“ถ้าจะไปต่อ ช่วยส่งฉันที่ห้องก่อนได้มั้ย”
ฉับบอกกับเรซที่กำลังยืนสูบบุหรี่รออยู่ข้างประตูรถฝั่งคนขับ เขาชำเลืองมองฉันนิ่ง นิ้วเคาะเถ้าบุหรี่ออก ยกขึ้นอัดเข้าปอดแรงๆ ก่อนจะทิ้งลงบนพื้นแล้วใช้เท้าขยี้จนดับ
“ขึ้นรถ”
“เรซ”
ฉันไม่รู้ว่าเขาได้ฟังที่บอกหรือเปล่า แต่ยังไม่ทันอ้าปาก เรซก็เปิดประตูเข้าไปในรถแล้ว แล้วจะให้ฉันทำยังไง มองไปรอบๆ ก็เจอแต่ทิวทัศน์ที่ไม่คุ้นเคย ฉันไม่เคยมาภูเกต ไม่รู้ว่าจะกลับโรงแรมยังไง ถึงจะมองเห็นสามล้อรับจ้างจอดเรียงเป็นแถวก็เถอะ แต่ฉันก็ไม่บ้าพอจะเรียกสามล้อกลับโรงแรมที่แม้แต่ชื่อก็ยังจำไม่ได้หรอกนะ
ฉันอ้อมมาขึ้นรถกับเรซอย่างไม่มีทางเลือก หันไปถามเสียงฉุน
“นายไปส่งฉันก่อนได้หรือเปล่า”
“จะอ้อมไปอ้อมมาทำไมให้เสียเวลา”
“แต่ว่าฉัน”
“หรือจะนั่งสามล้อ”
เรซเหลือบมองหน้าฉันระหว่างที่กำลังถอยรถ จู่ๆ เขาก็เบรกกึก รอให้ฉันเป็นคนตัดสินใจว่าจะเอายังไง ฉันนิ่งอึ้ง ละล่ำละลั่กจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
“สามล้อ ถ้าอยากกลับก็เชิญ”
เขาพยักหน้าไปทางถนนอีกฝั่งที่มีคิวสามล้อจอดอยู่ ฉันกำมือแน่น ทั้งจุกทั้งโกรธ มองสบสายตาไร้เยื่อใยของเรซด้วยใบหน้าที่รู้สึกชาไปหมด
“นายคิดว่าฉันจะนั่งสามล้อหรือไง”
ฉันเหวี่ยงกลับ เรซไม่พูดอะไรเลย ถอยรถต่อแล้วก็ขับออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ข้างในฉันระอุไปหมด ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมานั่งในรถของเรซ ความจริงฉันไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วย อยากกลับกรุงเทพแล้ว คิดถึงพี่แสง
ฮือออ จะร้องงง
ฉันก้มมองหน้าจอโทรศัพท์ เข้าเฟสบุ๊ค เลื่อนดูรูปเก่าๆ ที่เราเคยถ่ายกัน ในเฟสพี่แสงไม่มีอัพเดทอะไรใหม่ เฟสฉันก็เหมือนกัน ไม่ได้อัพเดทอะไรเพิ่มตั้งแต่ภาพถ่ายกับเค้กที่หัวหินเมื่อสองวันก่อน
อยู่ดีๆ ก็รู้สึกกังวลขึ้นมา ไปโกหกพี่แสงว่าน้องชายรถล้มแบบนั้นจะเป็นไรหรือเปล่านะ บ้าบอจริงๆ เลย ทำไมฉันต้องมาเดือดร้อนเพราะผู้ชายอย่างเรซด้วย ยิ่งคิดยิ่งเครียด อยากหันไปพ่นไฟใส่เรซจริงๆ แต่ก็ทำได้แค่นั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่กับเบาะ
รันทด!
“ที่นี่คือ…”
ความง่วงและความเหน็ดเหนื่อยถูกบรรยากาศคึกคักและเสียงดนตรีมันๆ เหนี่ยวรั้งความสนใจเอาไว้ ฉันเอ่ยถามเรซที่กำลังจ่ายเงินค่าบัตรผ่าน ก่อนจะเหลือบไปเห็นป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า พาราไดซ์บรีท และเรซก็ไม่ตอบฉันเหมือนเดิม หมอนั่นหลังจากเคลียร์ทางเข้าเสร็จก็หันมามองฉันแวบหนึ่งแล้วเดินออกไป
เดี๋ยวสิ ไอ้บ้านั่น ฉันรีบสาวเท้าตามไปอย่างหงุดหงิด จะพูดหรือเรียกฉันสักคำดอกพิกุลมันจะร่วงหลุดจากปากหรือไงห๊ะ ทีตอนจูบกลับใช้ปากเก่งนักเชียว เหอะ!
“เรซมาแล้วเหรอ”
ฮานหันมามอง ท่าทางเขาจะมาถึงก่อนได้สักพักแล้ว ฮานส่งสายตามาทักทายฉันพอเป็นพิธีก่อนจะหันไปแนะนำคนอื่นๆ ที่อยู่บนโต๊ะให้เรซรู้จัก
“นี่คุณวิชัยเจ้าของเต็นท์รถที่ใหญ่ที่สุดของที่นี่ ส่วนนี่ก็ช่างมาร์ติน เป็นช่างประกอบชิ้นส่วนรถยนต์ เคยทำงานให้บริษัทผลิตรถสปอร์ตที่เมืองนอก”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
เรซพยักหน้าทักทายคนทั้งสองพอหอมปากหอมคอก่อนจะเดินไปนั่ง ส่วนฉัน… ก็ต้องดูแลตัวเองตามระเบียบ ฉันมองหาที่นั่งเหมาๆ แล้วหย่อนก้นลงใกล้ฮาน ใช่ฉันนั่งข้างฮาน ขณะที่เรซนั่งฝั่งตรงข้ามกันเลย
“ไงเทียน เมาแล้วเหรอ”
เสียงของฮานทำให้ฉันเงยหน้าจากจอมือถือ
“อ้อ เปล่าหรอก แค่ง่วงน่ะ เพิ่งกลับจากหัวหินแล้วก็ดิ่งมานี่เลยรู้สึกเพลียๆ ”
ฉันยิ้มให้ฮาน ความห่วงใยที่ผิวเผินไม่ช่วยทำให้จิตใจที่กำลังห่อเหี่ยวของฉันดีขึ้นแม้แต่น้อย
ยิ่งเห็นเรซคุยกับแขกทั้งสองอย่างไม่สนโลกฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่มีความหมายที่จะอยู่ที่นี่ต่อ
“ฮาน รู้ใช่มั้ยว่าเราพักที่ไหน”
“หืม ทำไม”
“ไปส่งหน่อยนะ ไม่ดิ บอกชื่อโรงแรมมาก็ได้ เดี๋ยว… หาทางกลับเอง”
ฉันนึกโกรธตัวเองที่ไม่เด็ดขาดตั้งแต่แรก ถ้าตอนนั้นยอมเสี่ยงกลับสามล้อก็คงไม่ต้องมาทรมานอยู่แบบนี้
“หืม ทนหน่อยน่าอีกแป๊บเดียว นี่ก็ตีสองกว่าแล้ว ไม่น่านานหรอก”
“แต่เทียนไม่ไหวแล้ว งั้นขอยืมไหล่หน่อยได้มั้ย”
“....”
ฉันเอียงหน้าลงซบไหล่ฮานโดยไม่รอให้เขาอนุญาต ฮานเอียงคอมอง คงประหลาดใจในความใจกล้าหน้าด้านของฉัน แต่ฉันไม่สนว่าเขาจะคิดยังไง ฉันแค่อยากพักระหว่างรอให้พวกเขาคุยธุระเสร็จเท่านั้น
“ลุกขึ้น”
เพิ่งจะซบไหล่ฮานไม่ถึงสามนาทีท่อนแขนฉันก็ถูกจับรั้งค่อนข้างแรง
“เรซ… โอ๊ยนี่! ”
ฉันครางเสียงฉุน สะบัดท่อนแขนออกจากมือหมอนั่นอย่างไม่พอใจ
“ทำอะไรของเธอ กลับได้แล้ว”
“กลับ? ”
ฉันมองสบสายตาขวางๆ ของเรซ ยังไม่หายเคืองกับเรื่องก่อนหน้า แต่พอเหลือบมองรอบๆ ก็เห็นว่าแขกสองคนของพวกเขากำลังลุกขึ้นเตรียมจะกลับทำให้ฉันหยุดความคิดที่จะเถียงเอาไว้ คว้ากระเป๋าขึ้นคล้องไหล่ อดทนรอเรซกับฮานเคลียร์บิลล์เหล้าจนเสร็จ แล้วเดิมตามหลังพวกเขาออกมาจากหาด ระหว่างทางมีฝรั่งเดินชนฉันด้วย แกล้งชนงี้แล้วเนียนคุย จะชวนฉันกลับด้วย จะบ้าตาย ฉันรีบปฏิเสธแล้วสาวเท้ายาวๆ ออกมาทันที ด้วยความที่ฉันเดินทิ้งระยะห่างจากเรซและฮานพอสมควร เลยดูเหมือนฉันมาคนเดียว ไม่ใช่ว่าฉันอ้อยอิ่งหรืออยากอ่อยผู้นะแต่เรซกับฮานดันเดินเร็ว ฉันตามไม่ทัน อาจเพราะง่วงกอปรกับเมานิดๆ ด้วยทำให้ฉันสูญเสียความคล่องตัวไป แค่เดินยังไม่ตรง
“ชักช้า”
พอมาถึงรถก็ถูกเรซมองแรงใส่ทันที อะไรวะ แทนที่จะมาว่าฉัน ช่วยถามฉันสักคำก่อนมั้ยว่าระหว่างทางเกิดอะไรขึ้น
ช่างเถอะ ขี้เกียจเถียง
ฉันเดินอ้อมมาเปิดประตูขึ้นรถโดยไม่พูดอะไรสักคำ มีเพียงสายตาเท่านั้นที่บ่งบอกให้รู้ว่าฉันหงุดหงิดเขาขนาดไหน
“อื้ออ”
ฉันรู้สึกตัวเพราะความเสียวแปลบที่ยอดอก ปรือตาขึ้นมอง เห็นเพดานห้องของโรงแรมกับแสงไฟเหลืองนวลจางๆ ก่อนหลุบตาลงมองก้อนกลมๆ สีดำที่ซุกอยู่บนอก
หัวใจฉันกระตุกวูบ พอมองชัดๆ ก็รู้ว่าเป็นศีรษะคน และคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...
“อ๊ะ นี่… เรซ”
เรียวปากร้อนชื้นตวัดปลายลิ้นไล้เลียวนรอบยอดอกก่อนกดดูดเป็นจังหวะหนักหน่วง ฉันผวาคว้าศีรษะที่กำลังก้มๆ เงยๆ ของเรซเอาไว้ทันที ขยุ้มเส้นผมของเขาแน่น ลมหายใจหอบกระเส่า ร่างกายเย็นวาบทุกสัดส่วน ตอนนั้นฉันถึงรู้ตัวว่าไม่ได้สวมเสื้อผ้าสักชิ้น
“กรี๊ดหยุดนะ! ”
ฉันพรวดพราดลุกขึ้น ผวาถอยห่างจนหลังชิดหัวเตียง จ้องมองผู้ชายที่สวมแค่กางเกงยีนตรงหน้าอย่างสับสน รีบดึงผ้าขึ้นมาคลุมร่างเปลือยของตัวเองหัวใจสั่น
“นายทำบ้าอะไรเรซ! ” ฉันตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามาอยู่บนเตียงนี่ได้ยังไง ครั้งสุดท้ายที่ฉันจำได้คือขึ้นรถกลับจากพาราไดซ์บรีท
นี่… อย่าบอกนะว่าฉันเผลอหลับไป
แล้ว…
“....”
ฉันจ้องหน้าเรซนิ่งหลังจากที่เดาเรื่องราวออก เวลาเมาหนักๆ ฉันมักจะวูบหลับแบบไม่รู้ตัวอันนี้ฉันรู้ตัวเองดี แต่ครั้งนี้ฉันไม่ได้เมาหัวราน้ำขนาดนั้นแต่ที่น็อกอาจจะเป็นเพราะร่างกายอ่อนเพลียจากการเดินทางไกลด้วย
แต่ถึงฉันจะไม่ได้สติ เรซก็ไม่ควรจับฉันถอดเสื้อผ้าแบบนี้
“จ้องแบบนั้นหมายความว่ายังไง หรือเธอมีปัญหา”
“ก็ต้องมีอยูแล้วสิ! ” ฉันแหวกลับไปเสียงแหลม รู้สึกปวดจี้ดขึ้นมาทันที โกรธจนอยากเอาหมอนขึ้นมาฟาดหน้าไอ้คนหน้าตายตรงหน้า
“ทำไม ฉันไม่เห็นว่าจะมีปัญหาตรงไหน”
สายตาเรซมองต่ำลงมาที่หน้าตักฉันราวกับจะส่องให้ทะลุผ้าห่ม ใบหน้าฉันร้อนวูบขึ้นมาทันที
“นี่มองอะไรของนาย”
“ก็น้องสาวเธอ ฉันไม่เห็นว่ามันจะมีปัญหาตรงไหน หนำซ้ำยังขมิบเก่งแม้กระทั่งตอนหลับ”
เรซยกยิ้มมุมปาก คำพูดของเขาทำฉันกรี๊ดลั่นห้อง รู้สึกเจ็บตรงนั้นขึ้นมาทันที
“นะนายทำอะไร นาย…”
“แค่ใช้นิ้ว ไม่ต้องห่วง ฉันยังไม่ได้ใส่ของจริง รอเธอตื่นเร้าใจกว่าเยอะ”
ร่างสูงโถมกายเข้ามาคร่อมทับฉันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ฉันจะพลิกหลบแต่ถูกเรซคว้าท่อนแขนเอาไว้แล้วรั้งลงไปอยู่ใต้ร่างของเขา
“นี่ปล่อยนะ ฉันไม่อยากทำแบบนี้กับนาย ออกไป! ”
“แน่ใจ? ”
“ออกไป บอกให้ออกไปไง” ฉันตะโกนไล่เขาอย่างไม่นึกเสียดาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธที่อยากจะไล่เขาไปไกลๆ เรซคว้าข้อมือฉันที่ยกขึ้นทุบตีเขาเอาไว้แน่น โน้มใบหน้าคมๆ ลงมาใกล้ ฉันยังขัดขืนไม่หยุด
“ทำไม หรืออยากได้ไอ้ฮานมากกว่า”
“ว่าไงนะ”
ฉันนิ่งอึ้ง เพราะไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดน่ารังเกียจแบบนั้นจากปากของเรซ
“หึ พูดแทงใจดำหน่อยทำเป็นรับไม่ได้ หมอนั่นมีลูกมีเมียแล้ว เธอเลิกคิดซะ”
“ฉันเปล่านะ ใครว่าฉันสนใจฮาน ฉันน่ะมีแฟน...”
“ขอเตือน! อย่ามาให้ท่าคนในทีมฉัน ไม่งั้นฉันเอาเธอตาย”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบเรซก็สวนขึ้นมาทันควัน หัวใจฉันกระตุกวูบ สายตาของเรซน่ากลัวจับขั้วหัวใจ ฉันเคยได้ยินเรื่องราวความร้ายกาจของริกกี้มาจากคะนิ้งแต่ไม่เคยนึกภาพออกจนกระทั่งได้เผชิญหน้ากับเรซในตอนนี้
“ฉันไปให้ท่าคนในทีมนายตอนไหนเรซ คนที่ยุ่งกับก่อนก็คือนายไม่ใช่เหรอ! ”
ฉันขึ้นเสียงใส่เรซอย่างเหลืออด เดือดจนไม่รู้จะเดือดยังไง
“เธอยังกล้าถามอีกเหรอว่าตอนไหน ต้องให้ฉันสาธยายถึงความร่านของเธอมั้ย”
“ร่านเหรอ กรี๊ด! ”
ฉันคว้าหมอนขึ้นมาฟาดหน้าเรซอย่างหมดความทน
พลั่ก!
“เฮ้! ”
เรซปัดหมอนออก ฉันไม่สน เหวี่ยงกลับไปฟาดหน้าเขาอีกรอบคราวนี้หมอนั่นแย่งหมอนไปจากมือฉันแล้วเหวี่ยงทิ้งทันที
“ทำไม พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้งั้นเหรอ”
“เรื่องจริงบ้าอะไร ปล่อยฉัน”
ฉันดิ้นขลุกขลัก เมื่อถูกเขากดข้อมือเอาไว้ทั้งสองข้าง
“ไม่ปล่อยจะทำไม”
“ไอ้บ้า อื้อ… หยุด ฉันไม่อยากทำ ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง”
ฉันดิ้นพราดอยู่ใต้ร่างเรซ ริมฝีปากที่ก้มลงซุกไซ้ซอกคอกับลมหายใจร้อนระอุนั่นทำฉันขยะแขยงจนแทบคลั่ง ความรู้สึกหนักอึ้งในหัวจากการดื่มเหล้ายังไม่หายไปกอปรกับความอ่อนเพลียจากการพักผ่อนน้อยทำให้ฉันต้านทานแรงรุกของเรซไม่ไหว
แม้ความรู้สึกจะขัดขืน แต่ว่าร่างกายที่โดนปลุกปั่นจากสัมผัสอันร้ายกาจทำเอาฉันอ่อนพับไปทันที เลิกดิ้นหนี ปล่อยเรือนร่างให้ขยับไปตามการลูบไล้ของคนด้านบน
“หึ…”
เรซหัวเราะเยาะในลำคอ ฉันหลับตาแน่น ไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จู่ๆ น้ำตาก็ไหลออกมา
ร่างสูงขยับลงไปนั่งคุกเข่าจับเรียวขาฉันแยกออกอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกแข็งขืนที่เบียดดันเข้ามาแผดไอร้อนผ่าวกระจายไปทั่วร่าง แรงขยับทำฉันสั่นสะท้าน ลมหายใจติดขัดอย่างไม่อาจควบคุม และสุดท้ายริมฝีปากที่เม้มแน่นในตอนแรกก็เผยอออก ร้องครวญครางเรียกชื่อของเขาอย่างบ้าคลั่ง
-------------------
เชิญเผาพริกเผาเกลือได้เลยค่ะ
NC ตอนนี้แค่นี้เน้อ ไม่อยากทำร้ายเทียนไปมากกว่านี้ T^T