“เป็นเชี่ยอะไรวะ ?” คุณหมอไบรอันเดินมาถามเพื่อนรักอย่างหมอคามินที่กำลังทำให้หงุดหงิดใจในระหว่างรอประชุม
“เปล่า” เสียงทุ้มเอ่ยปฎิเสธเพื่อนรักออกไปพัลวัน สิ่งที่หมอคามินเกลียดที่สุดคือการถูกจับจ้องและจับผิดซึ่งมันทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ
“แต่กูว่าช่วงนี้มึงดูแปลกไปนะ”
“ก็ปกติ มึงคิดมากไปเอง”
“อืม” หมอไบรอันตอบกลับเพื่อนรักออกไป ก่อนที่ร่างสูงจะหันไปให้ความสนใจกับข้อความมือถือของตัวเองต่อ ที่ตอนนี้ณดาแฟนสาวกำลังส่งข้อความมาหาเขาพอดี
ร่างบางที่นอนซมอยู่บนเตียง พิษไข้เข้าเล่นงานเธอจนแทบลุกไม่ขึ้นได้นอนพักอยู่บนเตียงภายในคอนโด ยี่หวาไม่แม้แต่จะตื่นขึ้นมารับสายใครและยิ่งเป็นสายตาคามินเธอยิ่งรีบปิดเครื่องหนีทันที
“คิดว่าจะหนีฉันพ้นงั้นสิ” เสียงเข้มดังขึ้นภายในห้องนอนของยี่หวา คีย์การ์ดที่ติดมือของหมอคามินในวันนั้นทำให้ชายหนุ่มสามารถเข้าออกห้องของหญิงสาวได้สบาย
กึก!!ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงเพียงแค่ได้ยินเสียงเข้มของผู้ชายที่ถือวิสาสะเดินเข้ามาภายในห้องนอนของเธอ ร่างบางยังคงนอนนิ่งกลืนน้ำลายเหนียวลงคออย่างยากลำบาก ความน่ากลัวของคามินคงมีเธอเพียงคนเดียวที่ได้รับรู้
“ลุกขึ้น!!”
“นายจะใจร้ายไปถึงไหน” น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามชายหนุ่มออกไป ใบหน้าซีดขาวราวกับกระดาษบ่งบอกได้ถึงความอ่อนแอภายในร่างกายของเธอได้เป็นอย่างดี
“ข้าว ยา”
“ฉันไม่หิว”
“เธอต้องกิน”
“ฉันไม่กิน”
“จะไม่กินงั้นสิ” ชามข้าวต้มที่มีไอร้อนระเหยออกมาบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าข้าวต้มชามนี้ร้อนแค่ไหน เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่กำลังยันตัวนั่งพิงกับหัวโซฟาไม่มีท่าทีจะแตะช้อน
ร่างสูงโปร่งของหมอคามินเดินย่างก้าวเข้าไปนั่งข้างเตียง ชายหนุ่มถือช้อนที่มีข้าวต้มเอาไว้ในมือ บีบคามนของยี่หวาแน่นก่อนที่ชายหนุ่มจะกรอกข้าวต้มลงปากเธอ
แค่ก แค่ก ร่างบางลำลักข้าวต้มร้อน ๆ หน้าดำหน้าแดง ร่างบางลนลานด้วยความทรมานความร้อนที่กระจายไปทั่วลิ้นและลำคอยิ่งทำให้เธอเหมือนคนหายใจไม่ออกและกำลังจะตาย
มือบางยกกำปั้นทุบหน้าอกของตัวเอง เธอกระเสือกกระสนเหมือนคนกำลังจะหมดอากาศหายใจในทุกเมื่อ น้ำตาที่ไหลรินออกมาด้วยความทรมานบ่งบอกว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่
“หึ!!จะให้ฉันป้อนอีกไหม”
“ฆ่าฉันเถอะ”
“คนอย่างเธอต้องทรมาน จำคำที่ฉันบอกไม่ได้เหรอ” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเอ่ยบอกกับร่างบางที่นั่งมองหน้าชายหนุ่มด้วยน้ำตา
“กิน!!” เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีท่าสู้และกลัวว่าผู้ชายคนนี้จะป่านเถื่อนจับเธอกรอกข้าวต้มอีกครั้ง ยี่หวารับชามข้าวต้มเอาไว้ในมือ เธอค่อย ๆ ตกข้าวต้มกินช้า ๆ อย่างยากลำบาก
หยดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มยังคงไม่หยุด เธอกินข้าวต้มชามนั่นด้วยน้ำตา ได้แต่ถามตัวเองในใจว่านี่เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ ทำไมถึงได้เลวร้ายได้ขนาดนี้
“ยา!!”
“ฉันไม่” ยังไม่ทันที่ยี่หวาจะพูดจบ ใบหน้าหล่อเหลาเลิกคิ้วเข้มถามคำพูดของหญิงสาวอีกครั้ง เพื่อให้เธอแน่ใจในสิ่งที่กำลังจะพูดออกมา
“ฉันกินเอง” มือบางรีบคว้ายาในมือหนามากำเอาไว้เอง เธอไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้า เขาอาจจะกรอกยาที่มีรสขมใส่ปากเธอก็เป็นได้
“เรียกร้องความสนใจ?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากยี่หวามีเพียงแค่เสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนที่มือบางจะค่อย ๆ ทำใจหยิบยาขึ้นมากินด้วยใบหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
“แค่นี้จะตาย”
“มันข่ม”
“หึ!!คนอย่างเธอรสชาติข่มสิดี” เสียงหัวเราะในลำคอหนาเปล่งออกมา ตาเรียวคมจ้องมองการกระทำของหญิงสาวไม่วางตา เขาคาดคั้นเธอทางสายตาจนยี่หวาต้องจำนนหยิบยาเข้าปากและตามด้วยน้ำเปล่าอึกใหญ่
“เมื่อไหร่เหรอ? นายถึงจะปล่อยฉันไป”
“เมื่อฉันพอใจ!!” คำตอบที่ได้เหมือนชะตาชีวิตของเธออยู่ในกำมือของผู้ชายคนนี้ไปโดยปริยาย ยิ่งคลิปที่ถูกถ่ายให้เห็นเรือนร่างของตัวเอง ยี่หวาแทบอยากจะกัดลิ้นของตัวเองตาย
ถ้าเกิดคลิปนี้หลุดไปไม่รู้ว่าครอบครัวของเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนและด้วยหน้าที่การงานของผู้เป็นพ่อบวกกับหน้าตาทางสังคม ยิ่งทำให้เธอต้องจำทนกับผู้ชายคนนี้จนกว่าเขาจะปล่อยเธอไปหรือไม่เธอก็ตายจากโลกใบนี้
“อย่าคิดอะไรโง่ ๆ ถ้าเธอตาย ฉันนี่แหละจะลงไปลากเธอจากนรกเอง” เหมือนชายหนุ่มจะอ่านความคิดของเธอออก ยี่หว่ารีบเปลี่ยนสีหน้าเป็นเรียบเฉยทันทีเมื่อรับรู้ว่าชายตรงหน้ารับรู้ความคิดของเธอ
“คุณรู้เหรอ? ว่าฉันคิดจะทำอะไร”
“เป็นคำถามที่โง่มาก” ทำไมชายหนุ่มถึงรู้ความคิดของหญิงสาว เพียงเพราะเขาเคยศึกษาเรื่องจิตวิทยามาก่อนจึงไม่ยากที่จะคาดเดาความคิดของเธอ
เมื่อเห็นว่าตัวเองไม่มีทางสู้ผู้ชายคนนี้ได้ ร่างบางจึงเอียนตัวล้มลงนอนด้วยความเหนื่อยล้าจนเผลอหลับไปในที่สุด ตาเรียวคมจ้องมองใบหน้าใสไร้เครื่องสำอางของหญิงสาวที่เผลอหลับอยู่บนเตียง
ใบหน้าสวยราวกับเจ้าหญิง คิ้วเรียวสวย จมูกเป็นสันรับกับรูปปากกระจับอมชมพู ทุกอย่างบนใบหน้าของผู้หญิงคนนี้ลงตัวไปหมด สายตาที่เต็มไปด้วยความแค้นแต่ก็แฝงบางอย่างอยู่ภายในสายตาคู่นั้น
ชายหนุ่มพยายามใช้ความคิดมากมายของตัวเอง เขาคิดมาเสมอถึงความเป็นไปได้ที่เพนนีจะฆ่าตัวตายเหมือนที่ใครหลายคนพูดแต่ก็เป็นไปไม่ได้เลย ในเมื่อเพนนีกำลังได้งานที่โรงพยาบาลของไบรอันที่เธอใฝ่ฝันมาตลอด
“อำนาจเงินสามารถบรรดาลได้ทุกอย่างสินะ” ภาพเหตุการณ์ในวันนั้น วันที่คุณหมอหลายคนช่วยกันรักษาชีวิตของผู้หญิงคนนี้และละเลยเพื่อนของเขานอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงโดยรอหมออย่างเขาเข้ามารักษา ภาพเหล่านั้นยังคงตีตรวนเข้ามาภายในหัวของคุณหมอหนุ่มจนยากจะทำใจในวิชาชีพของตัวเอง
เขาโกรธที่ไม่มีใครสนใจใยดีเพื่อนของเขาเลยแม้แต่คนเดียว เพียงเพราะผู้หญิงคนนี้เป็นลูกของคนรวยและมีน่าตาทางสังคมจนผู้หญิงคนนี้มีชีวิตรอดอยู่จนถึงทุกวันนี้