ภัทรานั่งห่อเหี่ยว อยู่ในร้านกาแฟของเพื่นอสนิทคอตก ลิ้นห้อยยิ่งกว่าสุนัขหอบแดดหรืออูฐในทะเลทราย กระหายน้ำอะไรประมาณนั้น
“เกิดอะไรขึ้นยะยัยนักร้องไนต์คลับ”
“อย่าพูดเลยเสียอารมณ์ พ่อจับได้ว่าฉันแอบไปร้องเพลงที่ไนต์คลับนายเบญน่ะสิ”
“แกเลยอด”
“ไม่ใช่อดอย่างเดียวถูกบังคับให้แต่งงานแลบกับพี่ฐาด้วย”
“อ้าว...ก็ดีสิพวกแกคบกันมาหกเดือนแล้ว แต่งๆไปเถอะ”
“ฉันยังไม่มั่นใจในตัวพี่ฐาเขาดูแปลกๆ”
“แปลกยังไง”
“ดูสุภาพบุรุษเกินไป”
“พูดอย่างนี้เขายังไม่แตะต้องแกเลยงั้นสิ”
“ฉันคงตัวเป็นทองมั้งกอดไม่กอดจูบไม่จูบ ทั้งเคยให้ท่าเขานะเว้นทอดสะพานเสริมเหล็กตั้งหลายครั้ง”
“ให้ท่าก็ไม่สนเหรอ”
“งั้นสิ”
“น่าสงสัย”
“หรือว่า....”
ภัทราดีดความคิดซุกซนของตัวเองออกจากสมองชาญฉลาดอีกครั้งภัทราร่าเริงแจ่มใส ชอบคิดนอกกรอบแต่ไม่ออกนอกเขต มือเรียวหยิบถ้วยกาแฟยกกระดกอึกสุดท้ายลงคอก่อนจะสบตากับเพื่อนสนิท
“อย่าน่าอย่าคิดอย่างนั้น พี่ฐาทั้งหล่อสูงยาวเข่าดีรวย สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ถ้าเป็นเก้งฉันเสียดายตายเลย แกไม่หาทางพิสูจน์วะภัทรา” มินตราเสนอแนะทางออกที่อาจเป็นทางออกที่ดีโดยไม่ต้องแต่งงานกับฐากูร
“พิสูจน์เหรอ”
“อืมถ้าแกขืนแต่งงานไปกับพวกเก้งกวาง รับรองเสียใจตลอดชีวิตรู้ไหม”
“มันร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือวะมิ้น”
“ว่าไม่ได้ ตัวอย่างมีให้เห็นเกลื่อนเมือง แมนๆหล่อๆแบบนี้ไว้ใจยาก ยิ่งไม่แตะต้องแฟนตัวเองเลย น่าคิด”
มินตราสุมกองไฟบนถังน้ำมัน ที่พร้อมจะติดหากมีแนวร่วมภัทราเคยคิดหาทางอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง จึงอ่อยเหยื่อฐากูรเขาทำนิ่งเฉย หากชายอื่นไม่ใช่ฐากูรพ่อสุภาพบุรุษบันลือโลก เจอความสวยความเซ็กซี่ในกายภัทรา คงกระโดดขย้ำจมเขี้ยวแล้วนึกถึงตรงนี้ แววตาหวานแหววสีชาวูบไหว ราวกับคิดถึงอะไรสักอย่างทั้งมินตราที่มองอยู่รู้สึกได้
“กำลังคิดอะไรอยู่น่ะตาหวานเชียว หรือว่าคิดจะทอดกายให้พี่ฐา ก่อนวันแต่งงาน”
“ก็ว่าจะอย่างนั้น เอ้ย เปล่าซะหน่อย”
“คิดจะทำใครจะไปว่าอะไร บอกให้พิสูจน์ควรจะพิสูจน์ขืนหล่อนได้เก้ง กวางมาทำสามี ตายไร้ที่ฝังเลยนะยะ หล่อนถ้าให้ผ่านชายอื่นมานังมิ้นก็ไม่รับประทานคนหนึ่งล่ะ” มินตราทำท่าปัดไม้ปัดมือไม่ใช่รังเกียจเพียงแต่ไม่ต้องการให้หลงเข้ามาเป็นสามีเพราะยังไงพวกนี้เขาคงไม่แตะต้องผู้หญิงอยู่แล้ว ครั้นแต่งงานไปให้นอนแห้งเหี่ยวคาเตียงทุกคืนทุกวัน มันไม่ไหวนา
“พ่อบังคับพี่ฐาให้พาผู้ใหญ่มาสู่ขอฉันพรุ่งนี้ จะทันไหมล่ะกับบทพิสูจน์ที่แกว่า”
“ทันสิแค่ขอไม่ใช่ว่าแต่งเลยซะเมื่อไหร่ แกต้องพิสูจน์ก่อนแต่งสิ”
“วิธีไหน”
“ต๊ายยัยภัทราแกไม่ได้โง่ฉันรู้”
“แหม...เรื่องยั่วผู้ชายฉันไม่ถนัดนี่”
“หุ่นอย่างหล่อนหน้าอย่างหล่อน นม เอวขนาดนั้น แค่เปิดนิดเผยหน่อยขี้คร้านผู้ชายจะวิ่งหัวชนกัน ยกเว้นเสียแต่พี่ฐาไม่ใช่แมนเต็มตัว”
“ตลอดเวลาที่คบกันหกเดือนมักเป็นแบบนั้นนะเว้ย เขาเห็นฉันเป็นดั่งเจ้าแม่กวนอิม ไม่แตะต้องกลัวมีมลทิน”
“ขนาดนั้นเลยหรือ ฉันเคยสังเกตอยู่บ้างเวลาแกพาเขามาที่ร้านฉันดูเขาไว้ตัวไม่อยากเข้าใกล้ผู้หญิงสวยอย่างฉัน อีกนั่นล่ะ เขาคงกลัวแกเข้าใจผิด ถ้าทำก้อล้อก้อติกกับฉันเขาเลยเลี่ยง” มินตราคิดในทางที่ดีทว่าคำพูดจากปากภัทราชวนให้คิดไปไกล เกี่ยวกับอาการสุภาพเกินร้อย แต่งตัวดีเกินกว่าชายทั่วไปพึงกระทำ
“ตายยากจังพูดถึงโน่นไงพี่ฐาพ่อยอดสุภาพบุรุษของแก”
“ฉันโทรนัดเขาเองล่ะอยากคุยเรื่องพรุ่งนี้ ความจริงฉันโดนพ่อกักบริเวณไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าผู้ใหญ่ทางพี่ฐาจะมา”
“คนอย่างแกมีกรงที่ไหนขังได้ด้วยเหรอ ขนาดพ่อแกห้ามไม่ให้แกไปร้องเพลงแกยังแอบไปได้”
“คนมันชอบจู่ๆห้ามอย่างนี้มันต้องหาทางออกสิ” แล้วหญิงสาวก็นึกไปถึงคืนสุดท้ายในการร้องเพลง แววตาสีชารู้สึกวูบขึ้นมาอีกครั้งกระทั่งเผลอยกมือลูบไล้ริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว เมื่อฐากูรเดินเข้ามานั่งข้างๆ ภัทราจึงได้สะดุ้งหันไปทางแฟนหนุ่ม
“นัดพี่ออกมามีเรื่องอะไรด่วนหรือครับภัทรา”
เขาทักภัทราว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้สรรพนามห่างไกลราวกับคนเพิ่งรู้จักกัน ช้อนไปยังมินตรานั่งตรงข้าม มินตราพุ่มมือไหว้พร้อมกับส่งรอยยิ้มคุ้นเคยให้ชายหนุ่มมาดเนี๊ยบ เรียบร้อยสุขุมเยือกเย็น ฐากูรไร้แววตาแห่งการล่าเหยื่อ ไม่มีแววตาแห่งการค้นหาอิสตรี มินตรารู้สึกถึงแววตานั้นไร้ความอนาทรต่อเพศตรงข้ามเห็นได้ชัด
“ฉันขอตัวนะภัทรา ตามสบายนะคะพี่ฐา” มินตราดั่งมีญาณพิเศษบางอย่างในการมองดวงตาคนอื่น เธอสามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดจากดวงตาผู้คนแม้จะไม่ทั้งหมด แต่มีส่วนใกล้เคียงความจริงอยู่มาก
“พี่ฐาจะเอายังไงคะ เกี่ยวกับเรื่องวันพรุ่งนี้เอาจริงๆหรือคะ บอกม้าพี่ไม่มาไม่ได้หรือคะ”
“ภัทราไม่อยากแต่งงานกับพี่ใช่หรือเปล่า” เขาหยั่งเชิงอีกฝ่ายโดยไม่แสดงทีท่าให้หญิงสาวรู้สึกว่าเขาไม่ให้เกียรติเธอ
“คือไม่ใช่ว่าไม่อยากแต่งนะคะ พี่ฐากับภัทรายังรู้จักกันไม่ดีพอ เรายังไม่ได้รักกันถึงขั้นแต่งงาน ภัทราพูดถูกไหมคะ ถ้าภัทราพูดทำร้ายจิตใจพี่ฐา ภัทราก็ขอโทษนะคะคือภัทราคิดอย่างนี้จริงๆ ภัทราอยากหนีไปร้องเพลง อยากโบยบินไปตามประสาชีวิตโสดยังไม่อยากอยู่บ้านเป็นยัยเพิ้งเลี้ยงลูก”
“จริงๆภัทราก็อายุยี่สิบหกแล้ว สมควรจะมีครอบครัวได้แล้วนะ”
“นั่นมันก็จริงผู้หญิงสมัยใหม่แต่งงานช้าจะตาย ภัทราจะแต่งงานช้าอีกคนเพราะยังตามความฝันของตัวเอง” หญิงสาวบีบเสียงอ่อนเสียงหวาน เริ่มบทพิสูจน์จิตใจฐากูรในข้อสงสัย
“สรุปยังไม่อยากแต่งงานกับพี่หรือกับใครใช่ไหม” ฐากูรเอ่ยปากถามเสียงสั่น เพราะท่าทีที่กำลังแสดงออกของหญิงสาวดูเหมือนกำลังคุกคามทางเพศ ภัทราถนัดนักก่อเรื่องซุกซน หลายครังเขาเกือบเสียท่ากับกลเกมหยอกเย้าของหญิงสาว
“ขอเวลาภัทราอีกสักสามปีรับรอง เราสองคนถ้าไม่เลิกกันก่อนคงได้แต่งงานกันแน่คะพี่ฐาขา” ภัทราเริ่มเลื้อย