บทที่ 1 แรกพบรัก

1736 คำ
ในตัวจังหวัดเชียงใหม่ เหล่าผู้ประกอบการรายเล็ก และรายใหญ่เข้าร่วมประชุมประจำเดือนเป็นปกติ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อพัฒนาธุรกิจของตัวเอง หนึ่งในผู้ร่วมประชุม คือพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์ เหมราช หนุ่มใหญ่วัย 42 ปี ที่ได้รับเชิญมาเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการ นั่นก็เพราะว่าเขาคือนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เป็นมหาเศรษฐีที่คนรู้จักกันทั้งจังหวัด มีหลายธุรกิจมูลค่านับพันล้าน ไม่ใช่น้อยๆ ความสามารถของเขาจึงเป็นที่สนใจของทุกกลุ่ม แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาไม่ได้ชอบออกงานแบบนี้เท่าไหร่ เขาเป็นคนติดบ้าน ทำแต่งาน ไม่ชอบเข้าเมืองยกเว้นต้องเข้ามาทำงาน วันนี้ก็จำใจเท่านั้น จนกระทั่งประชุมเสร็จสิ้นเวลาสามโมงเย็น เขาก็เตรียมเดินทางกลับพร้อมกับผู้ติดตามอีก 3 คน “โห! รถติด! เด็กๆ คงเลิกเรียนพอดีเลยครับ” คเชนทร์ผู้ช่วยมือขวาของพ่อเลี้ยงแสนลักษณ์เอ่ยขึ้น พร้อมกับถอนหายใจ “ยิ่งร้อนๆ อยู่ด้วย ข้างนอกคงแดดเปรี้ยง” หนุ่มเลี้ยงหนุ่มกล่าวอย่างหงุดหงิด “หิวไหมครับ ตอนเที่ยงไม่ยอมกินอะไรเลย นี่บ่ายสามแล้ว” คเชนทร์ถามด้วยความเป็นห่วง “ที่ไม่กินเพราะว่าอาหารที่จัดมาน่ะมันไม่อร่อย ไม่ถูกปากสักอย่าง” “แล้วตอนนี้ล่ะครับ แวะกินอะไรก่อนไหม” “เฮ้อ! เหนื่อย อากาศร้อน เหมือนน้ำตาลตก” “น้ำตาลตก! เอ่อๆ หาน้ำหวานดื่มเลยครับ ที่ไหนดีๆ” คเชนทร์บอกอย่างร้อนใจตื่นเต้นซะอย่างนั้น “จะตกใจอะไรเนี่ย แค่อยากดื่มอะไรหวานๆ จอดแถวๆ เนี่ย เดี๋ยวลงไปหาอะไรดื่มซะหน่อย” “แถวนี้มันไม่อร่อยนะครับ ผมว่าไปร้านที่แบรนด์ดีกว่า” “อืม เวลานี้ต้องแบรนด์ด้วยเหรอ จะเป็นลมแล้วเนี่ย” “เอ่อๆๆ มะ มะ ไม่มีที่จอดครับ” “แกนี่นะ ฉันจะลงตรงนี้ โน่นร้านชานม คนเต็มร้านเลย ฉันจะลง” “ให้ผมลงไปซื้อให้ก็ได้นะครับพ่อเลี้ยง” อัษฎาลูกน้องอีกคนกล่าวแทรกขึ้น “พวกแกไม่เคยซื้อเครื่องดื่มพวกนี้ถูกใจฉันสักที ซื้อเองดีกว่า” สิ้นคำพ่อเลี้ยงหนุ่มก็เปิดประตูลงจากรถเสียเลย ทั้งๆ ที่รถติดอยู่นั่นแหละ นั่นก็เพราะว่ารถจอดติดไฟแดงยาวเหยียด นักเรียนทยอยกันออกมาจากโรงเรียนด้วย เพราะบริเวณนี้เป็นโรงเรียนมัธยม แสนลักษณ์ต้องเดินฝ่าดงนักเรียนเข้าไปยังร้านขายชานม ร้อนก็ร้อน แดดจ้า จนต้องสวมแว่นตาดำเอาไว้ แล้วไหนจะต้องไปยืนต่อแถวกับเด็ก วัยรุ่นอีก ซึ่งก็ต้องทำ จะอาศัยว่าเป็นผู้ใหญ่ แล้วเดินแทรกไปซื้อก็คงจะไม่ใช่ และด้วยความที่เขาอยู่ลำดับที่ 5 ทำให้เขายืนพ้นซุ้มออกมาโดนแดดเต็มๆ เขาทนได้กับความร้อน ไม่ได้งอแงอะไร แต่กับความเบียดเสียดแน่นกันนี่สิที่ทำให้น่าหงุดหงิด คนด้านหน้าก็เริ่มขยับถอยหลังมาเรื่อยๆ จนกระทั่งชนเขา “อุ้ย!” เสียงอุทานเล็กๆ ดังออกมา เพราะความตกใจ ก่อนจะหันขวับกลับมามอง “ขอโทษค่ะ” เด็กสาวในชุดนักเรียน ม.ปลายเอ่ยขึ้นพลางยิ้มแห้ง “ไม่เป็นไรครับ” เขาตอบกลับเสียงเรียบโดยไม่ได้มองหน้า แต่เด็กสาวกลับแหงนหน้ามองเข้านิดหน่อยแล้วหันกลับ แต่เกิดความประหม่าชอบกล เพราะสีหน้าของเขาดูไม่รับแขกเอาเสียเลย สัมผัสได้ว่าถ้าหันไปมองอีกรอบเขาคงแยกเขี้ยวใส่เธอแน่ๆ เชียว เธอคิด พร้อมกับยืนรอให้ถึงคิวของตัวเอง “หนูเอาชาเขียวเย็น 1 แก้วค่ะ” เด็กสาวที่ยืนอยู่ด้านหน้าแสนลักษณ์สั่งน้ำเสียงหวานเจื้อยแจ้ว ได้ยินแล้วเขาก็ต้องเหลือบมอง เสียงเล็กๆ เพราะและหวานเสียจริง เขาคิด แต่ก็หงุดหงิดใจเพราะร้อน “ชาเขียวได้แล้วค่ะ” แม่ค้าทำให้เด็กสาวอย่างว่องไว เธอก็จ่ายเงินแล้วขยับออกเปิดทางให้กับเขา ทว่าก็ต้องรอเงินทอนเช่นกัน จากนั้นก็ถึงคิวเขา “ผมขอน้ำแดงโซดาครับ” คำสั่งของเขาดูเข้ม จนแม่ค้าเองก็มือสั่น สีหน้าเขาบอกบุญไม่รับ ยิ่งเขาถอดแว่นตาแล้วพ่นลมหายใจหนักๆ จากนั้นแม่ค้าก็รีบชงให้เพราะเป็นเครื่องดื่มที่ทำเสร็จเร็ว “ได้แล้วค่ะน้ำแดงโซดา” แม่ค้าบอกพร้อมกับยื่นเครื่องดื่มให้ เขาก็รับมาแล้วจ่ายซะแบงค์ใหญ่เลยทีเดียว “อุ้ย! เอ่อ ไม่มีแบงค์ย่อยเหรอคะ 35 บาทเอง คือ พอดีทอนไปหมดแล้วน่ะค่ะ” แม่ค้าบอกพร้อมกับทำสีหน้ายิ้มแห้งๆ “เอ่อ ผมมีแต่แบงค์ใหญ่ ทำไงดี” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงเกรงใจขึ้นมาทันที “เดี๋ยวนะครับ” เขาบอกพร้อมกับขยับออกจากแถว แล้วหันไปมองรถของตัวเองว่าจอดอยู่ตรงไหน ก็ไม่เห็นน่าจะไปจอดไกลพอสมควรแหละ “ไปจอดตรงไหนวะเนี่ย ไอ้พวกนี้นี่” เขาสบถด้วยความหงุดหงิดก่อนจะหันมามองแม่ค้า เพราะเขาก็ไม่มีเงินย่อยเลยจริงๆ แถมยังหาลูกน้องไม่เจออีก จังหวะเดียวกันนั้นสาวน้อยแสนน่ารักเงยหน้ามอง และยิ้มตามธรรมชาติสลับกันหันไปมองแม่ค้า เพราะเธอยังคงยืนหลบแดดอยู่ กะดื่มสักหน่อยแล้วค่อยไป “ขอล้วงหาเหรียญสักครู่ครับเผื่อมี” ว่าแล้วเขาก็ล้วงมันทุกกระเป๋า แต่ดูท่าลูกค้าคนอื่นจะรอนาน สาวน้อยแสนน่ารักก็ขันอาสาทันที “เอ่อ! แก้วนี้คิดรวมกับหนูก็ได้ค่ะน้าอ้อม” เด็กสาวบอกน้ำเสียงสดใส เรียกแม่ค้าอย่างสนิทปาก “เอ่อ คือ” แม่ค้าอึกอักหันมามองหน้าชายหนุ่มทันที และเช่นเดียวกันเขาก็มองหน้าเด็กสาว “ไม่เป็นไรมั้งครับ” เขาปฏิเสธอย่างเกรงใจ “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวค่อยคืนหนูก็ได้ จ่ายก่อนแล้วลูกค้าคนอื่นจะได้สั่งนะคะ” สาวน้อยบอกอย่างยินดี จากนั้นจึงจ่ายค่าเครื่องดื่มให้เขา พร้อมกับหยิบแก้วให้ ก่อนจะออกไปจากหน้าเคาน์เตอร์ ไม่งั้นลูกค้าคนอื่นจะไม่ได้ซื้อ เสร็จแล้วเธอก็หาที่นั่ง   “เอ่อ คือ ขอบคุณครับ เดี๋ยวอา... เอ่อ น้า ผะ ผะ ผม... จะไปขอกับคนขับรถให้ แต่ไม่รู้ว่าจอดรถอยู่ที่ไหน” ด้วยอายุของเขาแล้ว เห็นการแต่งตัวเป็นเด็ก ม.ปลายขนาดนี้ แทนตัวเองไม่ถูกเลยทีเดียว “ไม่เป็นไรค่ะ หนูเลี้ยง แค่น้ำแดงโซดาเอง แต่ท่าทางคุณอาต้องเหนื่อยจากการทำงานแน่ๆ ดื่มเลยค่ะ จะได้รู้สึกดีขึ้น” เด็กสาวบอกอย่างยิ้มแย้มและหวานจนเห็นลักยิ้มเลยทีเดียว               “รู้ได้ยังไงว่าผมเหนื่อย” เขาถามเสียงเรียบ และเพิ่งจะได้สังเกตหน้าเธอชัดๆ หน้าตาสวยเก๋บวกหวาน ผิวขาวโอโม่เลยทีเดียวรูปร่างเรียกได้ว่าสูงเพรียวเลยแหละ หากแต่ตัวเล็กกว่าเขาอยู่ดี เพราะเขาสูงถึง 189 cm.           “ก็สังเกตสีหน้าซีดๆ มีเหงื่อ น่าจะหิวน้ำ แล้วหนูเห็นท่าทางหงุดหงิด”           “หึๆ สังเกตเก่งนะเรา” เขาถามพร้อมกับยิ้มมุมปาก พอยิ้มแล้วเธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นเพราะเขาลดความน่ากลัวลงจากก่อนหน้านี้           “ดูง่ายจะตายค่ะ เหนื่อยๆ ต้องได้น้ำหวานๆ เย็นๆ ค่ะจะได้มีแรง”           “ขอบคุณนะครับ จริงๆ แล้ว ไม่ต้องเลี้ยงก็ได้จ้ะ วัยอย่างเราน่ะ ยังไม่น่าจะมีรายได้ ให้เด็กเลี้ยงแบบนี้เกรงใจ”           “พอเลี้ยงได้ค่ะ 35 บาทเอง ปกติหนูไม่เลี้ยง แต่เห็นท่าทางคุณอาจะเป็นลม แถมยังมีแต่แบงค์ใหญ่อีก”           “หึๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า แค่ทำงานเหนื่อยน่ะ” สิ้นคำเขาก็ยิ้มแล้วดื่มน้ำแดงโซดาหวานๆ เย็นๆ ให้ชื่นใจ แต่มันก็ช่วยได้เยอะเพราะความหวานทำให้หายเหนื่อย           “เรียนอยู่ ม.ไหนครับเนี่ย”           “ม. 6 ค่ะ วันนี้ก็มาโรงเรียนวันสุดท้ายแล้ว”           “ถึงว่า นักเรียนเยอะเชียว”           “นี่จบแล้ว เรียนต่อที่ไหนจ๊ะ” คำถามของเขาทำเอาเธอถึงกับหุบยิ้มและชะงักไป           “เอ่อ หนูไม่แน่ใจ อาจจะออกมาทำงานก่อนค่ะ เก็บเงิน ไว้มีเงินค่อยเรียนต่อ หรือไม่ก็เรียน มหาวิทยาลัยสุโขทัย เสาร์ - อาทิตย์ แต่นั่นก็ต้องหาเงินก่อนอีกเหมือนกันค่ะ” น้ำเสียงของเธอดูเป็นปกติ เหมือนไม่ได้เครียดกับการที่ไม่ได้เรียนหรือว่าต้องหาเงินเรียนเอง           “ชีวิตเราก็แบบนี้ ได้แต่ให้กำลังใจ ค่อยๆ เก็บไป การเรียน เรียนเมื่อไหร่ก็ได้ไม่สายหรอก ถ้าไม่ขี้เกียจซะก่อนนะ”           “หนูก็คิดอย่างนั้นค่ะไม่ได้ซีเรียส เอ่อ อุ้ย! หนูรบกวนเวลาไปทำงานของคุณอาหรือเปล่า ไม่กวนแล้วค่ะ หนูกลับแล้ว” คราวจะไปก็ลุกพรวดจนเขาตั้งตัวไม่ทัน ยังไม่ได้ซึมซับเอาความน่ารักจากเธอเลย รู้สึกใจหายแปลกๆ           “มีน้ำใจกับคนแปลกหน้า โดยที่ไม่ให้รู้จักชื่อเลยเหรอ” เขาถามขึ้นน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ไม่ยิ้ม           “อุ้ยจริงสิ หนูชื่อมนัสวีค่ะ เจอกันคราวหน้าคุณอาเรียกหนูว่าวีก็ได้ค่ะ แล้วคุณอาชื่ออะไร” เธอก็เรียกเขาว่าคุณอาซะไปไม่เป็นเชียว แล้วจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมล่ะเนี่ย เขาคิด           “แสน แสนลักษณ์” เขาบอกสั้นๆ           “ชื่อแบบ เรียกแล้วเขินจังเลยค่ะ แต่เรียกอาแสนเฉยๆ เนี่ยเท่มาก”           “หึๆ ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะหนูวี เรียกอาแสนก็ได้ ให้เรียกพี่ก็เกรงใจอายุตัวเอง”           “เช่นกันค่ะอาแสน หนูต้องไปแล้วค่ะ” เด็กสาวยิ้มหวานขัดเขิน ตอนนี้ไม่กล้าสบตาเขาแล้วล่ะ “น้ำใจงาม หวังว่าเราจะมีโอกาสได้เจอกันอีกนะ”   “ค่ะ” เธอตอบพร้อมกับยิ้มกว้างเชียว จากนั้นจึงได้เอี้ยวตัวแล้วเดินจากไป แต่ก็ไม่วายหันกลับมาโบกมือให้เขาราวกับเด็กน้อย แสนลักษณ์เองก็ได้แต่ยืนมองเธอเดินไปไกลท่ามกลางแดดเปรี้ยง ทว่าผิวพรรณกลับส่งออร่ากระจายมาก จนเขามองไม่ละสายตา ขณะเดียวกันแม้ว่าจะเดินไปไกลแล้วมนัสวีก็ยังไม่วายหันมามอง ว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิมหรือไม่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม