บ้าน่า...ขับรถไปจูบไป ใครเขาทำกัน มีหวังได้ลงไปนอนจูบกันข้างถนนพอดี เจนจิราโคลงศีรษะให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเอง
...แต่ในใจอดหมั่นไส้กับท่าทางของเจ้านายไม่ได้ ทีกับพวกเธอไม่มีหรอกโหมดอบอุ่น อ่อนโยน มีแต่จิก กัด...ขอให้รถตกถนนทีเถอะ ตกคูหญ้า หน้าหัก ดั้งยุบ ใบหน้าเสียโฉม หมดหล่อ...เพี้ยง!!
แต่รถกอล์ฟคันนั้นก็ขับผ่านไป โดยไม่ตกคูหญ้า ใบหน้าหล่อเหลานั้นก็ยังหล่อขาวดังเดิม รู้งี้จุดธูปด้วยน่าจะดี จะได้แรงๆ เห็นผลทันตา
“คุณเจน”
เสียงเรียกมาจากด้านหลัง ทำเอาเจนจิราชะงัก ก่อนจะหันกลับไปมอง และคลี่ยิ้มให้ เมื่อเห็นคนท้องกำลังเดินตรงเข้ามาหาพร้อมกับนริส
“สวัสดีค่ะหมอฤทธิ์ สวัสดีค่ะคุณเกล” เจนจิรายกมือขึ้นไหว้สองสามีภรรยา
“ป๊าเรียกเหรอ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า” นริสเอ่ยถามขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวเพิ่งเดินออกมาจากห้องทำงานของสาคร
สีหน้านริสดูเคร่งเครียด กังวลว่าจะเป็นเรื่องของน้องชาย ถึงแม้ไม่ค่อยได้พูดคุยกันนัก หลังจากเหตุการณ์รักสามเศร้า น้องชายก็ทำตัวห่างเหิน คุยด้วยแบบถามคำตอบคำ
ช่วงหลังที่สาครมักจะเรียกน้องชายและเขามากินข้าวพร้อมกันบ่อยๆ แต่อีกฝ่ายก็มักจะอ้างเรื่องงาน กระทั่งมีแขกมาพักด้วย ก็เห็นเตวิชญ์แวะมาบ่อยขึ้น และยอมพูดคุยกับเขามากขึ้น คิดอีกที ได้เท่านี้ก็ดีแล้ว สำหรับการให้อภัยในความผิดของเขา
“ไม่มีปัญหาอะไรหรอกค่ะ พอดีนายใหญ่เรียกมาคุยเรื่องงานนิดหน่อย และก็จะให้เจนไปเป็นตัวแทนงานเลี้ยงทำบุญที่ธะนะฟาร์มค่ะ”
“อ้อ...แล้วทำไมไม่ให้ไอ้วิชญ์ไป”
“คือ...นายวิชญ์...”
เตวิชญ์ แต่ก่อนเป็นคนมารยาทดี ไม่เคยปฏิเสธใคร แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปไม่เอาใครเลย ถึงจะกลับมาทำงานขยันขันแข็ง แต่ถ้าไม่เกี่ยวกับงานคือไม่เอา และยิ่งเกี่ยวกับธะนะฟาร์ม แค่ได้ยินชื่อก็ไม่ชอบ ทั้งที่ธัชพงษ์ก็เป็นลูกค้าชั้นดี สั่งของเยอะ จ่ายตรงเวลากลับไม่ชอบ แต่จะว่าไป จะเอาอะไรกับคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ไม่ปกติแบบนั้น
“ทำไม? มันเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ” คนเป็นพี่เอ่ยถามเสียงรัว สีหน้ากังวล เพราะทุกคนรู้ดีว่าเตวิชญ์เป็นคนทำงาน หากปฏิเสธก็หมายถึงป่วย
“เปล่าค่ะ...คือ...นายวิชญ์ติดงานค่ะ” ติดสาวด้วย เห็นติดสอยห้อยตามกันไม่ห่าง ป่านนี้คงช่วยดามใจกันเรียบร้อยแล้ว
“อือ ก็ดีแล้วที่ไม่เป็นอะไร”
“พอดีคุณพงษ์เชิญเจนด้วย นายใหญ่ก็เลยฝากให้เจนไปแทนค่ะ”
นริสหันมาจ้องหน้าลูกน้องสาว เขาเคยคุยกับลูกค้าหนุ่มคนนี้มาบ้าง เจอตามงานก็บ่อย ในฐานะคนที่อยู่วงการเลี้ยงโคนมด้วยกัน ธัชพงษ์เจ้าของธะนะฟาร์ม คนรุ่นใหม่ไฟแรง เป็นรุ่นพี่เขาไม่กี่ปี หนุ่มโสด ขยันและเก่ง เพิ่งเริ่มทำฟาร์มโคนม แต่กิจการกับรุดหน้าเจริญเติบโต ในอนาคตคงจะขยายใหญ่โต
แต่ที่ทำให้สนใจไม่ใช่เรื่องนั้น แปลกใจมากกว่าที่ธัชพงษ์มาเชิญด้วยตนเอง และยังเอ่ยปากเชิญหญิงสาวตรงหน้าเป็นพิเศษ หรือบางทีอาจจะเป็นมากกว่าลูกค้าธรรมดา
“แล้วคุณเจนไปยังไงคะ มีของขวัญหรือยัง เกลช่วยได้นะ” เกวลินได้ยินว่าเจนจิราจะไปงานเลี้ยง ก็ขันอาสาจะหาของขวัญให้
“หยุดเลยเรา ท้องอยู่จะไปวิ่งทำนั่นทำนี่ได้ไง”
“แหม ก็เกลว่างนี่คะ อยากทำอะไรสนุกๆ แค่นั้นแหละ เนอะคุณเจน”
“เจนก็ยังไม่รู้จะซื้อของอะไรให้เลยค่ะ คงไม่พ้นสินค้าของแสงสุข”
“ไม่ได้ๆ มันธรรมดาไป”
“อะไรธรรมดา ที่แสงสุขมีแต่ของพิเศษทั้งนั้นนะครับคุณภรรยา” สามีหันไปท้วงภรรยาสาว ก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่ แล้วดึงร่างอวบอิ่มที่กำลังใกล้คลอด เข้ามากอดแนบอก ก้มหน้าลงไปหอมแก้มเมียรัก ต่อหน้าต่อตาเจนจิรา จนอีกฝ่ายต้องเมินหลบ เมื่อเห็นความรักของทั้งคู่แล้ว ก็อดนึกถึงใครบางคนขึ้นมาไม่ได้
บางครั้งก็รู้สึกสงสาร หากเขามาเห็นภาพบาดตา ก็คงเจ็บอีก
“พี่ฤทธิ์นี่ ทำอะไรก็ไม่รู้” คนท้องอายม้วน ใบหน้าแดงก่ำ เมื่อจู่ๆ สามีก็หันมากอดมาหอมต่อหน้าคนอื่น เขาไม่อายแต่เธออาย
“ผัวเมียกอดกันได้” พูดเสร็จก็ก้มลงไปหอมอีกครั้ง ยืนยันความคิดว่าถูกต้อง
“ไปเลยค่ะ ไหนบอกว่าจะเข้าไปคุยธุระกับคุณพ่อไม่ใช่เหรอ” หญิงสาวผลักอกสามีออก ใบหน้าแดงระเรื่อ ถึงจะเป็นสามีภรรยา แต่เธอก็ไม่หน้าหนาเหมือนเขา
“แล้วเรา?”
“เกลก็จะคุยกับคุณเจน”
“เจนเค้าต้องไปทำงาน ไม่ว่างมาคุยกับเราหรอก”
เกวลินหันไปมองหน้าหญิงสาว เม้นปากนิดๆ สีหน้าครุ่นคิด “คุณเจนรีบมั้ยคะ อยู่คุยกับเกลแป๊บได้ปะ”
“...ได้ค่ะคุณเกล”
“แล้วไม่เข้าไปด้วยกันเหรอ” นริสก้มลงชวนภรรยาอีกครั้ง
“ไม่ละค่ะ เกลมีเพื่อนแล้ว”
“คนเค้าจะไปทำงานก็ไปดึงไว้ เรานี่น้า”
“คุณเจนไม่เห็นบ่นเลย พี่ฤทธิ์แหละไปหาคุณพ่อได้แล้ว”
“งั้นก็คุยกับเจนไปก่อน ห้ามเดินไปไหน รอพี่อยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวไปคุยกับป๊าแป๊บเดียว” เมื่อภรรยายืนยันจะไม่เข้าไปด้วย ชายหนุ่มก็สั่งความยืดยาว กว่าจะปล่อยให้สองสาวได้คุยกันตามสบาย
“มาค่ะคุณเจน” เกวลินลากแขนอีกฝ่ายให้เดินตามออกไปทางประตูหน้าบ้าน
“คุณเกลจะไปไหนคะ”
“ตามมาเถอะค่ะ เดี๋ยวก็รู้”
เจนจิราทำหน้ามึนงง เมื่อเดินออกไปถึงหน้าบ้าน คิดว่าเกวลินจะชวนคุยเรื่องอะไรที่เป็นความลับ จนไม่สามารถให้คนอื่นได้ยิน เปล่าเลย เจ้านายสาวกลับลากเธอขึ้นไปนั่งบนรถ แล้วบอกให้ขับออกไปด้วยกัน
“คุณเกล! ไม่ได้นะคะ เมื่อกี้หมอฤทธิ์ก็บอกแล้วว่าห้ามไปไหน ให้รอในบ้าน”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ กว่าพี่ฤทธิ์จะคุยกับคุณพ่อเสร็จ อีกนาน เราไปทำธุระสำคัญกันดีกว่า”
“ธุระอะไรคะ”
“คุณเจนขับรถไปค่ะ เดี๋ยวก็รู้เอง”
“แต่...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพี่ฤทธิ์ว่า เดี๋ยวเกลรับผิดชอบเอง”
“แต่หมอฤทธิ์เป็นห่วง...”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ใกล้แค่นี้เอง ไปค่ะ”
“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ”
เจนจิราเพ่งมองผู้หญิงในกระจกด้วยความไม่แน่ใจ ใบหน้าสวยหวาน ได้รับการแต่งแต้มอย่างสวยงามด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ชุดสีขาวที่สวมบนกาย ก็เป็นชุดที่เกวลินเลือก บอกว่านริสซื้อให้ตั้งแต่ก่อนแต่งงาน แต่ยังหาโอกาสใส่ไม่ได้ และที่สำคัญตอนนี้ท้องโตแล้ว จึงยกให้เธอ
สองสาวหุ่นใกล้เคียงกัน ยกเว้นหน้าอกหน้าใจที่เจ้าของชุดมีมากกว่า แต่พอสวมลงบนตัวและเสริมเข้าไปนิดหน่อยกลับดูเซ็กซี่น่าหลงใหลชวนมอง