Chapter 4
รักต้องห้าม (1)
“อะ อูยยย…"
เพียงสำลีชุบยาแตะลงบนรอยแผลที่แตก แทนไทก็สะดุ้งเพราะความเจ็บแสบที่แล่นพล่านไปตามกระแสเลือด แววตาขุ่นเคืองตวัดมองคนที่ทำให้เขาเจ็บซ้ำซ้อนอย่างเอาเรื่อง...เฟื่องลดา พยาบาลภาคดึกที่มาเปลี่ยนมือกับอีกคนที่กลับบ้านไปแล้ว
ฝั่งตรงข้ามคือธามไท เขายืนกอดอกพิงผนังดูอยู่ห่าง ๆ แม้จะเห็นน้องชายโดนเล่นงานซะอ่วมอรทัย แต่ถ้าให้พูดความจริง เขาไม่นึกสงสารเลยสักนิด สภาพของภัคภัสสรยามวิ่งมาฟ้องยังคงติดตา...ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว สุภาษิตนี้ยังคงใช้ได้เสมอ
"ถ้าเธอทำฉันเจ็บอีกทีละก็ ฉันจะไล่เธอไปรับจ๊อบที่อื่น ไม่ต้องมาที่นี่แล้ว!"
"อยู่นิ่ง ๆ สิคะ อยู่เฉย ๆ ทำใจให้สบาย เฟื่องจะดูแลคุณสิงห์เอง"
เสียงหวาน ๆ มาพร้อมกับการที่เจ้าหล่อนขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น...ใกล้เสียจนกลิ่นกายหอม ๆ ลอยมาแตะจมูกคนเจ็บ หล่อนคงคิดว่านั่นจะทำให้ผู้ชายหลงใหลจนติดกับดัก แต่ไม่ใช่เขา เขาขอแหกความน่าจะเป็นทั้งหมด เพราะจะว่าไปแล้ว เขาไม่ได้อดอยากขาดผู้หญิงขนาดจะหน้ามืดใส่ทุกคน
"เจ็บนิดเดียวนะคะ"
เฟื่องลดาทำเหมือนแทนไทเป็นเด็กชายแทนไทที่ต้องใช้เล่ห์ล่อหลอกให้อยู่นิ่ง ๆ ขณะที่กำลังทายาให้ทั่วรอยแผล หล่อนต้องชะงักเมื่อเขาโวยวายฉุนเฉียว
"นี่! ช่วยเอานมของเธอออกไปจากหน้าฉันได้มั้ย มันอึดอัดหายใจจะไม่ออกอยู่แล้ว!"
คนเจ็บใช้ขายันกับพื้นแล้วไถลเก้าอี้ให้ถอยห่างจากเฟื่องลดา แล้วโบกไม้โบกมือทำเหมือนไล่แมลงหวี่แมลงวัน...การที่เขาโพล่งออกมาต่อหน้าธามไท ทำให้สีหน้าของพยาบาลสาวถึงกับเจื่อนลงไปด้วยความอับอาย
'ปากหมาชะมัด ก่อนไปอยู่เมกาปากหมาแบบนี้มั้ยเนี่ย'
หล่อนได้แต่คิดในใจแล้วก็ช่างแม่ง...แผลติดเชื้อเลือดไม่หยุดไหลก็ช่างหัวแทนไท ตอนนี้หน้าที่ของหล่อนจบแล้ว
"เสร็จแล้วใช่มั้ยเฟื่อง"
ธามไทเดินเข้ามาชะโงกมองไปบนหัวน้องชาย เมื่อเห็นพยาบาลเก็บอุปกรณ์ทำแผล
"ค่ะ แผลไม่ใหญ่มาก ไม่ต้องปิด ไม่ต้องเย็บ แต่เพื่อความสบายใจ จะไปโรงพยาบาลเพื่อเอ็กซเรย์ดูก็ได้นะคะ"
"อืม...ขอบใจนะ"
ธามไทพยักพเยิดให้เฟื่องลดาออกไปก่อน ตอนนี้เขาอยากอยู่เพียงลำพังกับน้องชาย
"จริง ๆ น่าจะแตกมากกว่านี้ แค่นี้ยังน้อยไป"
เสียงกระแนะกระแหนที่ลอยมาตามลม แทนไทพยายามไม่ใส่ใจ เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์มานั่งทะเลาะกับใครทั้งนั้น
หากไม่เห็นใจน้องชายที่แย่งกันมาเกิด ก็อย่าซ้ำเติม เขาแค่คิดแต่ขี้เกียจพูดออกไป
"นายจะไปเอ็กซเรย์ที่โรงบาลมั้ย เผื่อกระทบกระเทือนทั้งหัวล่างและหัวบน"
แทนไทตวัดมองคนพูด เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำท่าปิดปากขำ เขากำลังถูกเยาะเย้ยจากพี่ชายแท้ ๆ คิดอย่างแค้นเคืองที่ยามนี้เขาเหมือนหมาหัวเน่าผู้โดดเดี่ยวเดียวดายในบ้านหลังนี้
หากเขาว่ายน้ำเร็วกว่านี้อีกสักนิด ก็คงจะได้เข้าเส้นชัยก่อนธามไท หากเป็นเช่นนั้น อีกฝ่ายไม่ได้มายืนว่าเขาปาว ๆ อยู่เช่นนี้แน่ ก็แค่ให้เกียรติที่พี่ชายชิงออกมาก่อนแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นเอง
"หากไม่อยากให้เกิดเรื่องอีก ต่อไปก็ต่างคนต่างอยู่ อย่าไประรานปลายฝนอีก"
"สุดท้ายพี่ก็เข้าข้างยัยเด็กเก็บมาเลี้ยง หึ เข้าข้างจนน่าแปลกใจ สรุปมันมีอะไรมากกว่านี้มั้ย"
คนพาลหาเรื่องมาทะเลาะจนได้ จนธามไทถึงกับส่ายหัวออกมาด้วยหมดคำที่จะตอบโต้
"พูดกับหมามันยังเข้าใจ แต่พูดกับนายบอกตรง ๆ ฉันเหนื่อยใจว่ะ"
ก่อนที่จะบานปลายใหญ่โต ธามไทถอนหายใจแรง ๆ ใส่หน้าคนที่ไม่คิดจะสำนึกผิด ชายหนุ่มเดินหนีออกไปเพื่อแยกไปอยู่คนละมุม ปล่อยให้แทนไทนั่งจมจ่อมอยู่ที่เดิม เมื่ออยู่กับตัวเอง เขาหวังว่าน้องชายจะคิดอะไรได้บ้าง
ยามสามทุ่มเศษ อากาศเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ จนน่านอนซุกกายอยู่ภายใต้ผ้าห่มอุ่น หากแต่เสียงเคาะประตูก็ดังก่อกวนช่วงเวลากิจกรรมส่วนตัว...แทนไทนั้นอาบน้ำเสร็จพอดี ชายหนุ่มอยู่ในสภาพผ้าขนหนูผืนเดียวพันกาย โชว์ซิกแพคท้าลมหนาวราวกับตายด้านไม่สะทกสะท้านกับอากาศที่หนาวเย็น
ที่หน้าห้อง...เขาเห็นนันท์ภัสสรยืนยิ้มรออยู่ หล่อนถือถาดเล็ก ๆ มาด้วย บนนั้นมีแก้วเครื่องดื่มวางอยู่
"มีอะไร ฉันจะนอน"
เสียงนั้นแสนห้วน นันท์ภัสสรอาศัยยิ้มหวานเข้าสู้ แววตาซุกซนไล่มองไปทั่วแผงอกกว้าง ก่อนหยุดนิ่งยังปมผ้าขนหนูที่ขมวดอยู่ตรงสะโพกสอบ ไรขนอ่อน ๆ ที่ไล่ลงมาตั้งแต่ใต้สะดือ มันหายลับเข้าในผืนผ้าสีขาวสะอาดที่ปกปิดความเป็นชายเอาไว้ ชวนให้จินตนาการต่อยิ่งนัก
"เพิ่งอาบน้ำเสร็จ จะนอนจริง ๆ เหรอคะ"
แทนไทไม่ตอบ เขาไล่มองไปทั่วร่างอิ่ม ก่อนกระตุกยิ้มหยัน หล่อนมาในชุดนอนเผยผิวเนื้อนวลเนียน ไร้ซึ่งเสื้อคลุมทับไว้อีกชั้น
นี่ก็อีกคน คิดว่าเขาจะชอบแบบนี้จนกระโจนเข้าใส่ แต่เสียใจแผนนี้ล้มเหลว ไม่เนียนไปเรียนมาใหม่ อยากบอกหล่อนแบบนั้น
"แต่งตัวโชว์นมมาเคาะห้องผู้ชายกลางดึก แถวบ้านฉันเรียกว่าแรด!"
โดนด่าขนาดนี้ใครไม่รู้สึกก็บ้าแล้ว นันท์ภัสสรยืนนิ่งหน้าชา พยายามเรียกสติที่กระเจิดกระเจิงกลับคืน
"แต่พี่สิงห์เป็นพี่ชายฟ้า ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ"
"เหรอออ" เขาลากเสียงยาวทำตาเย้ยหยัน ก่อนจะโฟกัสไปยังสิ่งที่หล่อนถือมา "แล้วนี่อะไร เธอกะจะมอมเหล้าฉันใช่มั้ยปลายฟ้า"
"ฟ้าแค่จะมาขอโทษแทนพี่ฝน ที่เธอทำให้พี่สิงห์เจ็บตัว"
'โถๆๆๆๆ แม่คนดีศรีสมร' คิดแล้วก็หัวเราะออกมาราวได้ฟังเรื่องตลก หากจะมาไม้นี้เพื่อญาติดีด้วย เขาบอกได้เลยว่าหล่อนคิดผิดถนัด
"ยังไงก็...ขอบใจนะ"
เขาหยิบแก้วมาถือไว้ ยิ้มแปลก ๆ แบบไม่น่าไว้ใจ...สักพัก นันท์ภัสสรก็ร้องลั่น
"ว้าย! ไอ้พี่สิงห์!"
ค็อกเทลในแก้วถูกสาดซัดใส่หน้าสวย ๆ เข้าเต็ม ๆ นันท์ภัสสรเต้นเร่า ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำกันถึงเพียงนี้
"ไป! ทีหลังอย่ามายุ่งวุ่นวายกับฉันอีก ถ้าไม่อยากเจ็บตัว!"
“ปัง!”
ตามมาด้วยเสียงปิดประตูใส่หน้าอย่างไม่ใยดี หล่อนคงลืมไป ว่าเขาเกลียดหล่อนสองพี่น้องมากแค่ไหน
"เสียเวลาชะมัด!"
แทนไทสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาเดินพล่านไปมาอยู่ภายในห้อง คิดแต่ว่าจะเอาคืนภัคภัสสรอย่างไร หล่อนทำให้เขาเกือบสูญพันธุ์ หัวแตกไม่เท่าไหร่ แต่กล่องดวงใจแตกนี่เคลียร์กันยาวแน่นอน
แต่จู่ ๆ เทพก็ชนะมารเสียอย่างนั้น ขณะที่กำลังวางแผนอย่างหนักเพื่อหาเรื่องเอาคืนภัคภัสสร ก็มีเสียงกระซิบสั่งให้เขาเปิดประตูออกไปดูดำดูดีคนที่อยู่ข้างนอก ป่านนี้หล่อนอาจยืนร้องไห้ตกใจอยู่หน้าห้อง...ส่วนลึกร้องบอกแบบนั้น
แต่เมื่อเปิดประตูออกไปก็พบเพียงความว่างเปล่า ทุกอย่างเงียบสงัดเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น...หล่อนไม่อยู่ให้เขาถากถางรอบสอง แต่ก็ไม่เห็นต้องใส่ใจ จะเสียใจจากคำพูดของเขาจนไปผูกคอตายก็เรื่องของหล่อน
สิ่งที่เขาต้องใส่ใจคือการคิดหาทางเอาคืนภัคภัสสร แค้นนี้ฝังรากลึก เขาสาบานกับตัวเอง หล่อนจะไม่ได้อยู่เป็นสุขในบ้านหลังนี้อีกต่อไป
+++++++++