‘ไอ้ลีโอ’ ที่ว่ามันก็คือสุนัขตัวผู้สายพันธุ์เยอรมันเชพเพิร์ด ที่หลงทางและหิวโซมานอนป่วยอยู่หน้าบ้านของฮันเตอร์ ชวิน โซโคลอฟ เจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ซึ่งเขาเห็นแล้วก็นึกเวทนาจึงให้คนเอาเข้ามาดูแลในบ้าน และให้ข้าวให้น้ำจนกว่ามันจะหายดี แต่เมื่อถึงวันที่เจ้าของบ้านไล่ หมาตัวใหญ่ยักษ์กลับปักหลักประท้วงด้วยการอดอาหารจนป่วยหนักอีกรอบ สรุปคือฮันเตอร์จำต้องเลี้ยงไอ้หมาจอมมารยาเจ้าสำออยเอาไว้ที่บ้าน พร้อมกับตั้งชื่อใหม่ให้มันซะเท่ระเบิดว่า ‘ไอ้ลีโอ’ ซึ่งมันหวงพ่อหนุ่มเจ้าสำราญยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่มีนิสัยน่ารัก ช่างประจบ และไม่ก้าวร้าว แต่เมื่อไรก็ตามที่เห็นสาวๆ มาห้อมล้อมเจ้านายสุดหล่อ ไอ้ตัวแสบก็จะออกอาการกราดเกรี้ยวและไล่ฟัดไม่เลือกหน้า จนฮันเตอร์ปวดเศียรเวียนเกล้า และไม่กล้าหิ้วสาวหน้าไหนมานอนที่บ้านอีกเลย
“ปากดีแบบนี้ น่าจะไปทำหน้าที่โฆษกมวยปล้ำว่ะ นัดไหนมีแกนัดนั้นท่าจะมันหยดติ๋งๆ” เฮย์เดนจอมกะล่อนไหวไหล่เบาๆ ลอยหน้ายอกย้อนอย่างยียวน พลางลากเก้าอี้มานั่งขนาบข้างปีเตอร์ ก่อนจะตวัดลำขาแกร่งขึ้นไขว่ห้างด้วยท่าทีแสนสบาย
“ใช่ คงจะเป็นนัดหยุดโลกเชียวละ” กาเบรียล กฤดาการ เลเฮนสัน พ่อหนุ่มมาดกวน ทว่าแฝงไปด้วยความขี้เล่น เจ้าของบริษัทส่งออกเคมีเกษตรยักษ์ใหญ่ยืนล้วงกระเป๋า กล่าวสนับสนุนพลางยักคิ้วกวนๆ ก่อนจะหย่อนสะโพกแกร่งลงบนเก้าอี้ตัวสุดท้ายที่ยังไม่มีผู้จับจอง แล้วจัดการรินเหล้าบริการตัวเอง
“ว่าแต่…ไอ้หมึกยักษ์ มันเหยียบเล็บขบหรือตาตุ่มแกกันแน่วะพวก ถึงได้ส่งมันไปสารภาพบาปกับยมบาลรวดเร็วทันใจไวปานจรวดติดสามจีแบบนั้น” ฮันเตอร์เปิดปากซักไซ้ด้วยน้ำเสียงยียวนกึ่งกลั้วหัวเราะ หลังจากยกแก้ววิสกี้สาดลงคอเพื่อดับกระหาย
“มันสมควรตาย!” น้ำเสียงห้วนจัดถูกเค้นออกมาจากลำคอปูดโปนของเจ้าพ่อค้าเพชร ใบหน้าหล่อระเบิดระเบ้อพลันถมึงทึงในทันตา พอมีคนมาสะกิดให้คิดเข้าหน่อยความโมโหก็พุ่งปรี๊ดจนแทบทะลุเพดาน
“นรกเท่านั้น คือที่ที่มันควรจะไปสิงสถิต จริงไหมวะ?” กาเบรียลทำตัวเป็นแนวร่วมที่ดีก็เพื่อให้คนฟังคลายจากอาการเครียดเขม็ง อีกทั้งยังอยากให้ปีเตอร์รู้สึกว่าอย่างน้อยๆ ก็ยังมีเพื่อนอย่างเขาเข้าใจในความรู้สึกที่กำลังอัดแน่นอยู่ในตอนนี้
“ใช่” รอยยิ้มร้ายกาจกดลึกที่มุมปากหยักของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ พลางพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะจัดการรินเหล้าให้ตัวเองอีกแก้ว
“นี่แหละ ปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี ‘เจ้าพ่อศาลเตี้ย’ ตัวจริงเสียงจริง” ฮันเตอร์แสร้งปั้นสีหน้าและท่าทางเหมือนสรรเสริญเยินยอ ทว่าแท้จริงแล้วแอบหมั่นไส้เพื่อนซี้จอมโหดเสียเต็มประดา
“ยิงหมาขี้เรื้อนดับอนาถไปหนึ่งตัว ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดี” เฮย์เดนเปรยออกมาด้วยน้ำเสียงรื่นเริง แต่คนฟังชักขำไม่ออก
“มุกแกตลกฝืดโคตรๆ เลยว่ะ ไอ้เฮย์เดน” เจ้าของดวงตาแข็งกร้าวกล่าวจบก็ยกแก้วเหล้าสาดลงคอเพื่อระงับความกลัดกลุ้มที่กำลังวิ่งพล่านไปทั้งร่างทรงพลัง
“อ้าว…เหรอวะ เพิ่งรู้นะนี่ย ว่าคนหล่อลีลาขั้นเทพอย่างฉัน มันทำตลกไม่เอาอ่าว” เลิกคิ้วถามด้วยท่าทางหน้าซื่อตาใส ทำเอาสามหนุ่มที่เหลือต้องส่ายหัวให้กับความลื่นไหลไม่มีสะดุด ของพ่อหนุ่มจอมกะล่อนประจำกลุ่ม
“เออ…แกไม่ต้องห่วงนะ คนนี้น้องชายฉันรับปากว่าจะเคลียร์ให้ เห็นบอกว่าเป็นคนที่ทางตำรวจตามตัวมานานแล้ว” เมื่อฉุกคิดขึ้นมาได้กาเบรียลก็รีบเอ่ยให้เพื่อนรักสบายใจ เพราะก่อนจะมาที่นี่เขาได้โทรศัพท์พูดคุยกับน้องชายไปถึงรูปคดีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อืม…ขอบใจแกมากนะ ไอ้กาเบรียล” ปรายตามองหน้าเพื่อนพร้อมเอ่ยงึมงำในลำคอแกร่ง ก่อนที่ดวงตาสีมรกตจะจับจ้องแก้วน้ำสีอำพันคล้ายกำลังคิดอะไรหมกมุ่นอยู่ในใจ
“เฮ้ย…ยิงหมาดับอารมณ์ไปตั้งตัวหนึ่ง ทำหน้าให้มันสดชื่นหน่อยสิวะเพื่อน” เฮย์เดนเห็นอาการเจ้าบ้านก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาครามครัน จึงตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ แล้วหยิบยกเอาวลีกวนๆ ขึ้นมาเย้าเล็กน้อย ทว่าคนฟังกลับกระแทกลมหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิดงุ่นง่าน
“อย่าบอกนะ ว่าที่พวกแกถ่อมาถึงนี่ เพียงเพื่อจะมาถามเรื่องที่ฉันยิงหมาตาย” ขยับเรียวปากหยักซักไซ้ไล่เรียง พลางหรี่ตามองหน้าเพื่อนซี้ทั้งสามอย่างไม่ชอบใจ เนื่องจากรู้ดีว่าอีกฝ่ายแจ้นมาที่นี่เพราะเรย์คาบข่าวไปบอก จึงพาลพาโลโกรธเคืองไปถึงเลขาฯ หนุ่มมาดทะเล้น
‘ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนั่น มันแส่ไม่เข้าเรื่องเลยจริงๆ ฮึ่ม!’ เจ้าพ่อหนุ่มคำรามในใจด้วยความโมโห นึกอยากจะหักเงินเดือนลูกน้องปากสว่างขึ้นมาครามครัน
“ใครว่า…เราคิดถึงแกต่างหากละ ก็เลยอยากมาดูหนังหน้าให้เป็นบุญตาสักหน่อย” น้ำเสียงขี้เล่นถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากของเจ้าพ่อสถาบันการเงินสุดหล่อ ตบท้ายด้วยการขยิบตาให้
“ตอแหลโคตรเลยว่ะ” ปีเตอร์ย้อนกลับด้วยเสียงห้าวกระด้าง เบ้ปากอย่างไม่เชื่อเลยสักนิด หากแต่สีหน้าผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย และนั่นก็ทำให้สามหนุ่มที่เหลือต่างลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ด่าเลยพวก เพราะมันทำให้ฉันเจริญอาหารดีพิลึก” เฮย์เดนไม่พูดเปล่า แต่พ่อคนกวนประสาทหยิบจับกับแกล้มทุกอย่างที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าเข้าปาก คล้ายสวาปามราวกับตายอดตายอยาก ส่งผลให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเครียดจัดอดคลี่ยิ้มบางๆ ที่มุมปากหยักไม่ได้
“ใช่ คำด่าจากมหาเศรษฐีผู้หยิ่งยโสและจองหองเข้าขั้น อย่างปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี มันเพราะกว่าเสียงดนตรีของวงออร์เคสตราดังระดับโลกเลยนะโว้ย จะบอกให้” ได้ทีเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ก็สนับสนุนความคิดเห็นของเพื่อนรักยกใหญ่ ฉีกยิ้มกว้างจนน่าหมั่นไส้ ทำให้เจ้าบ้านอยากจะประเคนลูกถีบให้คนละทีสองที เพื่อเป็นของสมนาคุณที่พวกมันอุตส่าห์แจ้นมากวนโอ๊ยเขาถึงที่ วันหยุดสุดสงบได้ป่นปี้เป็นเท่าตัวก็คราวนี้แหละ
“เห็นหน้าฉันแล้ว พวกแกก็ไสหัวไปสิวะ จะมาพล่ามให้เปลืองน้ำลายอยู่ทำไม” เจ้าบ้านขับไล่อย่างเย็นชาไร้ความรู้สึกสิ้นดี
“เฮ้ย…จะไปได้ไง อุตส่าห์บึ่งรถมาตั้งไกล อย่าแหกปากไล่เสียให้ยาก” เฮย์เดนประท้วงด้วยการโวยลั่น
“น่าเชื่อตายละ ฐานบัญชาการของพวกแกอยู่ที่ประเทศไทย แล้วบึ่งรถมาทำซากอะไรไกลถึงที่นี่” ปีเตอร์เบ้ปาก แล้วกล่าวประชดประชัน
“เรามีเงินเป็นกระตั้กๆ เลยอยากผลาญน้ำมันเล่น ก็แค่นั้น” เฮย์เดนพ่อมหาเศรษฐีขี้โอ่โพล่งขึ้น พร้อมยักไหล่อย่างยียวนกวนประสาทสุดๆ
“แหม…ไอ้มหาจำเริญ ถ้ามีเงินมากนัก ทำไมแกไม่หิ้วอีหนูไปกกที่วิลล่าของตัวเองสักร้อยคนให้สบายใจเฉิบไปเลยล่ะ มาป่วนฉันหาพระแสงอะไร” เจ้าพ่อค้าเพชรอดแขวะเพื่อนซี้ไม่ได้ เพราะรู้ดีว่าตัวป่วนแห่งชาติทั้งสามมีบ้านพักตากอากาศอยู่แทบทุกมุมโลก ไม่เว้นแม้กระทั่งในเวเนซุเอลา แต่ที่พวกมันเลือกมาที่นี่บ่อยจัด ก็เพราะว่าเวเนซุเอลาขึ้นชื่อเรื่องหญิงงาม แถมแต่ละนางยังหุ่นโคตรสะบึมกันทั้งนั้น
“ถือว่าเป็นคราวซวยของแกก็แล้วกันว่ะ เพราะเราสามคนบังเอิญมาคุยธุระเรื่องงานที่เวเนซุเอลาพร้อมกัน แล้วดันรู้ว่าแกมาที่นี่ ฉะนั้นเราก็เลยรีบแจ้นมาหาแกทันที” เฮย์เดนกล่าวอย่างหน้าตาย
“ใช่ พอรู้ว่าแกมาผักผ่อนที่นี่ ฉันก็ปฏิเสธหญิงเลยนะเว้ย” ฮันเตอร์พ่อคนมีหญิงในสต็อกเยอะเป็นกุรุสรีบเอ่ยเอาดีเข้าตัว แต่ยังไม่วายทำท่าทะเล้นชวนมอบบาทาเป็นรางวัลประทับรอยที่หน้าอย่างงามๆ สักที
“ฉันหนักกว่าแกอีกว่ะ ลากแม่หนองโพขึ้นเตียง โดยไม่ทันจะขย่มจนถึงสวรรค์ชั้นเจ็ด ทีเด็ดยังไม่ปล่อย แต่ได้ข่าวว่าเจ้าพ่อศาลเตี้ยท่านเกิดเรื่องก็สลัดหญิงทิ้ง แล้วรีบชิ่งมาเลยนะโว้ยเพื่อน” เฮย์เดนปั้นสีหน้าและน้ำเสียงแสนเสียดายชวนหมั่นไส้เป็นที่สุด
เนื่องจากว่าแก๊งนี้มีทั้งหมดห้าหนุ่มหล่อเพลย์บอยตัวพ่อ ซึ่งล้วนเป็นลูกครึ่งไทย-สวีเดน จะยกเว้นก็แต่ปีเตอร์ เจย์ลาสโคนี และในช่วงวัยรุ่นเขาก็มักไปคลุกคลีอยู่ที่ฟาร์มวัวของเพื่อนซี้คนสุดท้ายในก๊วนอย่าง เชส คับฟ้า สเปนเซอร์ ซึ่งลงหลักปักฐาน ณ ประเทศไทยเป็นการถาวร ต่างจากเฮย์เดน กาเบรียล และฮันเตอร์ ที่ถึงแม้ฐานธุรกิจจะอยู่ประเทศไทยเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังไปๆ มาๆ ระหว่างไทยกับสวีเดน และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือเหตุผลที่ว่า ทำไมทุกคนในแก๊งถึงไม่แปลกใจกับคำว่า ‘แม่หนองโพ’ เลยสักนิด
“อย่ามาขี้โม้ไปหน่อยเลยน่า ฉันรู้สันดานแกดี แกฟาดแม่หนองโพมาแล้วทั้งคืนน่ะสิไม่ว่า ถึงได้กล้าสลัดหล่อนทิ้งอย่างง่ายดายแบบนั้น” ปีเตอร์ย้อนกลับชนิดคนฟังอ้าปากค้าง
“เออ…ถ้าจะเชื่อคำพูดมัน ก็รอให้เต่ามีเขางอกออกมาก่อนเถอะ” ได้ทีกาเบรียลก็ผสมโรงอย่างนึกสนุกแกมหมั่นไส้ไอ้พ่อเพลย์บอยสายพันธุ์ปลาไหลอย่างเฮย์เดน เขาว่าเขาเองก็ขี้เล่นและกะล่อนพอตัว แต่เจอเฮย์เดนแล้วเป็นต้องชิดซ้ายตกขอบถนน
“รู้ใจป๋าดีจริงว่ะพวก ถ้าสาวๆ รู้ใจป๋าแบบนี้ ป๋าจะจัดทิปหนักๆ จนกระเป๋าฉีกไปเลย แต่อย่างน้อยฉันก็แสดงสปิริตนะเว้ย” ท้ายประโยคทำเอาคนฟังต่างพากันขมวดคิ้วมุ่น
“สปิริตตรงไหนวะ ไอ้พ่อปลาไหล!” ปีเตอร์กระแทกเสียงสวนกลับอย่างนึกหมั่นไส้
“สลัดหญิงทิ้ง แล้วรีบมาหาในเวลาที่เพื่อนกำลังมีภัย ยังไงละ” พ่อหนุ่มขี้เล่นแอ่นอกกล่าวอย่างภาคภูมิใจ พร้อมขยิบตาให้ด้วยมาดทะเล้นเหลือรับประทาน
“ฟังดูดีเนอะ แต่ตอแหลโครตๆ เลยว่ะ” กาเบรียลอดแดกดันแทนปีเตอร์ไม่ได้ ด้วยเบื่อหน่ายกับการสำบัดสำนวนชวนลื่นไหลของเฮย์เดน
“เออ…ว่าแต่แกจะกลับสวีเดนเมื่อไรวะ” หลังจากฮันเตอร์หยิบเมล็ดถั่วลิสงอบแห้งโยนขึ้นกลางอากาศ แล้วร่อนริมฝีปากมากพิษสงอ้ารับได้อย่างสวยงาม ก็เอ่ยถามเสียงทุ้มด้วยความใคร่รู้
“พรุ่งนี้” ปีเตอร์สวนกลับทันควัน
“พวกเราก็จะกลับประเทศไทยพรุ่งนี้เหมือนกันว่ะ” กาเบรียลแทรกขึ้น คล้ายจะช่วยเตือนความทรงจำให้ไอ้เพื่อนซี้ตัวแสบอีกสองคนที่เหลือ ซึ่งกำลังทำท่าดี๊ด๊าเหมือนอยากจะลัลล้าอยู่ที่นี่ต่ออีกเป็นชาติ ทั้งที่ทุกคนต่างก็ถูกคุณหญิงแม่บัญชาประกาศิตให้จรลีกลับบ้านเป็นการด่วน ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ อาจจะโดนลงทัณฑ์จนถึงขั้นตัดออกจากกองมรดกนับหมื่นล้าน
“งั้น…วันนี้เราออกไปฉลองกันหน่อยไหมวะพวก” เมื่อคิดไอเดียสุดเจ๋ง ก่อนจะอำลาและแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองในวันรุ่งขึ้น ฮันเตอร์ก็ดีดนิ้วดังเป๊าะ แล้วลอยหน้ากล่าวออกมาด้วยท่าทางเริงร่า
“ก็ไปสิวะ เคยขัดศรัทธาซะเมื่อไร” เฮย์เดนพ่อนักท่องราตรีตัวยงไม่ต่างจากเพื่อนร่วมแก๊งรีบตอบรับด้วยท่าทีกระตือรือร้นจนน่าหมั่นไส้
“เฮ้ย…ก่อนจะเออออกันไปเอง ถามเจ้าพ่อศาลเตี้ยท่านก่อนไหมวะ ว่าท่านอยากจะไปกับพวกเราหรือเปล่า” เสียงทุ้มของกาเบรียลโพล่งขึ้นกลางวงสนทนา พร้อมเหล่ตามองคนที่เอาแต่ก้มหน้าคลึงแก้ววิสกี้ในมือ เหมือนไม่ใคร่จะไยดีกับคำพูดของเพื่อนรักทั้งสาม แต่หารู้ไม่ว่าปีเตอร์แยกประสาทได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงหัวสมองกำลังขบคิดไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเงี่ยหูฟังบทสนทนาของเพื่อนรักอยู่เนืองๆ
“ว่าไงครับท่าน จะให้เกียรติไปลัลล้ากับพวกกระผมได้หรือเปล่า” พ่อคนกะล่อนที่สุดในกลุ่มถามเชิงล้อเลียนด้วยน้ำเสียงยียวน จนกลองหนุนที่เหลืออีกสองหนุ่มหัวเราะร่วนอย่างขบขัน
“กวนโอ๊ย…ดีแบบนี้ จะเปลี่ยนใจดีไหมวะ” ปีเตอร์เลิกคิ้วพลางกล่าวหยั่งเชิงอย่างกวนๆ
“เฮ้ย…ไม่ได้โว้ย ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงคืนนี้แกก็ต้องไปเที่ยวกับพวกเรา” สามเสียงรวมพลกันห้ามปรามเจ้าค้าเพชรอย่างพร้อมเพรียง ก่อนที่ทั้งสี่หนุ่มหล่อจะนั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ เพื่อให้ถึงเวลาออกไปวาดลวดลายยามราตรีกาลในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า