ณ ใจกลางของดินแดนฝูหรง ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของทวีปทั้งสี่ ได้แก่ ทวีปเทียนฉี่ , ทวีปเทพอสูร , ทวีปไห่หรง และทวีปมืด
ใจกลางดินแดนฝูหรงนั้นเป็นสถานที่ต้องห้าม ที่แห่งนี้มีไว้สำหรับการกักขังเทพอสูรโบราณที่เคยอาละวาดเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน
โดยในยามปกติแล้ว สถานที่แห่งนี้จะถูกดูแลอย่างดีจากสภาฝูหรง แต่ทว่าในยามนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวายอลหม่าน เหล่าพรหมยุทธ์มากมายหลายสิบคนต่างมารวมตัวกันยังใจกลางดินแดนฝูหรง
ทว่าสถานการณ์ในใจกลางดินแดนฝูหรงขณะนี้ ย่ำแย่ถึงขีดสุด เนื่องจากเทพอสูรโบราณที่โดนกักขังยังใจกลางดินแดนกำลังจะหลุดออกมาจากพันธนาการที่กักขังมันเอาไว้
ครืน ครืน ครืน
ทันใดนั้นเอง…เมฆสีดำขนาดมหึมาทรงคล้ายเห็ดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปกคลุมผืนฟ้าและผืนโลกพร้อมกับคลื่นกระแทกที่น่าสะพรึงกลัวแผ่กระจายไปทั่วท้องนภา แม้แต่เหล่าพรหมยุทธ์หลายคน ยังต้องถอยหลีกอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีบางคนกระเด็นถอยหลังไปไกลจากแรงกระแทก
ฟิ้ว!
ขณะที่เมฆลอยขึ้น ลำแสงสีดำทมิฬก็ดิ่งลงมาบนพื้นเจาะทะลวงลงไปยังใต้ผืนพิภพ คลื่นพลังสีดำทมิฬอันน่าสะพรึงกลัว ทำลายภูเขาลูกแล้วลูกเล่าจนราบเป็นหน้ากลอง
“บัดซบ!!”
หัวใจของเหล่าพรหมยุทธ์แทบทัั้งหมดต่างสั่นสะท้านกับฉากนี้
ตู้ม! ตู้ม!
ทั่วทั้งดินแดนฝูหรงสั่นสะเทือนรุนแรง เสียงคำรามดุร้ายดังสะท้อนจากใต้พิภพ รัศมีสีดำรวมตัวกันบริเวณรอยต่อของผืนดินที่แยกออกจากกัน
“เร็ว! เร็วเข้า! หมุนค่ายกล เทพอสูรโบราณกำลังจะหนีไปแล้ว!” เหล่าพรหมยุทฑ์คนอื่นๆ เมื่อเห็นภาพนี้ ใบหน้าของพวกเขาก็มืดครึ้มลงทันที
คลื่นพลังปราณอันไร้ขอบเขตระเบิดออกเทลงในค่ายกลอย่างมิหวาดหวั่น หอกสีทองขนาดมหึมาก่อตัวขึ้น ก่อนจะพุ่งแหวกอากาศตรงดิ่งไปยังกลุ่มหมอกสีดำ
โฮก!
เสียงอสูรหอนก้อง หมอกสีดำลอยขึ้นไปในอากาศ ขณะที่ผันแปรก็กลายเป็นกะโหลกขนาดใหญ่พลางปะทะเข้ากับหอก
ปัง!
การปะทะครั้งใหญ่ทำให้ใจกลางดินแดนฝูหรงสั่นสะเทือนอย่างแรง
ตู้ม!
ทั่วทั้งดินแดนฝูหรงในขณะนี้โยกคลอนรุนแรง ราวกับว่าใกล้จะพังทลายเต็มที
“เสริมปราณลงไป! อย่าปล่อยให้เทพอสูรโบราณหนีพ้นไปได้!” พรหมยุทธ์ร่างกำยำประหนึ่งราชสีห์ร้องคำรามขณะที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อ
ทว่าเมื่อสิ้นเสียงคำราม เสาสีดำขนาดมหึมาก็ทะยานขึ้นจากรอยแยกระหว่างผืนดิน รัศมีพลังสีดำสร้างหายนะพร้อมกับแรงกดดันที่ไม่อาจจินตนาการได้ออกมา
ปัง ปัง ปัง
รัศมีพลังสีดำกวาดล้างเหล่าพรหมยุทธ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ เพียงแค่พริบตาเดียว ร่างของพรหมยุทธ์หลายคนก็สลายเป็นฝุ่น…
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
ใบหน้าของพรหมยุทธ์หลายคนถอดสี รัศมีพลังสีดำในเสากลั่นตัวเป็นรูปร่างคลุมเครือ เมื่อยืนอยู่บนท้องฟ้าร่างพร่ามัวนั้นก็ทำให้ทั้งสวรรค์และโลกมืดลงพร้อมกับแรงกดดันที่ราวกับว่าจะกลืนกินทุกสรรพสิ่ง เมื่อมองจากระยะไกลก็ประหนึ่งเทพปีศาจที่มาเยือนโลกมนุษย์
เสียงหัวเราะเสียดแทงดังก้องไปทั่วใจกลางดินแดน ร่างนั้นมองไปที่ค่ายกลผนึกเทพอสูรที่เป็นการรวมพลังของพรหมยุทธ์จากทวีปเทียนฉี่และทวีปไห่หรง
เสียงของร่างนั้นดังก้องไปทั่วใจกลางดินแดนฝูหรง แผ่กระจายไปทั่วทวีปทั้งสี่!
“พรหมยุทธ์เทพมังกรเซียวรั่วเฟิงเอ๋ย ความพยายามทั้งหมดของเจ้าล้มเหลวหลังจากผ่านไปหนึ่งหมื่นปี สุดท้ายข้าคือผู้ชนะ!”
เสียงคำรามดังก้อง
ราวกับพายุโหมกระหน่ำออกมา ทำให้หมู่เมฆแตกสลาย ขณะที่บดบังแสง
ณ ใจกลางดินแดนฝูหรง เหล่าพรหมยุทธ์ทุกคนเงยหน้าขึ้นด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว เมื่อมองไปที่เทพอสูรโบราณ พวกเขารู้สึกได้ถึงความน่ากลัวสุดพรรณนาจากอีกฝ่าย
แม้แต่จอมยุทธ์ระดับเซียนยุทธ์หลายคนยังมีสีหน้าซีดขาวด้วยความครั่นคร้าม
เนื่องจากชื่อเสียงของเทพอสูรโบราณยิ่งใหญ่เกินไป ในสมัยโบราณเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ทวีปเทพอสูรภายใต้การนำทัพของเทพอสูรโบราณทำให้ทวีปเทียนฉี่และทวีปไห่หรงพ่ายแพ้ยับเยิน หากไม่ใช่เป็นเพราะพรหมยุทธ์เทพมังกรเซียวรั่วเฟิง ดินแดนฝูงหรงคงตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน…
ย้อนกลับไปตอนนั้นพรหมยุทธ์เทพมังกรได้สละชีวิตเพื่อผนึกเทพอสูรโบราณตนนี้เอาไว้ แต่ใครจะคิดว่าหนึ่งหมิ่นปีต่อมา เทพอสูรโบราณจะสามารถหลุดออกจากผนึกมาได้
“หรือว่านี่เป็นชะตากรรมของดินแดนฝูหรงที่จะต้องถูกเหล่าอสูรปกครอง…”
พรหมยุทธ์หลายคนในขณะนี้ออกอาการเศร้าสลด
ที่ด้านนอกเขตใจกลางดินแดนฝูหรง พรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียน พรหมยุทธ์เทพน้ำแข็งเตียวหยุนและพรหมยุทธ์วิหคเพลิงหมิงหยุนก็รู้สึกได้ถึงรัศมีพลังอันน่าสะพรึงกลัว
พรหมยุทธ์ทั้งสามคน ล้วนเป็นจอมยุทธ์ระดับเซียนยุทธ์ที่ลือนามในดินแดนฝูหรง
“หนึ่งหมื่นปี! การทำงานกว่าหนึ่งหมื่นปีของผู้พิทักษ์ผนึกเทพอสูร ท่านบรรพชนเซียว ข้าทำให้ชื่อเสียงของหมู่บ้านเทพวารีของเราเสื่อมเสียแล้ว…อับอาย อับอายยิ่งนัก” พรหมยุทธ์เทพน้ำแข็งร้องออกมาด้วยน้ำเสียงสั่น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
สีหน้าของพรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียนและพรหมยุทธ์วิหคเพลิงหมิงหยุนก็มืดมนลงพร้อมกับแสงอ่อนจางวูบไหวในดวงตา พวกเขาได้ทำทุกอย่างที่ทำได้แล้ว แต่ใครจะคิดว่าเทพอสูรโบราณจะทรงพลังถึงเพียงนี้กัน
ทว่าพรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียนไม่ใช่จอมยุทธ์ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงสงบอารมณ์ได้อย่างรวดเร็ว เสียงตะโกนของเขาดังก้องไปทั่วใจกลางดินแดนฝูหรง
“ทุกคนฟังคำสั่ง เข้าควบคุมค่ายกลผนึกเทพอสูรเร็วเข้า! มันพึ่งหลุดออกมา ยังอ่อนแออยู่มาก!”
เมื่อเหล่าพรหมยุทธ์ผู้สิ้นหวังหลายคนได้ยินเสียงของพรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียน พวกเขาก็ตื่นจากภวังค์พลางสบตากันก่อนที่จะกัดฟันและหมุนเวียนคลื่นปราณในร่างกายเทลงไปยังค่ายกลอีกครั้ง
จากบันทึกโบราณต่างๆ พวกเขารู้ว่าเทพอสูรโบราณน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ห้ามปล่อยให้เทพอสูรตัวนี้รอดไปได้ มิฉะนั้นจะเป็นการทำลายล้างทั่วทั้งดินแดนฝูหรง หากมันหลุดออกมาจากผนึกได้อย่่างสมบูรณ์
ตู้ม! ตู้ม!
เทพอสูรโบราณเงยหน้าขึ้นพร้อมกับความชั่วร้ายสุดพรรณนาในแววตา เมื่อมองไปที่ค่ายกลเสียงคำรามก็สะท้อนก้องขึ้นอีกครั้ง
“ไอ้บัดซบ!! เซียวรั่วเฟิงตายไปนานแล้ว พวกเจ้าคิดว่าสามารถผนึกข้าด้วยค่ายกลกระจอกที่มันทิ้งไว้อย่างงั้นเรอะ? ปัญญาอ่อนเกินไปแล้ว!”
ร่างสีดำลอยตัวขึ้นไปในอากาศ รัศมีพลังสีดำแผ่ซ่านออกมาจากร่างกายปลดปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา แม้แต่จอมยุทธ์ขุมพลังพรหมยุทธ์ก็จะถูกฆ่าตายทันทีหากไปติดอยู่วังวนของคลื่นพลังสีดำนั้น
“หยุดมัน!”
เหล่าพรหมยุทธ์มากมายร้องลั่น
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลวดลายโบราณถูกกระตุ้นพุ่งเข้าไปล้อมรอบตัวเทพอสูรที่พยายามหลบหนีจากใจกลางดินแดนฝูหรง
“ไสหัวไป!” เมื่อเห็นลวดลายโบราณกำลังพลุ่งพล่านเข้ามา เทพอสูรก็แผดเสียงตะโกนพร้อมกับซัดรัศมีพลังสีดำที่สามารถสังหารจอมยุทธ์ขุมพลังพรหมยุทธ์ได้อย่างง่ายดายออกมา
ฮึ่ม ฮึ่ม!
ลวดลายโบราณเปล่งประกายแวววาวกลายเป็นม่านแสงทรงกลมห่อหุ้มเทพอสูรเอาไว้
ชี่ ชี่!
รัศมีพลังสีดำปะทะเข้ากับม่านแสง เกิดเสียงดังซ่าคล้ายกับหิมะสัมผัสเข้ากับลาวา สลายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นผลลัพธ์นี้ เหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีป ก็เร้าพลังปราณขึ้นมาทันที เนื่องจากดูเหมือนว่าค่ายกลผนึกเทพอสูรจะมีผลกับเทพอสูรโบราณอย่างมาก
แสงเย็นเยือกวูบวาบไปทั่วดวงตาเทพอสูรโบราณขณะที่เสียงดังก้อง
“ต่อให้ตอนนี้เป็นสภาพที่อ่อนแอที่สุดของข้า แต่คิดว่าจะสามารถกักขังข้าด้วยค่ายกลกระจอกเช่นนี้เรอะ? อ่อนหัดยิ่งนัก…”
“ลำแสงทลายสวรรค์!”
เสียงคำรามดังก้องระหว่างฟ้าดิน เทพอสูรโบราณอ้าปากปล่อยลำแสงสีดำพวยพุ่งออกมา ลำแสงสีดำนี้มีขนาดประมาณมหึมาดั่งเสาค้ำสวรรค์ เมื่อปรากฏขึ้นสวรรค์และโลกก็แยกออกจากกัน
ลำแสงสีดำปะทะเข้ากับม่านแสงเบื้องบน พลังงานสองสายชนกันอย่างจัง ลำแสงสีดำแตกกระจายความผันผวนที่ไม่สามารถอธิบายได้แผ่ออกมา มิติแตกออก กระทั่งเวลายังเฉื่อยลงภายใต้ลำแสงสีดำนี้
ลวดลายโบราณเปล่งรัศมีออกมาอย่างต่อเนื่องขณะที่เสริมความแข็งแกร่งของม่านแสงพยายามที่จะต้านทาน
ทว่าลำแสงสีดำน่ากลัวเกินไป หลังจากสิบกว่าลมหายใจม่านแสงก็เริ่มจางหายไปพร้อมกับรอยแตกปรากฏขึ้นบนลวดลายโบราณ
“ต่อให้ไอ้เซียวรั่วเฟิงฟื้นขึ้นมาในวันนี้ มันก็หยุดข้าไม่ได้!” เทพอสูรโบราณคำรามเสียงดัง ลำแสงสีดำขยายออก พริบตาก็ทะลุผ่านปราการม่านแสง
ลำแสงสีดำนำพาร่างเทพอสูรโบราณลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพุ่งออกจากใจกลางดินแดนฝูหรง
ที่ด้านนอกใจกลางดินแดนฝูหรง แสงหลากสีที่สร้างขึ้นจากค่ายกลก็เหลือชั้นสุดท้ายแล้ว
ขณะนี้พรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียน พรหมยุทธ์เทพน้ำแข็งเตียวหยุนและหรหมยุทธ์วิหคเพลิงหมิงหยุนมองไปยังของร่างเทพอสูรโบราณด้วยใบหน้าเขียวคล้ำ
หากพุ่งผ่านปราการนี้ไปได้ เทพอสูรโบราณก็จะเป็นอิสระแล้ว !
“เราต้องหยุดมัน มิฉะนั้นเมื่อไรที่ไอ้เทพอสูรโบราณนั่นหลุดไปได้ ก็จะไม่มีใครสามารถปราบปรามมันได้อีกต่อไป!” ทั้งสามคนพูดพร้อมกัน
“ฮ่าๆ พวกข้าจะยอมให้พวกเจ้าขัดขวางเทพผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าอสูรได้อย่างไร? อยู่ตรงนี้และดูเฉยๆ!” ทว่าเมื่อทั้งสามกำลังจะทะยานออกไป เสียงหัวเราะก็ดังก้องขึ้น เผยให้เห็นร่างของอสูรมหึมาขนาดยักษ์ 3 ตัว ซึ่งแต่ละตัวล้วนอยู่ในระดับจักรพรรดิอสูรขั้นสูงสุดแทบทั้งสิ้น
รัศมีพลังสีดำรุนแรงพวยพุ่งขึ้นกวาดเข้าใส่พรหมยุทธ์ทั้งสาม
ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงทำให้พรหมยุทธ์ทั้งสามจากหมู่บ้านเทพวารีจะต้องหยุดชะงัก และหันไปรับมือกับจักรพรรดิอสูรทั้งสามตน
ตู้ม ตู้ม!
ในเวลาเดียวกันร่างเงาของเทพอสูรโบราณก็ปรากฏขึ้นใต้ปราการม่านแสง ลำแสงสีดำพุ่งออกมา เมื่อสัมผัสก็ทำให้เกิดความผันผวนรุนแรง แต่ไม่สามารถทะลุผ่านปราการม่านแสงนั้นและค่อยๆ จางหายไป
“ถ้าข้าฟื้นเต็มกำลัง ข้าสามารถทำลายได้ด้วยฝ่ามือเดียว แต่ตอนนี้คงต้องผลาญพลังชีวิตมาใช้ก่อน” ดวงตาเทพอสูรโบราณไม่มีการกระเพื่อมใดๆ ขณะที่มองปราการแสงชั้นสุดท้าย
พูดจบ รัศมีสีดำก็แยกออกจากร่างกายก่อร่างเป็นผลึกสีดำขนาดเท่ากำปั้นที่เบื้องหน้า
แม้ว่าผลึกสีดำจะไม่ได้เด่นตาอะไร แต่กลับมีความผันผวนของการทำลายล้างก่อตัวขึ้น
ที่ด้านหลังผลึกสีดำร่างเทพอสูรโบราณก็หดตัวลงจนเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง
“ไป”
เทพอสูรโบราณสะบัดนิ้ว ผลึกก็พุ่งออกไปปะทะกับปราการแสงชั้นสุดท้าย
ขณะที่พลังทั้งสองสายปะทะกันก็ไม่มีความวุ่นวายใดๆ แต่ผลึกสีดำกลับแผ่ซ่านด้วยวงรัศมีดำมืดที่ผันผวน…
ความผันผวนดูเหมือนจะบรรจุด้วยพลังลึกลับ เมื่อกวาดออกปราการแสงชั้นสุดท้ายก็เริ่มปรวนแปร
เมื่อการสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้น ปราการแสงก็เริ่มเบาบางลง
ผลึกสีดำอ่อนกำลังหดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อมีขนาดเท่ากับเมล็ดพืช และในที่สุดปราการแสงชั้นสุดท้ายของค่ายกลผนึกเทพอสูรก็สลายหายไป กลายเป็นวงรัศมีว่างเปล่า!
เมื่อมองไปที่วงรัศมีว่างเปล่าบนอากาศ เหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีปก็มีสีหน้าซีดขาว ความกลัวเริ่มกัดกินจิตใจของพวกเขา
ขณะมองไปที่วงรัศมีว่างเปล่า ดวงตาไม่แยแสของเทพอสูรโบราณก็วูบไหว ก่อนที่มันจะหันกลับมามองใจกลางดินแดนฝูหรงอีกครั้งด้วยแววตาเย้ยหยัน
“เซียวรั่วเฟิงเอ๋ย เจ้าสละชีวิตเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนเพื่อผนึกข้า แต่คราวนี้ใครหน้าไหนในดินแดนฝูหรงจะหยุดข้าได้อีก? …”
เพียงแค่เคลื่อนไหว รัศมีสีดำเชี่ยวกราดก็พุ่งออกมาจากวงรัศมี ทันใดนั้นเองร่างเงาสีดำก็พุ่งออกมา หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการของค่ายกลผนึกเทพอสูร
ขณะนี้แทบทุกคนในใจกลางดินแดนฝูหรงรู้สึกถึงความกลัวพลุ่งพล่านในหัวใจ
ยามนี้เทพอสูรโบราณได้หลุดออกมาจากค่ายกลแล้ว!
“ณ ที่แห่งนี้ผนึกข้ามาหนึ่งหมื่นปีและเต็มไปด้วยเลือดกลั่นของเซียวรั่วเฟิง! วันนี้ข้าจะทำลายที่แห่งนี้ซะ…เพื่อส่งสารบอกถึงการกลับมาของข้า….” เทพอสูรโบราณกล่าวเสียงดังก้อง
พูดจบดวงตาสีดำทมิฬก็วูบไหว ทันใดนั้นลำแสงสีดำก็ยิงออกมาจากม่านตา
ครืน!
ลำแสงสีดำขยายอย่างรวดเร็ว ลำแสงสีดำนั้นค่อยๆ ก่อร่างเป็นอุกกาบาตที่เหมือนถูกสร้างขึ้นมาจากพลังแห่งความชั่วร้าย พร้อมกับพลังการทำลายที่สามารถทำลายที่แห่งนี้ให้เป็นราบเป็นหน้ากลอง
เมื่อเห็นอุกกาบาต ใบหน้าของเหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีปก็เปลี่ยนไป พวกเขาสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากอุกกาบาต
“เคลื่อนไหวพร้อมกัน!” ใบหน้าของพรหมยุทธ์เทพกระบี่จู่เซียนมืดครึ้ม เขารีบตะโกนอย่างสุดเสียง
ไม่ต้องพูดให้มากความ เหล่าพรหมยุทธ์คนอื่นๆ ก็คำราม คลื่นปราณหลากสีเร้าพุ่งขึ้นสูง ฉีกฟ้าดินออกจากกัน การโจมตีหลายสิบสายพุ่งเข้าใส่อุกกาบาตสีดำไม่ยั้ง!
ตู้ม ตู้ม!
ภายใต้สายตากังวลของของพรหมยุทธ์จากสองทวีป การโจมตีทั้งหมดของพวกเขาก็ปะทะกับอุกกาบาตสีดำ
ปัง!
จังหวะที่ปะทะกันคลื่นกระแทกน่าสะพรึงกลัวก็กวาดทำลายทุกสรรพสิ่งในระยะเกือบ 2,000 ลี้…
อากาศโดยรอบบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีปก็มองไปยังจุดปะทะด้วยสายตาเคร่งเครียด
เมื่อคลื่นกระแทกค่อยๆ จางลง ลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาปรากฏในครรลองสายตาของเหล่าพรหมยุทธ์
นั่นคืออุกกาบาตที่ปกคลุมไปด้วยรัศมีความตาย กระทั่งขนาดก็ไม่ได้หดลง การโจมตีประสานจากจอมยุทธ์ขุมพลังพรหมยุทธ์และเซียนยุทธ์ไม่มีประโยชน์อะไรเลย!
ซื้ด!
ทุกคนที่อยู่ในใจกลางดินแดนฝูหรงสูดลมหายใจเย็นพร้อมกับสีหน้าซีดขาว
“หรือนี่จะเป็นจุดจบของทวีปเทียนฉี่และทวีปไห่หรงของพวกเรา…”
“แมงเม่าบินเข้ากองไฟ….” เทพอสูรโบราณส่ายหัวกับฉากนี้
“เซียวรั่วเฟิงเอ๋ย เซียวรั่วเฟิง หนึ่งหมื่นปีผ่านไป ก็ยังไม่มีใครใกล้เคียงกับเจ้าได้เลย ช่างน่าอดสูยิ่งนัก…สำหรับคู่ปรับตลอดชั่วชีวิตของข้า….”
ฟิ้ว!
เมื่ออุกกาบาตสีดำฉีกผ่านมิติก็มาปรากฏเหนือใจกลางดินแดนฝูหรง
“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าทำลายที่แห่งนี้ได้เด็ดขาด แม้ข้าจะตาย ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าได้หยามเกียรติของเผ่ามนุษย์เรา” พรหมยุทธ์เทพกระบี่หลับตามือประสานกันด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว คลื่นพลังปราณในร่างกายเริ่มระเบิดขึ้น เขาตั้งใจที่จะระเบิดตัวตายเพื่อตอบโต้การโจมตีจากเทพอสูรโบราณ
เหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีปแลกเปลี่ยนสายตากันพลางยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ โดยไม่มีคำพูดใดๆ คลื่นพลังปราณในร่างกายของพวกเขาก็เริ่มจุดชนวน
ทว่าเมื่อพลังงานในร่างกายของเหล่าพรหมยุทธ์เร้ามาถึงขีดจำกัด มิติก็ฉีกออกจากกันกะทันหัน คลื่นพลังสีแดงไร้ขอบเขตกวาดออกมาปกคลุมร่างพวกเขาไว้
ทันใดนั้นคลื่นพลังปราณที่อาละวาดภายในร่างกายของเหล่าพรหมยุทธ์จากสองทวีปก็ถูกยับยั้ง
ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นความผันผวนของพลังนี้….
“ความผันผวนนี้…” พรหมยุทธ์เทพกระบี่กล่าวขึ้นด้วยแววโลดเต้น
ขณะที่มิติฉีกออกจากกัน ร่างเงาหนึ่งร่างก็ยืนอหังการเหนือใจกลางดินแดนฝูหรง!
โฮกกกก!
“เทพมังกรพิโรธ!”