สัมผัสร้าย 1 เอาเล่นๆ 1/4 NC

2103 คำ
“ถ้าจะไปต่อ ช่วยส่งฉันที่ห้องก่อนได้มั้ย” ฉับบอกกับเรซที่กำลังยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างประตูรถฝั่งคนขับ เขาชำเลืองมองฉันนิ่ง นิ้วเคาะเถ้าบุหรี่ออก ยกขึ้นอัดเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะทิ้งลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนดับ “ขึ้นรถ” “เรซ” ฉันไม่รู้ว่าเขาได้ฟังที่บอกหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันอ้าปาก เรซก็เปิดประตูเข้าไปในรถแล้ว แล้วจะให้ฉันทำยังไง มองไปรอบๆ ก็เจอแต่ทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคย ฉันไม่เคยมาภูเกต ไม่รู้ว่าจะกลับโรงแรมยังไง ถึงจะมองเห็นสามล้อรับจ้างจอดเรียงเป็นแถวก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่บ้าพอจะเรียกสามล้อกลับโรงแรมที่แม้แต่ชื่อก็ยังจำไม่ได้หรอกนะ ฉันอ้อมมาขึ้นรถกับเรซอย่างไม่มีทางเลือก หันไปถามเสียงฉุน “นายไปส่งฉันก่อนได้หรือเปล่า” “จะอ้อมไปอ้อมมาทำไมให้เสียเวลา” “แต่ว่าฉัน” “หรือจะนั่งสามล้อ” เรซเหลือบมองหน้าฉันระหว่างที่กำลังถอยรถ จู่ๆ เขาก็เบรกกึก รอให้ฉันเป็นคนตัดสินใจว่าจะเอายังไง ฉันนิ่งอึ้ง ละล่ำละลั่กจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก “สามล้อ ถ้าอยากกลับก็เชิญ” เขาพยักหน้าไปทางถนนอีกฝั่งที่มีคิวสามล้อจอดอยู่ ฉันกำมือแน่น ทั้งจุกทั้งโกรธ มองสบสายตาไร้เยื่อใยของเรซด้วยใบหน้าที่รู้สึกชาไปหมด “นายคิดว่าฉันจะนั่งสามล้อหรือไง” ฉันเหวี่ยงกลับ เรซไม่พูดอะไรเลย ถอยรถต่อแล้วก็ขับออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ข้างในฉันระอุไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมานั่งในรถของเรซ ความจริงฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วย อยากกลับกรุงเทพแล้ว คิดถึงพี่แสง ฮือออ จะร้องงง ฉันก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ เข้าเฟสบุ๊ค เลื่อนดูรูปเก่าๆ ที่เราเคยถ่ายกัน ในเฟสพี่แสงไม่มีอัพเดทอะไรใหม่ เฟสฉันก็เหมือนกัน ไม่ได้อัพเดทอะไรเพิ่มตั้งแต่ภาพถ่ายกับเค้กที่หัวหินเมื่อสองวันก่อน อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ไปโกหกพี่แสงว่าน้องชายรถล้มแบบนั้นจะเป็นไรหรือเปล่านะ บ้าบอจริงๆ เลย ทำไมฉันต้องมาเดือดร้อนเพราะผู้ชายอย่างเรซด้วย ยิ่งคิดยิ่งเครียด อยากหันไปพ่นไฟใส่เรซจริงๆ แต่ก็ทำได้แค่นั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่กับเบาะ รันทด! “ที่นี่คือ…” ความง่วงและความเหน็ดเหนื่อยถูกบรรยากาศคึกคักและเสียงดนตรีมันๆ เหนี่ยวรั้งความสนใจเอาไว้ ฉันเอ่ยถามเรซที่กำลังจ่ายเงินค่าบัตรผ่าน ก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า พาราไดซ์บรีท และเรซก็ไม่ตอบฉันเหมือนเดิม หมอนั่นหลังจากเคลียร์ทางเข้าเสร็จก็หันมามองฉันแวบหนึ่งแล้วเดินออกไป เดี๋ยวสิ ไอ้บ้านั่น ฉันรีบสาวเท้าตามไปอย่างหงุดหงิด จะพูดหรือเรียกฉันสักคำดอกพิกุลมันจะร่วงหลุดจากปากหรือไงห๊ะ ทีตอนจูบกลับใช้ปากเก่งนักเชียว เหอะ! “เรซมาแล้วเหรอ” ฮานหันมามอง ท่าทางเขาจะมาถึงก่อนได้สักพักแล้ว ฮานส่งสายตามาทักทายฉันพอเป็นพิธีก่อนจะหันไปแนะนำคนอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะให้เรซรู้จัก “นี่คุณวิชัยเจ้าของเต็นท์รถที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ส่วนนี่ก็ช่างมาร์ติน เป็นช่างประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ เคยทำงานให้บริษัทผลิตรถสปอร์ตที่เมืองนอก” “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” เรซพยักหน้าทักทายคนทั้งสองพอหอมปากหอมคอก่อนจะเดินไปนั่ง ส่วนฉัน… ก็ต้องดูแลตัวเองตามระเบียบ ฉันมองหาที่นั่งเหมาๆ แล้วหย่อนก้นลงใกล้ฮาน ใช่ฉันนั่งข้างฮาน ขณะที่เรซนั่งฝั่งตรงข้ามกันเลย “ไงเทียน เมาแล้วเหรอ” เสียงของฮานทำให้ฉันเงยหน้าจากจอมือถือ “อ้อ เปล่าหรอก แค่ง่วงน่ะ เพิ่งกลับจากหัวหินแล้วก็ดิ่งมานี่เลยรู้สึกเพลียๆ ” ฉันยิ้มให้ฮาน ความห่วงใยที่ผิวเผินไม่ช่วยทำให้จิตใจที่กำลังห่อเหี่ยวของฉันดีขึ้นแม้แต่น้อย ยิ่งเห็นเรซคุยกับแขกทั้งสองอย่างไม่สนโลกฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีความหมายที่จะอยู่ที่นี่ต่อ “ฮาน รู้ใช่มั้ยว่าเราพักที่ไหน” “หืม ทำไม” “ไปส่งหน่อยนะ ไม่ดิ บอกชื่อโรงแรมมาก็ได้ เดี๋ยว… หาทางกลับเอง” ฉันนึกโกรธตัวเองที่ไม่เด็ดขาดตั้งแต่แรก ถ้าตอนนั้นยอมเสี่ยงกลับสามล้อก็คงไม่ต้องมาทรมานอยู่แบบนี้ “หืม ทนหน่อยน่าอีกแป๊บเดียว นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว ไม่น่านานหรอก” “แต่เทียนไม่ไหวแล้ว งั้นขอยืมไหล่หน่อยได้มั้ย” “....” ฉันเอียงหน้าลงซบไหล่ฮานโดยไม่รอให้เขาอนุญาต ฮานเอียงคอมอง คงประหลาดใจในความใจกล้าหน้าด้านของฉัน แต่ฉันไม่สนว่าเขาจะคิดยังไง ฉันแค่อยากพักระหว่างรอให้พวกเขาคุยธุระเสร็จเท่านั้น “ลุกขึ้น” เพิ่งจะซบไหล่ฮานไม่ถึงสามนาทีท่อนแขนฉันก็ถูกจับรั้งค่อนข้างแรง “เรซ… โอ๊ยนี่! ” ฉันครางเสียงฉุน สะบัดท่อนแขนออกจากมือหมอนั่นอย่างไม่พอใจ “ทำอะไรของเธอ กลับได้แล้ว” “กลับ? ” ฉันมองสบสายตาขวางๆ ของเรซ ยังไม่หายเคืองกับเรื่องก่อนหน้า แต่พอเหลือบมองรอบๆ ก็เห็นว่าแขกสองคนของพวกเขากำลังลุกขึ้นเตรียมจะกลับทำให้ฉันหยุดความคิดที่จะเถียงเอาไว้ คว้ากระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ อดทนรอเรซกับฮานเคลียร์บิลล์เหล้าจนเสร็จ แล้วเดิมตามหลังพวกเขาออกมาจากหาด ระหว่างทางมีฝรั่งเดินชนฉันด้วย แกล้งชนงี้แล้วเนียนคุย จะชวนฉันกลับด้วย จะบ้าตาย ฉันรีบปฏิเสธแล้วสาวเท้ายาวๆ ออกมาทันที ด้วยความที่ฉันเดินทิ้งระยะห่างจากเรซและฮานพอสมควร เลยดูเหมือนฉันมาคนเดียว ไม่ใช่ว่าฉันอ้อยอิ่งหรืออยากอ่อยผู้นะแต่เรซกับฮานดันเดินเร็ว ฉันตามไม่ทัน อาจเพราะง่วงกอปรกับเมานิดๆ ด้วยทำให้ฉันสูญเสียความคล่องตัวไป แค่เดินยังไม่ตรง “ชักช้า” พอมาถึงรถก็ถูกเรซมองแรงใส่ทันที อะไรวะ แทนที่จะมาว่าฉัน ช่วยถามฉันสักคำก่อนมั้ยว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียง ฉันเดินอ้อมมาเปิดประตูขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าฉันหงุดหงิดเขาขนาดไหน “อื้ออ” ฉันรู้สึกตัวเพราะความเสียวแปลบที่ยอดอก ปรือตาขึ้นมอง เห็นเพดานห้องของโรงแรมกับแสงไฟเหลืองนวลจางๆ ก่อนหลุบตาลงมองก้อนกลมๆ สีดำที่ซุกอยู่บนอก หัวใจฉันกระตุกวูบ พอมองชัดๆ ก็รู้ว่าเป็นศีรษะคน และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก... “อ๊ะ นี่… เรซ” เรียวปากร้อนชื้นตวัดปลายลิ้นไล้เลียวนรอบยอดอกก่อนกดดูดเป็นจังหวะหนักหน่วง ฉันผวาคว้าศีรษะที่กำลังก้มๆ เงยๆ ของเรซเอาไว้ทันที ขยุ้มเส้นผมของเขาแน่น ลมหายใจหอบกระเส่า ร่างกายเย็นวาบทุกสัดส่วน ตอนนั้นฉันถึงรู้ตัวว่าไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น “กรี๊ดหยุดนะ! ” ฉันพรวดพราดลุกขึ้น ผวาถอยห่างจนหลังชิดหัวเตียง จ้องมองผู้ชายที่สวมแค่กางเกงยีนตรงหน้าอย่างสับสน รีบดึงผ้าขึ้นมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองหัวใจสั่น “นายทำบ้าอะไรเรซ! ” ฉันตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาอยู่บนเตียงนี่ได้ยังไง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือขึ้นรถกลับจากพาราไดซ์บรีท นี่… อย่าบอกนะว่าฉันเผลอหลับไป แล้ว… “....” ฉันจ้องหน้าเรซนิ่งหลังจากที่เดาเรื่องราวออก เวลาเมาหนักๆ ฉันมักจะวูบหลับแบบไม่รู้ตัวอันนี้ฉันรู้ตัวเองดี แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้เมาหัวราน้ำขนาดนั้นแต่ที่น็อกอาจจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางไกลด้วย แต่ถึงฉันจะไม่ได้สติ เรซก็ไม่ควรจับฉันถอดเสื้อผ้าแบบนี้ “จ้องแบบนั้นหมายความว่ายังไง หรือเธอมีปัญหา” “ก็ต้องมีอยูแล้วสิ! ” ฉันแหวกลับไปเสียงแหลม รู้สึกปวดจี้ดขึ้นมาทันที โกรธจนอยากเอาหมอนขึ้นมาฟาดหน้าไอ้คนหน้าตายตรงหน้า “ทำไม ฉันไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน” สายตาเรซมองต่ำลงมาที่หน้าตักฉันราวกับจะส่องให้ทะลุผ้าห่ม ใบหน้าฉันร้อนวูบขึ้นมาทันที “นี่มองอะไรของนาย” “ก็น้องสาวเธอ ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาตรงไหน หนำซ้ำยังขมิบเก่งแม้กระทั่งตอนหลับ” เรซยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเขาทำฉันกรี๊ดลั่นห้อง รู้สึกเจ็บตรงนั้นขึ้นมาทันที “นะนายทำอะไร นาย…” “แค่ใช้นิ้ว ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ได้ใส่ของจริง รอเธอตื่นเร้าใจกว่าเยอะ” ร่างสูงโถมกายเข้ามาคร่อมทับฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ฉันจะพลิกหลบแต่ถูกเรซคว้าท่อนแขนเอาไว้แล้วรั้งลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา “นี่ปล่อยนะ ฉันไม่อยากทำแบบนี้กับนาย ออกไป! ” “แน่ใจ? ” “ออกไป บอกให้ออกไปไง” ฉันตะโกนไล่เขาอย่างไม่นึกเสียดาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธที่อยากจะไล่เขาไปไกลๆ เรซคว้าข้อมือฉันที่ยกขึ้นทุบตีเขาเอาไว้แน่น โน้มใบหน้าคมๆ ลงมาใกล้ ฉันยังขัดขืนไม่หยุด “ทำไม หรืออยากได้ไอ้ฮานมากกว่า” “ว่าไงนะ” ฉันนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่ารังเกียจแบบนั้นจากปากของเรซ “หึ พูดแทงใจดำหน่อยทำเป็นรับไม่ได้ หมอนั่นมีลูกมีเมียแล้ว เธอเลิกคิดซะ” “ฉันเปล่านะ ใครว่าฉันสนใจฮาน ฉันน่ะมีแฟน...” “ขอเตือน! อย่ามาให้ท่าคนในทีมฉัน ไม่งั้นฉันเอาเธอตาย” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเรซก็สวนขึ้นมาทันควัน หัวใจฉันกระตุกวูบ สายตาของเรซน่ากลัวจับขั้วหัวใจ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของริกกี้มาจากคะนิ้งแต่ไม่เคยนึกภาพออกจนกระทั่งได้เผชิญหน้ากับเรซในตอนนี้ “ฉันไปให้ท่าคนในทีมนายตอนไหนเรซ คนที่ยุ่งกับก่อนก็คือนายไม่ใช่เหรอ! ” ฉันขึ้นเสียงใส่เรซอย่างเหลืออด เดือดจนไม่รู้จะเดือดยังไง “เธอยังกล้าถามอีกเหรอว่าตอนไหน ต้องให้ฉันสาธยายถึงความร่านของเธอมั้ย” “ร่านเหรอ กรี๊ด! ” ฉันคว้าหมอนขึ้นมาฟาดหน้าเรซอย่างหมดความทน พลั่ก! “เฮ้! ” เรซปัดหมอนออก ฉันไม่สน เหวี่ยงกลับไปฟาดหน้าเขาอีกรอบคราวนี้หมอนั่นแย่งหมอนไปจากมือฉันแล้วเหวี่ยงทิ้งทันที “ทำไม พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้งั้นเหรอ” “เรื่องจริงบ้าอะไร ปล่อยฉัน” ฉันดิ้นขลุกขลัก เมื่อถูกเขากดข้อมือเอาไว้ทั้งสองข้าง “ไม่ปล่อยจะทำไม” “ไอ้บ้า อื้อ… หยุด ฉันไม่อยากทำ ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง” ฉันดิ้นพราดอยู่ใต้ร่างเรซ ริมฝีปากที่ก้มลงซุกไซ้ซอกคอกับลมหายใจร้อนระอุนั่นทำฉันขยะแขยงจนแทบคลั่ง ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวจากการดื่มเหล้ายังไม่หายไปกอปรกับความอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อยทำให้ฉันต้านทานแรงรุกของเรซไม่ไหว แม้ความรู้สึกจะขัดขืน แต่ว่าร่างกายที่โดนปลุกปั่นจากสัมผัสอันร้ายกาจทำเอาฉันอ่อนพับไปทันที เลิกดิ้นหนี ปล่อยเรือนร่างให้ขยับไปตามการลูบไล้ของคนด้านบน “หึ…” เรซหัวเราะเยาะในลำคอ ฉันหลับตาแน่น ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา ร่างสูงขยับลงไปนั่งคุกเข่าจับเรียวขาฉันแยกออกอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกแข็งขืนที่เบียดดันเข้ามาแผดไอร้อนผ่าวกระจายไปทั่วร่าง แรงขยับทำฉันสั่นสะท้าน ลมหายใจติดขัดอย่างไม่อาจควบคุม และสุดท้ายริมฝีปากที่เม้มแน่นในตอนแรกก็เผยอออก ร้องครวญครางเรียกชื่อของเขาอย่างบ้าคลั่ง ------------------- เชิญเผาพริกเผาเกลือได้เลยค่ะ NC ตอนนี้แค่นี้เน้อ ไม่อยากทำร้ายเทียนไปมากกว่านี้ T^T
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม