ร่างบางดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ร้อนรุ่มไปทั้งตัวทั้งหัวใจ ราวกับกำลังนอนบนเปลวไฟ มือดึงทึ้งผมตัวเองอย่างใช้ความคิด ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ ปากบอกว่าช่างมันๆ แต่ใจกลับรู้สึกผิด มันติดอยู่ในหัวจนนอนไม่หลับ ไม่น่าพูดแบบนั้นเลย
ใครๆ เขาก็อกหักกัน!...เจนจิราอยากจะทุบหัวตัวเองนัก พูดออกไปแบบนั้นได้ยังไง แล้วยังปากมากพูดถึงอดีตคู่หมั้นเขาอีก ไม่เท่ากับกำลังเหยียบซ้ำให้เจ็บปางตายเหรอ...ป่านนี้เจ้านายจะเป็นยังไง หวังว่าคงไม่ถึงกับคิดสั้นหรอกนะ
“ฮัลโล เดย์ ตอนนี้แกอยู่ไหน”
‘อยู่ที่ห้อง ลูกพี่มีไรหรือเปล่า’
“อ้าว ไม่ได้ไปกินเหล้าที่บ้านนายวิชญ์เหรอ”
‘เปล่า เมื่อเย็นพี่นิคบอกว่านายไม่อยู่’
“ไปไหน” น้ำเสียงร้อนรนถามออกไปจนลิ้นแทบพันกัน
‘เห็นว่าเข้าไปในเมืองนะ’
“ไปกับใคร”
‘คนเดียว’
“คนเดียว!!”
‘ใช่ พี่นิคบอกว่าขับรถออกไปคนเดียว’
“แล้วไอ้นิคมันปล่อยนายไปคนเดียวได้ไง เผื่อไปกินเหล้าเมาแล้วขับรถกลับเอง เกิดลงข้างทางไปจะทำไง พวกแกนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ” เจนจิราทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ อย่างขัดใจ เมื่อรู้ว่าเตวิชญ์ออกไปคนเดียว แล้วถ้าเขาไปกินเหล้าจนเมาหนัก จะทำยังไง
‘ไม่มั้งลูกพี่ ถ้ากินเหล้า นายก็น่าจะกินที่บ้านพักกับพวกผมเหมือนเดิม หรือไม่ก็ที่บ้านนาย ถ้าเข้าไปในเมืองคนเดียวแบบนี้ คงไปทำธุระนั่นแหละ’
“ธุระอะไร” ในเมื่อตอนนี้งานเกือบทั้งหมด ก็อยู่ที่เธอ ไม่มีอะไรต้องเข้าไปในเมืองสักหน่อย หรือมีงานอะไรที่เธอไม่รู้
‘เดี๋ยวฉันถามพี่นิคให้ เอามั้ย’
“ไม่ต้อง!! แค่นี้แหละ”
เจนจิราวางสายจากลูกน้องคนสนิท คราวนี้นอนไม่หลับหนักกว่าเดิม ทีแรกว่าจะลองสืบดูจากพวกนั้นว่าคืนนี้เจ้านายมีท่าทีเป็นยังไง แต่กลายเป็นว่าไม่มีการตั้งวงก๊งเหล้าเหมือนทุกคืน
หรือเจ้านายถูกเธอต่อว่าเมื่อตอนเย็น เกิดคิดได้ กลับตัวกลับใจมาทำงานแล้ว...จะเป็นไปได้เหรอ ไม่น่าใช่หรอกมั้ง...แล้วนายวิชญ์ไปทำอะไรในเมือง
ในที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ชนะ บวกกับความเป็นห่วงเป็นใย ทำให้เธออดรนทนไม่ไหว เธอยอมถูกด่า ดีกว่าต้องมานั่งเดาเรื่องเอง แถมยังฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ มือยกโทรศัพท์ขึ้นมากดหมายเลขที่จำขึ้นใจและโทรออกทันที
...ไม่ต้องกลัวหรอกน่า อย่างมากก็แค่ถูกด่าอีกรอบ
เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่นาน แต่ไม่มีคนรับจนสัญญาณตัดไป เธอไม่ยอมแพ้ต่อสายใหม่อีกครั้ง
“ฮัลโล นายวิชญ์”
‘มีไร’
“นายวิชญ์อยู่ไหน สะดวกคุยหรือเปล่า…เอ่อ…มีเรื่อง…เรื่องงานจะปรึกษา” คิดไม่ออกว่าจะคุยเรื่องอะไร จึงพูดส่งๆ ไป เธอแค่อยากรู้ว่าเขาอยู่ไหน
หากเป็นเมื่อก่อนไม่จำเป็นต้องมาคิดประดิดประดอยคำพูดใดๆ อยากรู้ก็ถามไปตรงๆ แต่คราวนี้ไม่เหมือนเดิม รู้ตัวว่าเจ้านายไม่ปลื้มเท่าไหร่ แต่เพราะความเป็นห่วงเจนจิราจึงอ้างเรื่องงาน จะถามตรงๆ ว่าเขาทำอะไร อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร รับรองไม่ตอบ
เคร้งงง!!!!..
เสียงของร่วงตกแตกดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ เจนจิราถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะตะโกนถามกลับไปปากคอสั่น น้ำเสียงตื่นตกใจ
“ฮัลโล เกิดอะไรขึ้น เป็นไรหรือเปล่า...นายวิชญ์!!”
เงียบ!!
แล้วสัญญาณโทรศัพท์ก็ตัดไป เธอรีบกดโทรออกอีกครั้ง มือไม้สั่นลนลานไปหมด คราวนี้ตัดเข้าบริการรับฝากข้อความ เจนจิรานั่งไม่ติด ลุกขึ้นเดินวนเวียนกลับไปกลับมาในห้อง ทั้งกังวลทั้งเป็นห่วงกลัวจะเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับเขา
จะโทรบอกนายสาคร ก็กลัวว่าถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่เธอหวาดวิตก ทีนี้ล่ะ คงถูกเตวิชญ์หมายหัว หรือไม่ก็ขย้ำบีบคอตายอย่างอนาจ ดีไม่ดีอาจจะถูกไล่ออก
ตัดสินใจไม่ถูก ลังเล ว่าควรจะเอายังไงต่อดี หรือเธอควรจะวิ่งไปดูที่บ้านพัก ว่าเขากลับมาหรือยัง ถ้ากลับมาแล้ว ก็จะได้ไม่ต้องห่วง แต่ถ้ายัง…บางทีเธออาจต้องยอมแตกหักกับเจ้านาย โทรรายงานสาคร หรือไม่ก็นริส อย่างน้อยหากเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยเหลือทันการณ์
จิตใจของเจ้านายตอนนี้ไม่แข็งแรงเหมือนเดิม เธอกลัวเขาจะตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ขาดสติ ดื่มจนเมาแล้วขับรถยนต์ ถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะทำไง จะมีใครเห็นไหม แล้วมีใครช่วยหรือเปล่า
ไม่ได้การล่ะ!
เจนจิราเปิดประตูห้องนอนออกมา ทั้งที่สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงผ้าขายาว เธอไม่มีเวลาจะมาสนใจเปลี่ยนชุดหรอก ใส่แบบนี้ไปทำงานด่วนก็เคยหลายครั้ง แวะไปบ้านเจ้านายด้วยสภาพนี้ก็บ่อย และครั้งนี้เธอก็แค่จะแวะไปดูเจ้านาย แป๊บเดียวให้มันสบายใจว่าเขายังปลอดภัยดี เดี๋ยวก็กลับ
หญิงสาวเดินตรงไปยังห้องโถงกลางบ้าน ฝีเท้ารีบเร่ง มือคว้ากุญแจรถเครื่องที่วางไว้หลังตู้ได้ ก็เดินตัวปลิวออกไปทางหน้าบ้าน
“เจน”
ขาชะงักกึก ก่อนเจนจิราจะหันกลับไปมองด้านหลัง
“อ้าวลุงมิ่ง!”
“เอ็งจะไปหนายวะ” เสียงอ้อแอ้ยานคางดังมาจากโซฟาหน้าทีวี สภาพนอนแผ่หรา นี่ก็อีกคน คงไปดื่มเฉลิมฉลองกับเพื่อนร่วมก๊วนมา ผู้ชายที่นี่เป็นอะไรกันไปหมด ดื่มได้ทุกวัน ดื่มกันเกือบทุกคน ไม่ว่าจะเป็นลุงเธอ หรือเจ้านาย ทุกคนล้วนแต่อภิรมย์ในการดื่ม
“ลุงมิ่ง กินเหล้ามาอีกแล้วนะ นี่กินข้าวยัง”
“กินเหล้า ใครมันจะมาสนใจเรื่องข้าววะ”
“ก็เพราะคิดแบบนี้ ข้าวปลาไม่กิน กินแต่ยอดข้าวถึงได้ผอมโซ แก่จนนึกว่าอายุเจ็ดสิบแล้ว”
“เอ๊ะนังนี่ ตกลงนี่แกเป็นหลานฉัน หรือเป็นแม่กันแน่วะ บ่นอยู่ได้ จะไปนอนก็ไปไป๊”
“ลุงนั่นแหละเข้าไปอาบน้ำแล้วก็นอนในห้อง มานอนไรตรงนี้ เดี๋ยวยุงก็สูบเลือดจนหมดตัวหรอก”
“ช่างเหอะน่า เดี๋ยวก็เช้าแล้ว”
“ตามใจ แล้วจะเอาหมอนกับผ้าห่มมั้ย เจนจะได้เอามาให้” เจนจิราส่ายหัว ลุงเธอมักจะอาศัยนอนหน้าทีวีทุกครั้งที่ดื่มจนเมามาย บอกจนปากจะฉีกถึงหูก็เหมือนเดิม น้อยครั้งมากที่จะเข้าไปนอนห้องตัวเอง และน้อยครั้งแทบนับนิ้วได้ จำนวนวันที่ไม่ดื่มเหล้า ยังดีที่ตอนนี้ไม่ค่อยได้ขับรถให้นายใหญ่แล้ว เธอจึงไม่ค่อยห่วงมากนัก
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง” ลุงมิ่งโบกมือหยอยๆ ก่อนจะพลิกตัวตะแคงหันหน้าเข้าหาโซฟา แล้วกรนออกมาเสียงดังสนั่น