเหลียวใบหน้าเล็กจิ้มลิ้มเพื่อขอความเห็นจากชายชราผู้มีฐานะเป็นหัวหน้าของหมู่บ้าน
แกจะเอายังไงต่อไป...
เฒ่าเบิ้มที่พอออกปากไล่พวกไม่เกี่ยวข้องเสร็จ แกจึงรีบเดินตามขึ้นมานั่งสำรวจคนเจ็บบนพื้นไม้กระดาน หรี่สายตาทรงอำนาจมองร่างที่นอนแน่นิ่งพร้อมส่ายหัว
“มันยังหายใจอยู่ ก็แสดงว่าสวรรค์ยังไม่ต้องการตัวมัน นั้นเอ็งก็รีบลงมือเช็ดทำความสะอาดเนื้อตัวให้พ่อหนุ่มคนนี้ก่อนก็แล้วกันนะนังหนูขวัญ เดี๋ยวตาจะออกไปข้างนอกแป๊บ” หัวหน้าหมู่บ้านตะนาวขอลุกขึ้นยืนเพื่อหลีกทางให้สาวน้อยเข้ามานั่งแทนตัวแก
ขวัญไพรวางกะละมังในมือ ก่อนหลุบตามองสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง ทำเอาขวัญไพรอยากเบือนหน้าหนี แต่ต้องฝืนใจลงมือแกะกระดุมเสื้อที่มีสภาพขาดวิ่นออกอย่างเบามือที่สุด เธอกลัวเขาเจ็บ
โดยเฉพาะตรงท่อนขามันเป็นแผลเปิดจนเกือบเห็นกระดูก ทำให้อดรู้สึกเจ็บปวดทรมานแทนชายหนุ่มผู้นี้เสียมิได้
“ไอ้ยวน ไอ้เย็น เอ็งขึ้นมาหาข้าบนบ้านนี้หน่อยสิ”เฒ่าเบิ้มตะโกนเรียกพี่น้องฝาแฝดลูกน้องที่แกไว้วางใจมากที่สุดให้ขึ้นมาหาข้างบนบ้านพ่อหมอ
พร้อมหย่อนกายนั่งบนพื้นไม้ขัดมันนอกชานบ้านที่ยื่นออกมาจากตัวบ้านประมาณสองเมตร แกดึงกระดาษที่มักพับเก็บไว้ข้างสะเอวออกมาขีดเขียนตัวอักษรลงไป สายตาที่พร่ามัวด้วยวัยชรามาเยือนต้องเพ่งมองอย่างหนัก ในเนื้อความจดหมายแกเล่าถึงอาการบาดเจ็บ เผื่อเพื่อนรักจะได้เก็บตัวสมุนไพรกลับมาได้ทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาหา
ยวนกับเย็นไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าก้าวพรวดขึ้นมาบนชานบ้าน เพราะมันสองคนกำลังเดินเตร็ดเตร่รอฟังคำสั่งจากผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เพราะก่อนแกจะเดินขึ้นตามขบวนแห่ร่างไร้สติขึ้นไปข้างบน แกสั่งเอาไว้ให้รออยู่แถวนี้ มีเรื่องจะไหว้วานให้ช่วยทำ
“ว่าไงจ๊ะลุงเบิ้ม...” แฝดพี่ที่ชื่อยวนเอ่ยปากถาม ส่วนคนน้องนั้นเดินมาหยุดเคียงข้างพี่ชาย สายตาคมมองผ่านช่องบานประตูที่เปิดแง้มเอาไว้
เขาเห็นขวัญไพรกำลังเช็ดตามเนื้อตัวของไอ้หนุ่มแปลกหน้านั้นอย่างขมีขมัน ในใจนั้นแอบคิดเป็นห่วง มันจะรอดหรือเปล่าก็ไม่รู้ เจ็บหนักออกขนาดนั้น
“เอ็งสองคนเตรียมตัวเข้าป่า เพื่อเอาข่าวนี้ไปบอกให้เฒ่าสยามันรับรู้ แล้วรับตัวมันกลับออกจากป่ามาด่วนเลยนะ วันนี้ได้เลยยิ่งดี” เบิ้มพับแผ่นกระดาษแล้วยื่นส่งให้ลูกน้อง พร้อมสั่งการเสร็จสรรพ
อาการหนักหนาดูน่าเป็นห่วงขนาดนี้คงปล่อยให้สาวน้อยอ่อนประสบการณ์รักษาไอ้หนุ่มไม่ได้ ไม่งั้นมันคงไม่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่แท้ และคนเดียวที่พอจะยื้อชีวิตไอ้หนุ่มผู้นี้จากมือมัจจุราชได้ แกเห็นมีแต่เพียงเพื่อนเกลอคนเดียวเท่านั้นแหละ จะพอรับมือได้ไหว...
ยวนกับเย็นรับปากหนักแน่น ก่อนเผ่นกระโจนลงจากบ้านพ่อหมอแล้วมุ่งหน้ากลับบ้านตนเองเพื่อเตรียมข้าวของที่จำเป็น อย่างไรเสียวันนี้มันทั้งสองจะต้องพาเฒ่าสยากลับออกมาจากป่าให้จงได้...
หลังจากผ่านค่ำคืนแสนโหดร้ายจากซาตานจิตใจอำมหิต เขารังแกได้แม้กระทั่งผู้หญิงไร้ทางสู้คนหนึ่ง วันนั้นกว่าเขาจะอิ่มหนำในตัวเธอแล้วยอมปล่อยให้เธอได้พักผ่อน ทำเอาเธอไม่สบายไข้ขึ้นตั้งหลายวัน และพอเธอหายดี เขากลับเฉดหัวเธออย่างไม่ไยดี ส่งเธอลงมาทำงานเป็นแม่บ้านอยู่ในห้องครัวแห่งนี้ แล้วต่อจากนั้นเขาก็หายหน้าหายตาไปจากชีวิตของเธอ
เธอไม่ได้คิดถึงเขาผู้ชายใจร้ายคนนั้น แต่เธออยากกลับบ้าน อยากกลับไปหาพี่ชาคร์ อยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนดั่งก่อน แล้วลืมเรื่องอัปยศอดสู่พวกนี้ให้หมดสิ้น
สาวน้อยชารีนนั่งก้มหน้าน้ำตาคลอหน่วยตา เธอยกหลังมือน้อยป้ายมันทิ้ง รู้สึกเสียดายความบริสุทธิ์ที่เฝ้าเก็บเอาไว้ให้กับชายคนรัก หวังให้ค่ำคืนวันวิวาห์เป็นคืนแห่งความทรงจำสวยงามตามประสาสาวน้อยช่างฝัน แต่ตอนนี้มันไม่หลงเหลือความสวยงามแบบนั้นให้จดจำ เมื่อมันถูกซาตานร้ายช่วงชิงไปอย่างหน้าไม่อาย
ปานวาดหลานสาวหัวหน้าแม่บ้านในวัยสามสิบตอนปลาย ชะโงกหน้าออกมาดูเด็กสาว หลังจากเธอสอนให้ชารีนปอกเปลือกไข่ต้ม คิดว่าเป็นงานง่ายและเบาที่สุดในครัวเช้านี้ แต่ผลจากการหันกลับมาดูอีกครั้งหลังจากตัวเองลงมือผสมน้ำแกงอยู่ตรงหน้าเตา พอหันกลับมาอีกทีเธอถึงกับส่ายหน้า จากไข่สิบใบจะเหลือลูกดีที่พอใช้งานได้ไม่ถึงสามลูก
ชารีนยกมือขอโทษใบหน้าซีดขาว อาจเพราะกลัวจะถูกดุด่า เหมือนทำงานกับแม่ครัวคนอื่น เธอยิ้มให้กำลังใจพร้อมกับไล่ให้ออกไปนั่งพักข้างนอก
และก็เป็นอย่างที่คิดไว้เสียเมื่อไหร่ เผลอเป็นต้องเห็นชารีนนั่งปาดน้ำตาทิ้งเสียทุกที
เธอเองก็เป็นแค่คนรับใช้ ขี้ข้าก้นครัว จะมีสิทธิมีเสียงอะไรไปเตือนคนเป็นเจ้านายได้เล่า ถึงจะรู้สึกสงสารสาวน้อยผู้นี้ แต่เธอคงทำได้เพียงเฝ้ามองอยู่ห่างๆ วุ่นวายมากตัวเองนั่นแหละอาจจะเดือดร้อน
ปานวาดระบายลมหายใจหนักพร้อมกับเดินไปหยิบทัพพีบนเคาน์เตอร์ติดมือ เพื่อปรุงรสชาติอาหารหม้อที่เหลือ เมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเพื่อนแม่บ้านด้วยกัน น้ำแกงเดือดแล้ว...
ชารีนนั่งตาแดง เหม่อมองสายตาเคว้งคว้างออกมายังด้านนอกรั้ว กำแพงสูงตระหง่านตรงหน้า เฝ้ารอคอยสักวัน พี่ชายเธอจะต้องมาช่วยให้เธอหลุดพ้นจากนรกขุมนี้
ถึงตอนนี้เธอไม่ได้ถูกคุมขังด้วยอุปกรณ์ใดเหมือนวันแรกที่ถูกลักพาตัวมาก็จริง แต่ทว่าสายตานับสิบคู่ทั่วทั้งตัวคฤหาสน์หลังใหญ่โตแห่งนี้ ไม่เคยห่างหายจากตัวเธอเลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว มีกลุ่มชายฉกรรจ์เกินร้อย ผลัดเปลี่ยนเวรยามยืนอยู่ทั่วบริเวณรอบบ้าน แล้วเธอจะหนีไปทางไหนรอด...
“มาแอบนั่งอู้อยู่ตรงนี้นี่เอง งานครัวเยอะแยะไม่รู้จักเข้าไปช่วยเสียบ้าง เอ้า!นี่ผักตำลึง เด็ดใบมันเป็นไหมล่ะ”
เด็กสาวที่ดูอายุไล่เลี่ยกับชารีน กระแทกกะละมังสเตนเลสลงบนโต๊ะตรงหน้าเด็กสาวอย่างกระแทกกระทั้น ชารีนหลับตาปี๋พร้อมสะดุ้งเล็กน้อย พอลืมตามองผักใบเล็กสีเขียวในกะละมัง เธอได้แต่ส่ายหน้าอ่อยๆอย่างรู้สึกไม่ดี ก็เธอไม่เคยต้องมาทำงานแบบนี้ในชีวิตเลยนี่นา ชีวิตที่วันๆมีแต่คนล้อมหน้าล้อมหลังคอยหยิบนู่นจับนี่ให้ทุกอย่าง และแม้กระทั่งแค่รินน้ำดื่มเธอยังไม่เคยทำ นับประสาอะไรกับงานพวกนี้ที่เธอจะทำไม่เป็น
“เราทำไม่เป็นหรอกนะ” ดวงตาเศร้าหรุบมองมือตัวเองที่กำไว้บนตัก พร้อมกลั้นใจฟังคำจิกด่าจากแม่บ้านสาวคนนี้ ดูเจ้าหล่อนจะเป็นคนนิสัยอารมณ์ร้อนและปากจัด นัยว่าถูกออกคำสั่งจากคุณป้าแม่บ้านซึ่งเป็นหัวหน้าคุมในส่วนของห้องครัวสั่งมาให้ดูแลเธอโดยเฉพาะอีกทอดหนึ่ง
และที่สำคัญ ผู้หญิงคนนี้ไม่ชอบขี้หน้าเธอเอาเสียเลย
“โง่! อะไรๆก็ทำไม่เป็นสักอย่าง ไม่รู้เกิดมาเป็นคนได้ยังไง งานง่ายๆก็ยังทำไม่เป็น”
กำไรพ่นคำผรุสวาทด้วยแววตาหงุดหงิด จากนั้นจึงกระแทกบั้นท้ายใหญ่โตนั่งบนเก้าอี้ตัวถัดจากชารีน สาวน้อยไม่เถียงเพราะเธอทำไม่เป็นจริงอย่างที่แม่บ้านสาวคนนี้ต่อว่า ถ้าเถียงก็คงสู้เขาไม่ได้อยู่ดี
“คงดีแต่คอยอ้าขาให้คุณสิงห์เอาละสิ ฉันเห็นหรอกนะ เมื่อวันนั้นนะ แกหายเข้าไปในห้องทำงานกับคุณสิงห์ ออกมาอีกทีก็รุ่งเช้าของอีกวันเลย” กำไรแยกเขี้ยวไม่ต้องสาธยายต่อ บอกแค่นี้ใครๆก็รู้มันหายเข้าไปในห้องกับคุณสิงห์ทำไม
คอยดูเถอะถ้ามีครั้งต่อไป แม่จะโทรฟ้องคุณฤดีให้มาฉีกอก ตบใบหน้าสวยๆของอีนี่ให้ยับเยิน
“พูดจาให้มันดีๆหน่อยสิกำไร ระวังคุณสิงห์จะลงมาได้ยินเข้า เอ็งก็รู้ผู้หญิงคนนี้นายพามาด้วยจุดประสงค์อะไร ถ้าไม่อยากถูกเฉดหัวออกจากที่นี่ ก็หัดสงบปากสงบคำเอาไว้บ้าง” ป้าหัวหน้าแม่บ้านที่บังเอิญเดินผ่านมาเอ็ดขึ้นเสียงแข็ง พลางปรายหางตามองเด็กสาวผิวพรรณผู้ดีแล้วถอนหายใจอย่างนึกเวทนา
โธ่!คุณสิงห์นะคุณสิงห์ เด็กผู้หญิงคนนี้ยังเป็นเพียงเด็กสาวไร้เดียงสาอยู่แท้ๆ ไม่รู้ทำลงคอไปได้ยังไง นางคิดพลางส่ายหน้าอย่างเอือมระอาเกี่ยวกับนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุดุดันไม่ค่อยฟังใครของชายหนุ่มเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่โตแห่งนี้
ถึงปากจะตำหนิ แต่ภายในใจนั้นทั้งรักทั้งเชิดชู จะทำอย่างไรได้ก็นางเลี้ยงดูของนางมาตั้งแต่แบเบาะ ไอ้นิสัยใจร้อนมุทะลุนี่ก็ได้นิสัยคุณผู้ชายมาล้วนๆ พากันเข้าแก๊งเข้ากลุ่มจนเห็นเรื่องชกต่อยฟันแทงเป็นเรื่องธรรมดา นี่ถ้าคุณผู้หญิงไม่มาด่วนจากไปเสียก่อน ป่านนี้คงได้นั่งกุมขมับเช้าเย็นกับพฤติกรรมไม่น่ารักแบบนี้ของคุณสิงห์เป็นแน่แท้เชียวละ
“มาเดี๋ยวป้าสอนเด็ดให้เอง ส่วนเอ็งกำไรก็เข้าไปช่วยคนอื่นในห้องครัวเลยไป” หัวหน้าแม่บ้านลงทุนนั่งสอนงานด้วยตัวเอง เมื่อนางเหลือบเห็นตาแดงๆของชารีนเข้าพอดี
“รอดตัวไปนะอีคนสวย ระวังตัวไว้ให้ดีก็แล้วกัน ระวังคนรักของคุณสิงห์จะมาแหกอกแกเข้า ถ้าเขารู้ว่ามีอีนังหน้าด้านคิดจะงาบคนรักเขาไปกินอยู่ในบ้านหลังนี้ด้วย” กำไรกระเถิบเข้าใกล้ร่างเล็กบอบบางของชารีนพร้อมกระซิบคำขู่ตอนหัวหน้าแม่บ้านหันหลังให้เพื่อร้องสั่งงานคนในห้องครัว
สาวน้อยหลบตานั่งตัวลีบ รู้สึกหัวใจสั่นหวิวเมื่อได้ยินว่าสิงห์มีคนรักอยู่แล้ว...
“ไปได้แล้วกำไร อย่ามัวแต่ชักช้าพิรี้พิไร ประเดี๋ยวจะไม่ทันคุณสิงห์กับคุณฤดีตื่นนอนเสียก่อน”
ป้าปานหัวหน้าแม่บ้านสะบัดมือไล่ลูกน้องอายุอ่อนสุดในห้องครัว ตอนแรกที่ใช้ให้มันมาเป็นคนคอยสอนงานชารีน เพราะนางเห็นอายุรุ่นราวคราวเดียวกันน่าจะคุยกันถูกคอ แต่ที่ไหนได้กลับตรงกันข้ามเสียนี่...
ชารีนยกมือไหว้ขอบคุณป้าปาน เมื่อนางสอนวิธีการเด็ดใบตำลึง หัวหน้าแม่บ้านเป็นคนใจดี นางไม่เคยต่อว่าเธอเลยสักคำ เธอเลยตั้งใจทำตามอย่างมุ่งมั่นอาจด้วยรู้สึกละอายใจ งานง่ายๆแบบนี้เธอยังทำไม่เป็น จนเมื่อผักตำลึงเริ่มพร่องไปได้ครึ่งกะละมัง ชารีนกลับถูกเรียนตัวให้ขึ้นไปพบเจ้านาย
เด็กสาวแข้งขาอ่อนยวบ เริ่มใจคอไม่สู้ดี น้ำตาใสๆเริ่มคลอเบ้าขึ้นมาอีกรอบเมื่อได้ยินคำสั่งจากชายหนุ่มร่างใหญ่ บอกให้เธอขึ้นไปหาคุณสิงห์บนตึก หญิงสาวทอดสายตาเศร้าสร้อยมองหัวหน้าแม่บ้านเพื่อขอความช่วยเหลือจากนาง ปานส่ายหน้าแล้วพยักหน้าให้เธอลุกตามชายหนุ่มคนนั้นไปแต่โดยดี...
*********************************