"มันเป็นใคร มันทำหนูเจ็บมั้ย"
เสียงทุ้มดุเอ่ยถามเพลงขวัญจนเพลงขวัญชะงักตกใจเพราะตลอดทางเขาพูดกับเธอด้วยเสียงนุ่มนวลและรอยยิ้มแต่ตอนนี้คนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน ใบหน้าก็บึ้งตึงตาขวางบ่งบอกว่าเขากำลังโกรธ
"พะ...พี่มาวินกำลังทำให้เพลงกลัวนะคะ เป็นอะไรคะอยู่ดีๆ ทำไมอารมณ์เสียขึ้นมาได้"
น้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมแววตาสั่นระริกน้ำตาคลอเบ้าของเพลงขวัญทำให้มาวินได้สติแล้วรีบยกมือทั้งสองข้างจับแก้มเพลงขวัญเชิงปลอบใจเธอ
"ขอโทษครับ อย่าร้องนะ พี่แค่โมโหเรื่องที่น้องเล่าทำไมหนูต้องมาเจอเรื่องนี้ตั้งแต่เด็กด้วย เล่าต่อเถอะครับพี่อยากฟัง"
มาวินกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจึงทำให้เพลงขวัญพยักหน้าแล้วเล่าต่อ มาวินจึงปล่อยมือจากแก้มเธอเพื่อมาขับรถต่อ
"คือตอนนั้นที่โรงเรียนกำลังจะมีการเลี้ยงส่งคุณครู เพลงเป็นตัวแทนรำโชว์ที่งาน หลังเลิกเรียนต้องอยู่ซ้อมรำกลับบ้านค่ำทุกวัน เพลงเดินกลับบ้านเพราะไม่ได้ไกลมากแต่ทางมันเปลี่ยว แถวบ้านนอกไม่ได้มีไฟตลอดเส้นทางเหมือนกรุงเทพฯ วันนั้นเพลงก็เดินกลับบ้านตอนค่ำเหมือนทุกวันแต่อยู่ดีๆ ก็มีวัยรุ่น 3 คนขับรถมอเตอร์ไซค์เลยเพลงไปแล้วเอ่ยแซวเชิงชู้สาว ตอนนั้นเพลงก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะคิดว่าเค้าอาจจะแค่แซวผ่านๆ เฉยๆ แต่อยู่ดีๆ พวกเขาก็วนรถกลับมา"
เพลงขวัญหยุดเล่าแล้วหันมองมาวินที่ตอนนี้กำลังหันมองถนนตั้งใจฟังเพลงขวัญพูดเงียบๆ แต่สังเกตดีๆ จะเห็นว่าเขาคิ้วขมวดตลอดที่เขาฟังเธอ
"หยุดทำไมครับ เล่าต่อสิพี่อยากรู้ว่ามันทำอะไรหนูบ้าง"
เพราะเพลงขวัญหยุดเล่ามาวินจึงหันหน้ามามองแล้วเอ่ยพูดกับเธอ จากนั้นสายตาก็หันไปสนใจถนนต่อ
"สัญญาได้มั้ยคะ ว่าถ้าเพลงเล่าแล้วพี่จะไม่ทำเสียงดุเหมือนเมื่อกี๊อีก"
เพลงขวัญเอ่ยขึ้นพร้อมกับจับแขนเสื้อเขาเชิงเป็นการขอร้อง การกระทำของเธอทำให้มาวินอารมณ์เย็นขึ้น
"สัญญาครับ"
เมื่อมาวินรับปากแล้วเพลงขวัญก็เล่าต่อ
"ตอนที่พวกเขาวนรถกลับมาตอนแรกเพลงก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่พอพวกเขามาจอดรถตรงหน้านั่นล่ะเพลงเลยนึกขึ้นได้ว่าตัวเองคงจะไม่ปลอดภัยแน่ๆ เพลงเลยหันหลังวิ่งหนีเลยแล้วก็เป็นอย่างที่คิดผู้ชายสามคนนั้นลงจากรถแล้ววิ่งตามเพลงมาเลย ตอนนั้นเพลงกลัวมากทั้งวิ่งทั้งร้องให้คนช่วยแต่ทางตรงนั้นไม่มีบ้านคนเลยมีแต่ป่า วิ่งได้ไม่ไกลผู้ชายพวกนั้นก็วิ่งมาถึงเพลง เขาตัวใหญ่น่ากลัวมากตอนนั้นเพลงยังสูงไม่เท่าตอนนี้ด้วยซ้ำ จังหวะที่โดนพวกนั้นจับเพลงสั่นกลัวไปทั้งตัวมันอุ้มเพลงพาดบ่าแล้วลงข้างทางเพลงดิ้นรนสุดแรงเท่าที่ทำได้แต่ก็ไม่หลุดจนมันโยนเพลงทิ้งลงพื้น ละ...แล้วก็มาคร่อมตัวเพลงไว้ วินาทีนั้นเพลงได้แต่คิดว่าถ้าตัวเองโดนข่มขืนจริงๆ จะรู้สึกยังไง เพลงดิ้นสู้สุดชีวิตมีจังหวะที่พวกนั้นลุกขึ้นถอดเสื้อเพลงคว้าได้ไม้ก็หยิบมาฟาดหัวคนที่คร่อมเพลงไว้แล้วรีบลุกวิ่งไปในป่า โชคดีที่ตรงๆ นั้นมีสองสามีภรรยาเจ้าของที่เค้ามานอนเฝ้านาของตัวเองอยู่ข้างหน้า เพลงจึงรีบวิ่งไปขอความช่วยเหลือ ผู้ชายพวกนั้นเห็นมีคนอยู่ก็รีบวิ่งหนีไปเลย สองสามีภรรยาเลยอาสาขับรถไปส่งเพลงที่บ้าน พอพ่อกับแม่รู้ก็รีบพาไปแจ้งความเลย หลังจากวันนั้นพ่อก็พาเพลงไปเรียนมวยเลยจนเพลงมาเรียนที่นี่จึงหยุดเรียนค่ะ"
เพลงขวัญเล่าเหตุการณ์ในอดีตให้มาวินฟังทุกอย่างโดยที่ไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน เธอไม่ชอบเล่าเรื่องอดีตให้ใครฟังแต่พอกับคนตัวโตข้างเธอกลับอยากเล่าให้เขาฟังทุกอย่าง
"แล้วจับได้มั้ยไอ้พวกนั้น รู้รึป่าวว่ามันเป็นใคร"
มาวินยังคงถามคำถามเดิมว่าพวกนั้นมันเป็นใคร
"จับได้ค่ะ เป็นพวกที่ชอบมั่วสุมแถมตอนนั้นยังมีคดีเสพยาด้วย เป็นวัยรุ่นในหมู่บ้านข้างๆ หมู่บ้านเพลงค่ะ แต่เรื่องมันก็นานเพลงก็ไม่ได้คิดโกรธพวกเขาแล้วค่ะ ต่างคนต่างอยู่"
สิ้นเสียงเพลงขวัญมาวินก็หันหน้าไปมองเธอทันที
"พูดแบบนี้แสดงว่าตอนนี้พวกมันไม่ได้อยู่ในคุกสินะ"
มาวินถามเพลงขวัญกลับแต่สายตายังคงจดจ้องถนนอยู่
"ค่ะ ก่อนเพลงจะขึ้นมาเรียนที่นี่ยังเห็นพวกเขาขับรถผ่านหน้าเพลงอยู่ พวกเขาก็หันมามองเพลงแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรเพลงหรอกค่ะ คงไม่กล้าแล้วมั้ง"
เพลงขวัญเอ่ยตอบคนตัวโตไปตามตรง หลังจากนั้นมาวินก็เงียบตลอดทางจนไม่พูดไม่จา ทางด้านเพลงขวัญเมื่อเห็นมาวินไม่พูดอะไรก็ได้แต่เงียบเพราะไม่รู้ตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่ หน้าตาและสายตาของมาวินตอนนี้นิ่งขรึมเหมือนกำลังใช้ความคิดเธอจึงไม่อยากกวนปล่อยให้เขาขับรถมาจนถึงหอเธอ
"ขอบคุณนะคะพี่มาวินที่มาส่งเพลง ขับรถกลับดีๆ นะคะ สวัสดีค่ะ"
เมื่อถึงหอพักเพลงขวัญก็เอ่ยขอบคุณพร้อมกับยกมือไหว้มาวินแล้วแล้วเปิดประตูลงรถ แต่ประตูรถยังไม่ได้เปิดมาวินก็ดึงเพลงขวัญเข้าไปกอดแนบอกเขาทันทีจนเพลงขวัญตั้งตัวไม่ทันกับการกระทำของเขา
"ตอนนั้นคงขวัญเสียไม่น้อยสินะ ตอนนั้นพี่ไม่รู้จักหนูเลยปกป้องหนูไม่ได้แต่หลังจากนี้ไปพี่จะไม่ยอมให้หนูเจออันตรายอะไรเด็ดขาด พี่สัญญา"
คำพูดและการกระทำของมาวินทำเอาเพลงขวัญรู้สึกดีไม่น้อย เขาอบอุ่นและอ่อนโยนมาก มาวินโอบกอดเพลงขวัญไว้แน่นมือข้างหนึ่งก็ลูบผมเชิงปลอบใจเธอ แต่อยู่ดีๆ เพลงขวัญก็รีบผละตัวออกจนมาวินทำหน้างง
"ขอบคุณนะคะที่หวังดีกับเพลง แต่พี่ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้ค่ะ เอาไว้พี่ไปทำกับคนที่พี่ชอบเถอะนะคะ เพลงขอตัวขึ้นห้องนะคะ"
พูดจบเพลงขวัญก็เปิดประตูรถวิ่งขึ้นไปบนหอพักทันทีไม่รอให้มาวินได้พูดอะไรเลย จนมาวินไม่เข้าใจกับคำพูดของคนตัวเล็ก เขาทำผิดพลาดตรงไหนทำไมเพลงขวัญถึงดูเหมือนเข้าใจว่าเขาชอบคนอื่น มาวินได้แต่ตั้งคำถามให้ตัวเอง
"มัวแต่งงจนลืมขอเบอร์ขอไลน์เค้าเลยกุ เฮ้อออ!"
มาวินบ่นให้ตัวเองเบาๆ แต่ก็หยุดความคิดและกลับมาหน้านิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่สาวน้อยของเขาเจอมาในอดีตได้แต่กำหมัดแน่นสายตาและท่าทางเขาตอนพร้อมปะทุเดือดได้ทุกเมื่อ มือหนายกโทรศัพท์ขึ้นโทรหาลูกน้องคนสนิททันที
(ครับนายน้อย)
ภาค ลูกน้องคนสนิทของมาวิน เขาเป็นน้องชายของภูภูมิมือซ้ายของพ่อมาวินที่ตอนนี้มาเป็นผู้จัดจัดการดูแลผับของมาวิน ภาคอายุน้อยกว่ามาวิน 1 ปี ถึงจะอายุน้อยแต่ฝีมือการเป็นบอดี้การ์ดของภาคถือว่าดีมากเลยทีเดียว
"กุต้องการรู้ว่าสามปีก่อนใครมันก่อคดีข่มขืนผู้หญิงของกุ"
มาวินเอ่ยลูกน้องคนสนิทด้วยน้ำเสียงดุดันน่าเกรงขาม
(ผู้หญิงของนายน้อยคือใครครับ ผมมาช่วยงานนายใหญ่แค่วันเดียวนายน้อยมีแฟนแล้วหรอครับ)
ภาคเอ่ยถามเจ้านายพร้อมกับยิงคำถามสงสัยขึ้นมา เพราะเขาก็เรียนที่เดียวกันกับมาวินปกติจะอยู่ใกล้ๆ นายน้อยตัวเองตลอดถึงไม่ได้ตามติดตัว ก็ทิ้งระยะห่างดูแลนายน้อยของเขาตลอด
"อย่าถามมาก กุจะส่งรายละเอียดไปให้ พรุ่งนี้เย็นกุต้องรู้ประวัติพวกมัน เข้าใจมั้ย"
มาวินยังคงเคยสั่งโดยไม่ตอบคำถามภาค
(ครับนายน้อย)
หลังจากวางสายลูกน้องเสร็จมาวินก็เงยหน้าขึ้นไปมองยังห้องของเพลงขวัญอย่างห่วงๆ เพราะหอพักเป็นอาคาร 2 ชั้น แถมยังเหมือนจะไม่มีความปลอดภัยอะไรเลย ได้แต่คิดว่าถ้าเป็นแฟนเมื่อไหร่จะให้ย้ายออกไปอยู่คอนโดเขาทันที นั่งมองซักพักมาวินก็ขับรถกลับคอนโดตัวเองทันทีกว่าจะถึงก็ดึกดื่นเรียกว่าเกือบเช้าเลยทีเดียว
หลังจากมาวินกลับถึงคอนโดก็หลับไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปเรียน หลังจอดรถเสร็จมาวินก็เดินมายังที่นั่งประจำหน้าคณะตัวเองก็เห็นดินแดนและราเชนทร์นั่งรอเขาก่อนแล้ว เขาจึงเดินไปนั่งกับเพื่อนตัวเอง
"เป็นไงครับ ไปส่งสาวทำไมทำหน้าอย่างกับโดนใครเหยียบหางมา"
ราเชนทร์เอ่ยถามกวนตามประสาเขา
"เกิดอะไรขึ้นไอ้แดน น้องเพลงปฏิเสธมึงหรอวะ มึงถึงหน้าไม่รับแขกมาแบบนี้"
ดินแดนเอ่ยถามเสริมอีกด้าน เพราะตอนนี้สีหน้าของมาวินมันบ่งบอกว่าอารมณ์เสียมาก
"กุยังไม่ได้สารภาพรักเธอเลย"
คำตอบทำเอาดินแดนและราเชนทร์ลมออกหูทันที
"เอ้า ไอ้สัสวิน มึงไม่สารภาพรักน้องเค้าแล้วมึงจะให้พวกกุลงทุนวางแผนเพื่ออออ"
ราเชนทร์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์เสียที่เพื่อนทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ
"เกิดอะไรขึ้นวะ"
ดินแดนเอ่ยถามเพื่อนสั้นๆ เพราะเหมือนมาวินจะมีเรื่องในใจ
"ตอนที่กุไปส่งน้องเค้า กุคุยเรื่องที่เพลงขวัญไปหักมือไอ้นั่นเลยถามไปว่าเธอเคยเรียนมวยรึป่าว และเธอก็ตอบว่าใช่ แต่ประเด็นมันอยู่ที่เหตุผลการเรียนมวยของเธอ เพลงขวัญบอกว่าที่เรียนมวยเพราะตอนนี้ ม.4 เธอเกือบโดนไอ้พวกเมายาลากไปข่มขืนในป่า โชคดีตอนนั้นมีคนมาช่วยเธอเลยไม่โดนพวกมันทำอะไร หลังจากนั้นเธอเลยเรียนมวยเพื่อไว้ป้องกันตัวเอง กุแม่งโคตรรู้สึกโกรธอยากจะจับไอ้เชี่ยยนั่นมายิงทิ้งให้มันรู้แล้วรู้รอด"
ดินแดนและราเชนทร์ยังตกใจกับสิ่งที่เพื่อนเล่า สงสารเพลงขวัญไม่น้อยตอนนั้นเธอยังเด็กด้วยซ้ำ เข้าใจเลยว่าทำไมมาวินถึงได้อารมณ์เดือดขนาดนี้
"เดี๋ยวนี้มึงพูดยาวนะไอ้วิน"
ราเชนทร์ยังคงพูดกวนมาวิน เพราะไม่เคยเห็นเพื่อนตัวเองร่ายประโยคยาวขนาดนี้ แต่พอเป็นเรื่องของเพลงขวัญมันกลับพูดยาวกับเขาเป็น
"แล้วมึงจะเอาไงต่อ เรื่องผ่านมาตั้งสามปี ไอ้พวกนั้นคงยังอยู่ในคุกมั้ง"
ราเชนทร์ยังพูดต่อ เพราะเพื่อนคงไม่ปล่อยแน่ๆ
"เพลงขวัญบอกว่าก่อนที่เธอจะขึ้นมาเรียนมันยังขับรถผ่านหน้าเธออยู่ กุให้ไอ้ภาคไปสืบประวัติพวกมันอยู่"
มาวินเอ่ยตอบเพื่อนไปพร้อมกับมองโทรศัพท์รอการรายงานจากลูกน้องคนสนิท
"รู้ประวัติมันแล้วมึงจะเอาไงต่อ จะจัดการมันเลยมั้ย"
ดินแดนเอ่ยถามเพื่อน ถ้ามาวินเอ่ยปากบอกจะลงมือทั้งเขาและราเชนทร์ก็พร้อมเสริมทัพเสมอ
"รอดูประวัติมัน ถ้าพวกมันกลับตัวกลับใจแล้วกุก็จะปล่อย แต่ถ้ายังทำตัวเลวระยำอยู่ก็จัดการมันซะ เผื่อเพลงขวัญกลับบ้านไปแล้วพวกมันเกิดคลั่งอยากทำเหมือนเดิมขึ้นมาเพลงขวัญจะแย่เอา ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมดีที่สุด ตอนนี้ไปเรียนก่อนเถอะไอ้ภาคส่งประวัติพวกมันมาเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน"
มาวินเอ่ยบอกเพื่อน จากนั้นทั้งสามก็เดินไปเรียน วันนี้พวกเขามีเรียนทั้งวันจนถึงเย็น ส่วนเมย์และเพลงขวัญก็ไปเรียนและทำกิจกรรมรับน้องปกติ
ระหว่างที่มาวินกำลังเรียนวิชาสุดท้ายอยู่นั้นก็มีเสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เมื่อเปิดดูก็เป็นข้อความจากภาคส่งประวัติของไอ้คนที่มีคดีของเพลงขวัญมาให้ เมื่อมาวินอ่านจบก็กำหมัดแน่นสีหน้าเอาเรื่องจนเพื่อนทั้งสองเห็นเลยถามขึ้น
"ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าประวัติมันไม่ดีสินะ"
ดินแดนเอ่ยถามอย่างรู้ใจ
"ไหนกุดูหน่อย เชี่ยยย ประวัติพวกมันแม่งง เป็นลูกตำรวจหมดเลยว่ะพ่อยศสูงซะด้วย มิน่าล่ะมันถึงหลุดคดีพวกนั้นมาได้ หึ ก็ยังทำตัวเลวระยำเล่นยา ลวนลามผู้หญิงเหมือนเดิมสินะ เอาไงไอ้วินมึงจะจัดการขั้นเด็ดขาดหรือแค่เบาๆ"
ราเชนทร์เอ่ยถามด้วยท่าทีสบายๆ เพราะเรื่องแค่นี้พวกเขาจัดการได้ง่ายมาก ทั้งสามคนเป็นทายาทอดีตมาเฟียที่ผันตัวมาทำธุรกิจใหญ่โต ถึงจะวางมือจากตำแหน่งมาเฟียแต่ความโหดและอิทธิพลก็ยังมีมากเหมือนเดิม แถมตอนนี้ยังส่งต่อสายเลือดมาเฟียมายังลูกชายทั้งสามคนอีก เขามีลูกน้องมากมายธุรกิจอุตสาหกรรมในทุกจังหวัดก็เป็นของพวกเขาส่วนใหญ่
"เอาขั้นเด็ดขาด"
สำหรับพวกเขาวิธีสั่งสอนคนมีสองอย่าง คำว่าเบาๆ คือการขู่เพื่อตักเตือน แต่แค่ครั้งเดียว แต่ขั้นเด็ดขาดของพวกเขาคือจัดการชีวิตพวกนั้นซะ ด้วยความที่ครอบครัวยังหลงเหลือศัตรูอยู่พวกเขาจึงมักได้กำจัดคนที่คอยจ้องทำร้ายพวกเขาอยู่เสมอ
Mavin : จัดการมันสามคนซะอย่าให้มันมีลมหายใจไปทำร้ายใครอีก
Pak : ครับนายน้อย
มาวินส่งข้อความสั่งลูกน้องคนสนิท ในเมื่อพวกมันไม่ได้กลับตัวกลับใจเขาก็จะไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้น มันกล้าทำผู้หญิงของเขา เขาก็จะจัดการให้หมดไม่สนว่ามันจะใหญ่มาจากไหน หลังจากสั่งงานภาคไปตกเย็นก็ได้รับรายงานจากภาคว่าจัดการพวกนั้นเรียบร้อยแล้ว พ่อของพวกมันพยายามตามตัวคนฆ่าลูกตัวเองแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะระดับคนของเขาแล้วอยากจะจับตัวนั้นยากมาก
#เรื่องมันเป็นอดีตสำหรับน้อง แต่อิพี่ไม่ปล่อยจ้า
ใครทำน้องเจ็บอิพี่จัดหมดไม่สนว่าลูกใคร