รอยอดีต (60%)

1610 คำ
แม่สาวน้อยแสนพยศแหงนหน้าคอตั้งบ่าท้าทาย เค้นเสียงขู่ฟ่อในตอนท้าย พร้อมยกกำปั้นขึ้นชูหรา หมายจะซัดทั้งที่เขายังไม่ได้ทำตามที่พูด แต่โดนมือใหญ่รวบหมัดน้อยๆ นั้นไว้ได้เสียก่อน ปีเตอร์ยิ้มใส่ตาคนที่กำลังทำท่าฮึดฮัด เลิกคิ้วหนามองอย่างขันๆ ที่เธอพยายามสลัดมือให้หลุดพ้นจากพันธนาการแกร่ง ก่อนจะก้มลงจรดปากหยักจุมพิตหลังมือเกลี้ยงเกลาหนักๆ หนึ่งที แล้วเงยหน้าขึ้นมายักคิ้วให้อย่างมีชั้นเชิง การกระทำอันอุกอาจของเขา ทำให้วาเนสซ่าอ้าปากค้าง หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามจนแทบทะลุออกมานอกอก  “ไปแล้วนะ คนสวย…แต่ขี้แย แล้วโอกาสหน้าเจอกันใหม่” หลังจากเสียงลิฟต์ดังขึ้นอีกครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เขาจะต้องโบกมืออำลาสาวน้อยเจ้าอารมณ์เสียแล้ว เสียงทุ้มจึงจงใจกระซิบล้อเลียนข้างหูของคนที่ยืนทำคอแข็ง จนเธอสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างแปลกประหลาด อีกทั้งยังรู้สึกโมโหอยู่ไม่น้อย   “จะไปตายที่ไหนก็ไปเถอะ ไอ้คนบ้า ไอ้คนกวนประสาท!” ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อสวดส่งอีกฝ่ายอย่างโมโหสุดขีด ใบหน้านวลหงิกงอเป็นม้าหมากรุก ปีเตอร์มองแก้มป่องๆ ที่กำลังเปล่งรัศมีระเรื่อต้องแสงไฟในลิฟต์ตาเป็นมัน เห็นแล้วก็เกิดอาการมันเขี้ยวอย่างไม่ทราบสาเหตุ  แต่ก่อนที่ลิฟต์จะปิดลงอีกครั้ง คนที่เพิ่งออกจากลิฟต์ ก็ยกมือใหญ่ทั้งสองข้างขึ้นดันประตูลิฟต์ที่กำลังเลื่อนตัวปิดลง ท่าทางดูแสนสบายแต่แฝงไปด้วยเสน่ห์อันล้นหลามในทุกอิริยาบถ แล้วลดหน้าลงมาชิดพวงแก้มสุกใสเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล   “คราวนี้ผมไปจริงๆ แล้วนะครับยาหยี” น้ำเสียงยียวนกวนประสาท กระซิบข้างหูของคนที่ตั้งตัวถอยหลังไม่ทัน ท้ายประโยคจงใจเน้นสรรพนามราวกับสนิทสนมมานานแสนนาน แล้วอาศัยจังหวะที่แม่สาวน้อยตกตะลึงตาค้างกับสรรพนามที่เขาใช้เรียกขาน โน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาจุมพิตเบาๆ หนึ่งที บนแก้มที่หล่อเลี้ยงไปด้วยเลือดฝาดชวนมอง “กรี๊ด!” วาเนสซ่ากรีดร้องสุดเสียง ตากลมใสแจ๋วเบิกโพลง ยกมือกุมแก้มข้างที่โดนขโมยจูบ กระทืบเท้าเต้นเร่าๆ พลางชี้หน้าคนที่ยืนโบกมือให้พร้อมรอยยิ้มละลายใจ หากแต่นัยน์ตากลับเต้นระริกไหวด้วยความขบขัน   แม้ลิฟต์จะปิดตัวลง เสียงกรี๊ดก็ยังไม่สร่างซา วาเนสซ่าลืมความเสียใจ อันเกิดจากการบอกเลิกความสัมพันธ์ ระหว่างเธอกับมาร์โบโล คอฟอร์ด เสียหมดสิ้น จะหลงเหลือก็แต่ความโกรธกรุ่นและโมโห ให้ผู้ชายกวนประสาทที่เพิ่งจากมาเมื่อสักครู่ หากแต่ทำได้ก็เพียงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันและกำหมัดแน่น ‘ไอ้ผู้ชายบ้า ไอ้ผู้ชายมือไว ปากว่าตาขยิบ ถ้าเจอกันอีกที ฉันจะเอาคืนให้รู้สำนึกเลยเชียวว่า อย่าได้บังอาจมาแต๊ะอั๋งสาวแสบ อย่างวาเนสซ่า ปิเอโร่’   ฝ่ายปีเตอร์ก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา แล้วแหงนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ายิ้มเผล่เข้าไปเยี่ยมคนป่วย ด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ “สาวน้อย…อย่างนั้นหรือ ตอนนี้ฉันไม่ใช่สาวน้อยแล้ว” วาเนสซ่าพึมพำ เมื่อเผลอนึกย้อนไปถึงน้ำคำของชายหนุ่มผู้มีใบหน้าหล่อกระชากใจทว่ายียวนกวนประสาทอย่างยิ่งยวด เสียงทุ้มที่กระซิบข้างหูยังคงก้องโสตประสาท และติดหนึบอยู่ในห้วงคำนึง มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้อย่างน่าอัศจรรย์  “สี่ปีแล้ว ทำไมฉันถึงไม่ลืมคุณสักทีนะ” กลีบปากเซ็กซี่ที่เคลือบด้วยลิปสติกสีแดงสดรำพันเบาๆ ไม่ลืมใบหน้าหล่อลากไส้ไม่พอ รอยจุมพิตแผ่วพลิ้วก็ยังคงตราตรึงอยู่ข้างแก้ม ราวกับว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นไปหยกๆ ทำเอาสาวเปรี้ยวสุดมั่นหัวใจสั่นไหวอย่างน่าประหลาด จนเผลอยกฝ่ามือนุ่มละมุนขึ้นลูบไล้พวงแก้มนวลปลั่งข้างที่โดนขโมยจุมพิตเมื่อสี่ปีก่อนราวคนละเมอ   คิดแล้ววาเนสซ่า ปิเอโร่ ก็อยากนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปตอนอายุยี่สิบเอ็ดปีอีกครั้งเหลือเกิน แต่ต้องเป็นช่วงเวลาก่อนที่เธอจะกลั้นใจขอถอนหมั้นจากคู่หมั้นหนุ่ม เพราะก่อนหน้านั้นชีวิตของวาเนสซ่าช่างเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ไม่ต่างอะไรจากเจ้าหญิง มีครอบครัวที่แสนอบอุ่น เป็นคุณหนูเล็กแห่งตระกูลทรงอิทธิพลของสวีเดน ที่มีแต่คนห้อมล้อมคอยเอาอกเอาใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ ขอเพียงแค่เอ่ยปากสิ่งที่ปรารถนาก็จะมาประเคนอยู่ตรงหน้า ไม่เคยมีใครขัดอกขัดใจหรือทำให้เสียน้ำตา และที่สำคัญคือมีคู่หมั้นหล่อเหลาและรวยล้นฟ้า อย่างมาร์โบโล คอฟอร์ด จนสาวน้อยใหญ่ทั่วทุกมุมโลกต่างต้องอิจฉา ฉะนั้นชีวิตในช่วงเวลานั้นจึงเต็มเปี่ยมไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุข ทว่าวิมานแสนหวานกลับล่มสลายไม่เป็นท่า  ชะตาชีวิตของน้องนุชสุดท้องแห่งบ้านปิเอโร่เริ่มพลิกผันตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อน ซึ่งเธอได้ขอถอนหมั้นจากคู่หมั้นหนุ่มหล่อ เพราะรู้ดีว่ามาร์โบโล คอฟอร์ด ไม่มีทางรักเธอได้ หัวใจเขามีเจ้าของแล้ว ซึ่งผู้หญิงที่โคตรโชคดีคนนั้นไม่ใช่เธอ ยื้อไปก็รังแต่จะทำให้เจ็บปวดและทุกข์ทรมานกันทั้งสองฝ่าย ฉะนั้นวาเนสซ่าจึงตัดสินใจเป็นคนก้าวออกมาจากความสัมพันธ์ที่ผูกมัดทั้งคู่เอาไว้ เพื่อปลดปล่อยเขาจากพันธนาการที่ผู้ใหญ่ได้สร้างขึ้นมา ยอมให้คนอื่นตราหน้าว่าไม่มีน้ำยาจนต้องเป็นหม้ายขันหมาก นั่นก็เพราะว่าเธอรักเขามากจนเสียสละให้ได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งต้องเฉือนหัวใจตัวเอง เพราะหญิงสาวคิดแต่เพียงว่า ถึงไม่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของก็ไม่เป็นไร หากคนที่เธอรักมีความสุขเธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานมรสุมลูกใหญ่ก็โหมกระหน่ำเข้ามา ชีวิตอันสวยหรูของคุณหนูวาเนสซ่ามีอันต้องพันครืนไม่เป็นท่า เมื่อนางวาริณี ปิเอโร่ ได้จากไปอย่างกะทันหัน พร้อมกับความจริงอันแสนเจ็บปวดถูกเปิดเผยออกมาจากปากประมุขของปิเอโร่ ทำให้หญิงสาวได้รับรู้ว่าตัวเองไม่ได้เป็นลูกแท้ๆ ของคนที่เธอเรียกว่าพ่อและแม่ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ หากแต่ถือกำเนิดจากแม่ชาวไทยที่เป็นโสเภณีใจแตกกับฝรั่งขี้นกจนๆ คนหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่พ่อกับแม่ของเธอจบชีวิตลงเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์ วาเนสซ่าก็ถูกผู้เป็นป้าอย่างวาริณีนำมาเลี้ยงเพราะนึกเวทนา แต่ที่น่าเศร้าใจไปกว่านั้นคือ ที่นายนาธาน ปิเอโร่ ทำเป็นรักและเอ็นดูเสมอมา ก็เพราะว่าเห็นแก่ภรรยาเท่านั้น อันที่จริงแล้วเขาเกลียดลูกสาวนอกไส้อย่างวาเนสซ่ายิ่งกว่าอะไรดี ส่วนแวนดี้ ปิเอโร่ พี่สาวที่เธอรักและเทิดทูนยิ่ง ก็ทำท่ารังเกียจและเมินหน้าหนี เพียงเพราะได้รู้กำพืดที่แท้จริง  เหตุผลที่วาเนสซ่ายังอาศัยอยู่ในชายคาของตระกูลปิเอโร่มาจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ก็เพราะว่าเธอยังสามารถทำประโยชน์ให้แก่บริษัทปิเอโร่จิวเวอรีแอนด์ดีไซน์ด้วยมันสมองและสองมือ ทุกวันนี้หญิงสาวต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพื่อหวังให้สภาวะทางการเงินกระเตื้องขึ้น และไม่ต้องตกอยู่ในสถานะล้มละลาย หากแต่บิดาบุญธรรมกลับเอารายได้จากน้ำพักน้ำแรงของเธอไปละลายในบ่อนการพนัน อีกทั้งพี่สาวก็เอาเงินเหล่านั้นไปช็อปปิ้งไม่เว้นแต่ละวัน มิหนำซ้ำทั้งคู่ยังขายหุ้นบริษัทในส่วนของตัวเองให้คนอื่นจนหมดสิ้น ทั้งที่ก่อนจากไปมารดาบุญธรรมของเธออุตส่าห์ย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้สิ่งที่ท่านสร้างมากับมือตกไปเป็นของคนอื่นอย่างเด็ดขาด สี่ปีที่ผ่านมามันช่างเป็นช่วงเวลาแสนสาหัสสำหรับวาเนสซ่ายิ่งนัก เพราะมันได้ทำให้สาวน้อยผู้เคยสดใสร่าเริง และมีรอยยิ้มประดับบนดวงหน้าพริ้มเพราอยู่เสมอ กลายเป็นคนคร่ำเคร่ง จริงจัง และบ้างาน ด้วยภาระอันหนักอึ้งที่ต้องแบกรับเพียงผู้เดียวตั้งแต่อายุยังน้อย บวกกับการถูกหมางเมินจากคนในครอบครัว ทำให้เธอรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกใบใหญ่ ทั้งอ้างว้าง โดดเดี่ยว เดียวดายและโหยหาความรักความอบอุ่น แต่ก็ไม่มีใครสามารถหยิบยื่นในสิ่งที่ต้องการให้ได้ สุดท้ายวาเนสซ่าก็เปลี่ยนจากสาวใสมาเป็นแม่สาวกร้านโลก แต่งตัวจัดจ้านอย่างไม่แคร์สื่อ คลายเหงาด้วยการออกย่ำราตรีไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังหักอกผู้ชายไม่ซ้ำหน้า จนนักเที่ยวกลางคืนต่างให้ฉายาว่า ‘แม่สาวน้อยร้อยเตียง’ เพราะคนเหล่านั้นพากันเข้าใจอย่างผิดๆ คิดว่าแม่สาวเปรี้ยวจี๊ดที่เฉดหัวผู้ชายทิ้งมานักต่อนัก จะต้องผ่านประสบการณ์บนเตียงมาอย่างโชกโชน ทั้งที่จริงแล้วเธอโคตรไร้เดียงสากับเรื่องพรรค์นั้น แต่ที่ต้องหักอกชายหนุ่มคนแล้วคนเล่า ก็เพราะว่าได้เห็นธาตุแท้ของผู้ชายเหล่านั้น ที่เข้ามาเพื่อหวังจะได้ฟันเธอเพียงอย่างเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม