“ว้าย…เพิ่งเห็นว่า ‘ร่างทรงชะนี’ ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้นี่เอง เป็นยังไงยะหล่อน ไม่ได้กัดใครเข้าสักวัน มันร้อนรุ่มทุรนทุรายจะเป็นจะตายมากนักหรือไง ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันจะได้ลากหล่อนไปตบล้างน้ำเพื่อดับความร้อนให้” ที่พูดมาทั้งหมดก็เพราะรู้กิตติศัพท์ของสองสาวลูกคุณหนูดีว่าแสบสันมากแค่ไหน ท้ายประโยคแดเนียลไม่ได้แค่ข่มขู่ แต่ทำท่าขึงขังคล้ายจะเอาจริง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!” เมื่อเห็นว่าสองต่อสองยังไงก็สู้ไม่ไหว สองสาวไฮโซที่ชอบหาเรื่องระรานไปทั่วจึงทำเป็นเค้นเสียงกระด้างโต้ตอบ ก่อนจะสะบัดหน้าพรืด แล้วจ้ำอ้าวจากไปอย่างไม่คิดจะเหลียวหลัง เพราะกลัวว่าจะโดนกะเทยร่างยักษ์ฟัดจนหมอไม่รับเย็บ
“ได้สิยะ ฉันรับฝาก เจอกันคราวหน้าฉันจะคิดค่าฝากจนพวกหล่อนสองคนต้องหาปี๊บมาคลุมหัวเชียวละ” แดเนียลยังไม่วายส่งเสียงกระด้างไล่หลัง ทำเอาสองสาวต้องผ่อนฝีเท้าลง กัดฟันกำหมัดตัวสั่นเทิ้มด้วยความเดือดดาลสุดขีด แล้วเดินลิ่วจากไป
“ไปเถอะแก คนมองใหญ่แล้ว” วาเนสซ่ามองตามนางแบบสาวตัวแสบจนลับสายตา แล้วถึงได้รู้ว่าตัวเองและเพื่อนรักตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งผับ จึงหันมาสะกิดอีกฝ่ายพร้อมเอียงหน้ากระซิบกระซาบด้วยความกระดากอาย ถึงแม้เธอจะเป็นสาวมั่นแต่ก็ไม่ชอบใจนักที่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน
“อายอะไร หล่อล่ำน่าปล้ำทั้งนั้น” แดเนียลไม่พูดเปล่า แต่โบกไม้โบกมือพร้อมขยิบตาให้หนุ่มน้อยใหญ่อย่างมีจริตมารยา จนได้รับการเป่าปากแซว บ้างก็รีบเบือนหน้าหนี เพราะกลัวว่าจะตกเป็นเป้าหมายของพ่อหนุ่มใจหญิง
จากนั้นสองเพื่อนซี้ก็ควงแขนกันมุ่งหน้าไปยังโต๊ะที่อยู่ในโซนวีไอพี บนชั้นสองของผับหรูแห่งนี้ ซึ่งค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง
“นังชะนี หล่อนนัดไอ้หมอนั่นมาด้วยเหรอยะ” แดเนียลโพล่งขึ้นด้วยท่าทางเซ็งจัด เมื่อเหลือบไปเห็นคีแกนนั่งละเลียดเหล้าอยู่คนเดียว เนื่องจากว่าไม่ค่อยถูกชะตากับแฟนหนุ่มของเพื่อนซี้สักเท่าไร
“เออ…เถอะน่า ฉันขอคุยกับเขาแป๊บเดียวเอง” เจ้าของร่างเพรียวระหงกล่าวคล้ายเกลี้ยกล่อม ก่อนจะรุนแผ่นหลังกว้างให้ก้าวไปยังโต๊ะที่แฟนหนุ่มนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่อีกฝ่ายกลับขืนกายเอาไว้อย่างสุดกำลัง
“ไม่เอาละ ฉันไปแดนซ์ดีกว่า ตามสบายนะยะ” กล่าวจบแดเนียลก็โบกมือ แล้วมุ่งหน้าไปทางที่นักเที่ยวกลางคืนกำลังเต้นกันมันสุดเหวี่ยง โดยไม่คิดจะฟังคำทัดทานจากเพื่อนสาวที่ดังไล่หลังมา
เมื่อเงยหน้ามาเจอแฟนสาวคนสวย คีแกน แลมป์ซี ก็ลุกขึ้นยืนพร้อมส่งยิ้มกว้างให้วาเนสซ่า ก่อนจะเดินเข้าไปสวมกอดร่างเซ็กซี่อย่างแนบแน่น ทว่าหญิงสาวกลับรีบดันอีกฝ่ายออกห่าง พลางลอบนิ่วหน้าด้วยความไม่ชอบใจ หากแต่ไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ
“ว่านจะดื่มอะไรดีครับ เดี๋ยวผมสั่งให้” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเอาอกเอาใจ ขณะระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันพูดกับคุณจบแล้วก็จะไป” วาเนสซ่าเดินไปหย่อนสะโพกลงบนโซฟาในฝั่งตรงข้ามกับชายหนุ่ม แล้วเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ว่านมีอะไรจะพูดกับผม อย่างนั้นเหรอครับ” ยกเหล้าในมือขึ้นจิบเล็กน้อยคล้ายบรรเทาอาการคอแห้ง แล้วเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
‘พอกันที กับความสัมพันธ์จอมปลอมสิ้นดี’ หญิงสาวตัดสินใจอย่างเด็ดขาดในวินาทีนี้ ว่าจะเลิกสวมหน้ากากเข้าหาผู้ชายที่พ่อบุญธรรมสรรหามาให้สักที เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายเต็มทน
“เราเลิกกันเถอะ” สาวเปรี้ยวโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
“คุณว่าอะไรนะ วาเนสซ่า!” เจ้าของร่างสูงใหญ่อุทานเสียงหลง พร้อมทวนถามอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่หูของตัวเองได้ยินเมื่อสักครู่
“ฉันบอกว่า ฉันจะเลิกกับคุณ ชัดไหม!” น้ำเสียงหนักแน่นเอ่ยย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำ ขณะมองใบหน้าหล่อเหลาด้วยสายตาว่างเปล่า
คนที่โดนปลดระวางจากตำแหน่งแฟนกลางอากาศถึงกับอ้าปากค้างไปหลายอึดใจ คบกันยังไม่ทันจะถึงหนึ่งเดือนแม่สาวน้อยร้อยเตียงก็ทำพิษเข้าให้เสียแล้ว
“ทำไมล่ะ ในเมื่อทุกอย่างมันกำลังจะไปได้สวย” เมื่อได้สติคีแกนก็ซักถามด้วยความงุนงง ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพลย์บอยหนุ่มอย่างเขาทั้งเสียหน้าและเสียความรู้สึกเมื่อถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย
“ฉันเบื่อคุณแล้ว ไปนะคะ…บาย” ประโยคยอดฮิตทำเอาคนฟังถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก กล่าวจบวาเนสซ่าก็เชิดหน้าก้าวฉับๆ จากไปอย่างไม่คิดแยแสว่าคนที่อยู่เบื้องหลังจะรู้สึกเช่นไร
วิธีตัดสัมพันธ์ของสาวเจ้ารวดเร็วทันใจไวปานจรวด ทำเอาลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของท่านรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมถึงกับมึนตึ้บคล้ายโดนหมัดหนักๆ ฮุกกลางอากาศ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหนุ่มรูปหล่อพ่อรวยอย่างคีแกน แลมป์ซี จะถูกแม่สาวน้อยร้อยเตียงสลัดรักอย่างไม่ไยดี
ระหว่างรอรถที่จะมารับกลับไปยังโรงแรม วาเนสซ่าก็ยืนกอดอกคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาจนนับครั้งไม่ถ้วน ขณะทำหูทวนลมกับเสียงบ่นยืดยาวของคนที่ยืนทำหน้าเซ็งจัดอยู่ข้างๆ พอรู้ตัวอีกทีร่างอ้อนแอ้นก็ปลิวตามแรงกึ่งลากกึ่งจูงของพ่อหนุ่มมาดตุ้งติ้งเสียแล้ว
“แดเนียล แกจะลากฉันมาที่นี่อีกทำไมยะ ฉันจะกลับไปนอน” วาเนสซ่าขืนแรงรั้งและเริ่มโวยวาย เมื่อเพื่อนสาวในร่างชายทำท่าจะลากเธอกลับเข้าไปภายในผับหรูอีกครั้ง
“อ๊าย…นังชะนี บอกกี่ครั้งแล้ว ว่าให้เรียกคนสวยว่าแดนนี่ สอนไม่รู้จักจำประเดี๋ยวก็ตบปากเจ่อซะเลยนี่” คนฟังกรีดร้องด้วยความคับข้องใจ แล้วยืนเท้าสะเอวด่าฉอดๆ
“ปากฉันเจ่อและเซ็กซี่อยู่แล้ว คงไม่ต้องพึ่งมือสากๆ ของแกหรอกย่ะ” แม่สาวเปรี้ยวจี๊ดเชิดหน้าสะบัดผมพลิ้วไสวยืนยันความสวยของตัวเองอย่างมั่นอกมั่นใจ จนคนมองนึกหมั่นไส้ขึ้นมาครามครัน
“ย่ะ นังชะนีที่สวยสุดในสามโลก” กระแทกเสียงแปร๊นประชดประชัน
“ฉันจะถือว่านั่นคือคำชมก็แล้วกัน” วาเนสซ่าลอยหน้ายอกย้อน ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการแดกดันมากกว่าเยินยอ
“ย่ะ ฉันชินเสียแล้วละกับไอ้อาการหลงตัวเองของหล่อน คนสวยกว่าเซ็งว่ะ” แดเนียลเอาคืนด้วยวาจาจิกกัดพอหอมปากหอมคอ ท่าทางเหมือนเบื่อโลกของเพื่อนรักทำให้แม่สาวสวยถึงกับยกมือป้องปากหัวเราะคิกคัก
“อืม…จะว่าไปแล้ว วันนี้หล่อนก็เป๊ะเวอร์เหมือนกันนะยะ แต่ทำไมชุดนี้ฉันไม่เคยเห็นเลยล่ะ หรือว่าหล่อนแอบไปถอยมาใหม่โดยไม่บอกฉัน” แดเนียลยกมือใหญ่ขึ้นลูบปลายคาง พลางกวาดนัยน์ตาคมกริบสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้าของร่างอรชร ก่อนจะเอ่ยชมออกมาด้วยท่าทางจริงใจ แต่ท้ายประโยคยังไม่วายทำหน้าสงสัย
“ถอยบ้าถอยบออะไรล่ะ นี่ชุดเก่า แต่เอาไปให้ช่างประยุกต์นิดหน่อย เป็นไงเก๋ใช้ได้ไหมยะ” ขาดคำแม่สาวมั่นสุดเปรี้ยวก็ขยิบตาให้เพื่อนรักอย่างซุกซน แล้วตบท้ายด้วยการหมุนตัวให้อีกฝ่ายได้ยลโฉมครบทุกองศา
ระยะหลังมานี้วาเนสซ่าต้องใช้จ่ายเงินอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากสุดเท่าที่จะทำได้ อะไรที่ไม่จำเป็นจะพยายามตัดออกไปหรือไม่ก็ลดการจับจ่ายลง รวมถึงการซื้อของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้า แต่ด้วยความที่ยังติดกับความหรูหราและสวยงาม เธอจึงหอบเสื้อผ้าที่มีในตู้ไปให้ช่างประจำประยุกต์ให้ดูทันสมัยและไม่ซ้ำกับใคร โดยการตัดตรงนี้ออกนิด เพิ่มตรงนั้นเข้าหน่อย จนดูๆ ไปแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรจากของใหม่ที่เพิ่งซื้อมาจากห้องเสื้อดัง
“อื้อ…เข้ากับผมสีดำได้ดีเชียวละ สวยเจิดได้ใจกะเทยไปเต็มๆ” คำชมที่พาดพิงไปถึงเรื่องสีผมทำให้ใบหน้ากระจ่างใสพลันแต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มหวานหยด เพราะแท้จริงแล้วแต่กำเนิดวาเนสซ่ามีผมสีน้ำตาลอ่อน ทว่าด้วยความที่ใบหน้ากระเดียดมาทางยุโรปมากเกินไปจนแทบไม่เหลือเค้าความเป็นไทยตามเชื้อสายของมารดา เธอจึงตัดสินใจย้อมผมเป็นสีดำสนิทเมื่อสี่ปีที่แล้ว พร้อมกับปรับลุคเป็นคนใหม่ที่สวยเฉี่ยวเปรี้ยวจี๊ดชนิดสามร้อยหกสิบองศา จากแต่ก่อนที่ว่าร้อนแรงอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งฮ็อตจนเอาอะไรมาฉุดก็หยุดไม่อยู่ และนั่นก็พลอยทำให้ผู้ชายมากหน้าหลายตาต่างดาหน้ากันเข้ามาขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวัน
“นั่นไง ฉันคิดแล้ว ว่าแกจะต้องชอบ” แม่คนสวยแถมยังพกความมาดมั่นมาอย่างล้นหลามเอ่ยเข้าข้างตัวเองจนอีกฝ่ายนึกหมั่นไส้
“ย่ะ แล้วหล่อนไม่คิดจะหันไปแต่งตัวหวานๆ ให้ดูน่ารักน่าทะนุถนอมบ้างเหรอยะ” เลิกคิ้วถามด้วยความแปลกใจเพราะสี่ปีให้หลังมานี้เพื่อนสาวไม่เคยเปลี่ยนโทนสีเครื่องแต่งกายเลย วาเนสซ่าจะเน้นเฉดสีจัดจ้านสะดุดตาเป็นหลัก
“ไม่ละ สีสันจัดจ้านและร้อนแรงแบบนี้ มันทำให้ฉันมั่นใจในตัวเองอย่างบอกไม่ถูก” หญิงสาวส่ายหน้าเบาๆ พร้อมแย้มกลีบปากอวบอิ่มอธิบายถึงเหตุผลให้อีกฝ่ายได้รับฟังและเข้าใจ
“โอเค ไม่ว่าหล่อนจะทำตัวยังไง ใส่เสื้อผ้าสีอะไร หล่อนก็ยังเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดอยู่ดีนั่นแหละ” แดเนียลไหวไหล่กว้างเบาๆ อย่างเคารพในความชอบส่วนตัวของเพื่อนรัก เพราะคงไม่สามารถเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ
“ขอบใจมากนะแดเนียลเพื่อนรัก ฉันรักแกที่สุดเลย” วาเนสซ่าทำท่าจะโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่ หากไม่โดนอีกฝ่ายใช้สายตาจิกอย่างเอาเรื่องเสียก่อน
“อ๊ะๆๆ…กรุณาเรียกฉันให้มันถูกต้องด้วยนะยะ ไม่งั้นจะหาว่าสาวประเภทสองที่สวยสุดในสามโลกไม่เตือน” พ่อหนุ่มใจหญิงแยกเขี้ยวใส่ เมื่อได้ยินสรรพนามไม่พึงประสงค์อีกครั้งในค่ำคืนนี้ ก่อนจะชี้หน้าปรามฉอดๆ ทำให้วาเนสซ่าถึงกับอ้าปากค้าง
“โอเค…แดนนี่ก็แดนนี่ ว่าแต่แกลากฉันกลับมาที่นี่ทำไมยะ ถ้าเหตุผลไม่เข้าท่าพรุ่งนี้ฉันจะหาเลขาฯ ใหม่มันเสียเลย” แม่สาวลูกครึ่งกระแทกลมหายใจแรงๆ อย่างยอมแพ้ คำข่มขู่ที่หลุดออกมาจากเรียวปากสีแดงสดในตอนท้ายทำให้แดเนียลค้อนจนตาคว่ำ
“ฉันอยากสนุกที่นี่ ไม่อยากกลับไปนอนแกร่วที่โรงแรมตั้งแต่ยังไม่ทันจะห้าทุ่ม หล่อนอย่าเพิ่งพาฉันกลับเลยนะ อีกอย่างฉันก็เพิ่งเคยมาที่นี่เป็นครั้งแรกด้วย” พ่อหนุ่มร่างยักษ์ปรี่เข้าไปเกาะแขนเพื่อนสาวพร้อมส่งน้ำคำอ้อนออด วาเนสซ่าจ้องหน้าคนที่กำลังกะพริบตาปริบๆ แล้วกลอกตาขึ้นฟ้าอย่างระอากับนิสัยช่างอ้อนของอีกฝ่าย ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาอย่างยอมจำนน
“โอเค…อยู่ต่อก็ได้” ขาดคำหญิงสาวก็ต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเพื่อนซี้ตัวแสบโผเข้ากอดแรงๆ ด้วยความยินดีปรีดา
“อ๊าย…น่ารักที่สุดในโลก เออ…แล้วแฟนหล่อนไปไหนกันยะ” หลังจากออกอาการดี๊ด๊าก็นึกขึ้นมาได้ จึงถามไถ่พลางหันซ้ายแลขวา
“ฉันบอกเลิกไปแล้ว” วาเนสซ่าสวนกลับด้วยสายตาว่างเปล่าไร้ความรู้สึก
“ชะนีชัดเจน กะเทยชอบ!” สรุปเสร็จสรรพแดเนียลก็ยิ้มร่าด้วยความถูกอกถูกใจ ก่อนจะคล้องแขนเรียวของเพื่อนรัก แล้วพากันมุ่งหน้าเข้าสู่ผับหรูอีกครา