Chapter 5 ลับ ลวง พราง (1)

1881 คำ
Chapter 5 ลับ ลวง พราง (1) ยามเช้าตรู่ภายในบ้านเสวกุล​ ลมหนาวห่มคลุมทั่วทุกพื้นที่​ ภายในห้องนอนของคนป่วย...ทัศนัยยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงตัวนั้น​ เป็นอีกวันที่ท่านยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมาให้คนในบ้านได้ยิ้มออก​ สิ่งเดียวที่บอกว่าร่างนั้นยังมีชีวิตอยู่​ นั่นก็คือลมหายใจที่ยังคงสม่ำเสมอ​ ชีพจรที่ยังคงปกติ​ เสมือนแค่คนนอนหลับไปเท่านั้น​ ไม่ใช่คนป่วยที่อาการหนักแต่อย่างใด วันนี้แทนไทมาหาบิดาแต่เช้าตรู่​ การที่ต้องเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง​ พยาบาลสาวจึงเผยยิ้มเจื่อน​ ไม่กล้าจะทำอะไรมากไปกว่าการยิ้มเข้าไว้ หากแต่เฟื่องลดาก็รู้สึกเฟลนิด​ ๆ​ เมื่อเขาไม่ได้มีท่าทีสนใจหล่อนแม้สักนิดเดียว​ ไม่แม้แต่จะชายตาแลเลยด้วยซ้ำ​ ซึ่งหล่อนเองก็มั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของตัวเองในระดับหนึ่ง อดคิดไม่ได้ว่า แทนไทผู้เหี้ยมโหด​ บางทีอาจชอบไม้ป่าเดียวกัน​ จะสายรุกหรือสายรับนั้นหล่อนเดาไม่ออกจริง​ ๆ ครั้งนี้ชายหนุ่มเข้าไปใกล้บิดามากกว่าเดิม​ เขามองคนที่นอนหายใจสม่ำเสมอด้วยแววตาสั่นไหว​ ท่านดูซูบลงไปมาก​จากที่ไม่ยอมทานอาหาร​ด้วยตนเอง​ ทานแต่อาหารเหลวมาหลายวัน​ ชายหนุ่มบดกรามจนเป็นสันนูนกลืนก้อนแข็งที่แล่นมาจุกอก​ มองมือที่ประสานกันอยู่บนอก​ ทำท่ายื่นมือจะไปสัมผัสมือคนป่วย​ แต่แล้วก็ค้างไว้อย่างนั้น เหมือนมีกำแพงขวางกั้น​ และเขาก็ยังคงขี้ขลาดไม่ยอมก้าวข้ามกำแพง​ เปลี่ยนใจชักมือกลับมาที่เดิม​ ทิฐิทำให้เขาเว้นระยะห่างของความผูกพัน​ แม้คนป่วยตรงหน้าคือบิดา​ เขาก็ยังทำใจแข็งไม่แม้แต่จะเอ่ยถ้อยคำใด​ ๆ​ ออกมาให้ท่านได้รับรู้ ภัคภัสสรเห็นแล้วกับท่าทีนั้น​ หล่อนยืนแอบอยู่หน้าประตูไม่กล้าเข้าไป​ จากที่จะมาลาบิดาเพื่อไปเรียน กลายเป็นว่าต้องเปลี่ยนใจเมื่อเห็นแทนไทอยู่ในนั้น จังหวะที่กำลังจะเดินเลี่ยงจากไปอย่างเงียบ​ ๆ​ หล่อนต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเสียงเข้ม​ ๆ​ ดังขึ้น "เดี๋ยว!" แทนที่จะหยุดรอให้ร่างนั้นเดินมาถึง​ หล่อนยิ่งก้าวขาเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม​ ทำยังไงก็ได้ให้ออกไปจากบ้านหลังนี้โดยเร็วที่สุด​ กลับมาจะเจออะไรบ้างค่อยว่ากันอีกที "ปลายฝน​ หูแตกรึไง!" เหมือนพยายามจะหาเรื่อง​ แทนไทเร่งฝีเท้าจนตามมาทัน​ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกฝ่ายกำลังจะเปิดประตูรถพอดี เขาคว้าข้อมือเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัว คล้ายกับหงุดหงิดที่หล่อนไม่ยอมทำตามคำสั่ง "ฉันเรียกทำไมไม่​หยุด​ ฮึ! เธออยากเจอดีอีกรึไง" "ฝนรีบค่ะ" ตอบแบบปัด​ ๆ​ ไปหวังให้จบ​ หากแต่ไม่เป็นตามนั้น "ฉันแค่จะถาม​ เมื่อคืนเธอนอนที่ไหน" ภัคภัสสรถึงกับจ้องหน้าเจ้าของคำถาม​ คล้ายกับไม่เชื่อหู​ เขาทำให้หล่อนสับสน​ ตกลงที่ถา​มเพราะเป็นห่วง​หรือเพราะอะไร​ แต่เพราะพฤติกรรมของเขาตลอดสิบกว่าปีมานี้​ หล่อนทำใจมองเขาในแง่ดีไม่ได้จริง​ ๆ​ ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะมีความอ่อนโยนเหมือนคนธรรมดาปกติทั่วไป เขาไม่ปกติ​ หล่อนมองเขาแบบนั้นจริง​ ๆ "ฝนจะนอนที่ไหน​ พี่สิงห์สนใจด้วยเหรอคะ" แทนไทนิ่งเงียบ​ ที่จริงเขาจะหาเรื่องหล่อน​ แต่เพราะนึกอะไรไม่ออก​ เลยโพล่งถามไปแบบนั้น​ ยังคงไม่ยอมรับกับตัวเองว่าแท้จริงแล้วทำไมถึงถามแบบนั้น "หึ ลึก​ ๆ​ เธอคงดีใจ​ คงจะเข้าใจว่าฉันเป็นห่วงเธอใช่ไหม​ แต่เสียใจด้วยนะ​ เธอคิดผิด​ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยสักนิดเดียว" "พี่สิงห์ก็หลงตัวเองเหมือนกัน​ ทำไมต้องคิดว่าฝนจะดีใจจากถ้อยคำของคนใจร้ายด้วยคะ" หล่อนยิ้มเยาะใส่หน้าเขา​ พยายามบิดข้อมือแรง​ ๆ​ เพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการ "ปล่อยค่ะ​ ฝนจะรีบไปเรียน" แทนไทปรายตามองไปยังรถที่จอดเรียงราย​ ก่อนจะหยุดนิ่ง ยังฮอนด้าไซส์มินิสีแดงสดใส "ในขณะที่คุณพ่อนอนป่วย​ ทั้งไร่และบริษัทก็ถือว่าขาดหัวเรือใหญ่​ ซึ่งก็ยังไม่รู้เลยว่าสภาพบริษัทจะไปรอดหรือล่ม​ ฉันเชื่อว่าตอนนี้กำลังเกิดสงครามภายในแย่งชิงเก้าอี้คุณพ่อ​ หากคนอื่นเข้ามานั่งกุมบังเ**ยนแทน​ เธอคิดว่า...จะได้เสวยสุขบนกองเงินกองทองแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน" "แล้วฝนจะทำอะไรได้คะ​ ฝนเป็นเด็ก​ สามารถไปต่อกรอะไรกับใครเขาได้" "เธอคิดไม่ได้จริง​ ๆ​ เหรอปลายฝน​ ฉันกำลังด่าเธอ" "ฝนทำอะไรอีกคะ" "ทำไมเธอถึงไม่ช่วยกันประหยัด​โดยตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป​ ทำไมต้องแยกรถใช้คนละคัน​ ทั้งสิ้นเปลืองน้ำมัน​ ทั้งสร้างมลพิษ​ ในเมื่อยังหาเงินเข้าบ้านไม่ได้​ ก็ควรจะสำเหนียกเอาไว้ว่าเมื่อเกิดเหตุวิกฤติ​ ก็ควรช่วยกันคนละไม้คนละมือ" "สรุปพี่สิงห์จะให้ฝนเดินไป" "จะเดินก็เรื่องของเธอ​ แต่รถสาธารณะก็มี​ ทำไมถึงไม่ใช้ล่ะปลายฝน" เขายื้อแย่งกุญแจรถมาจากมือของอีกฝ่าย​ ก่อนจะยอมปล่อยข้อมือของหล่อนให้เป็นอิสระ​ ทำหน้าพยักพเยิดไปยังทางเดินที่พาไปสู่ทางออก​ บอกหล่อนให้รู้ว่าหากจะไปก็ไปได้เลย​ แต่จะต้องไม่ใช่รถคันนี้ ภัคภัสสรขบกรามแน่น​ จ้องหน้าคมคร้ามด้วยแววตาจังจริง​ แสดงให้เขาเห็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิดเดียว โดนแค่นี้ไม่เห็นจะดิ้นตาย​ หล่อนบอกตัวเองอย่างนั้น "พี่สิงห์คงคิดว่าฝนจะอ้อนวอนให้เห็นใจ​ ฝนจะไม่ทำเช่นนั้น​ ได้ค่ะ​ ในเมื่อทำกันแบบนี้​ ฝนหาทางไปเองก็ได้" หล่อนสะบัดหน้าหนีแล้วเดินเลี่ยงออกไป​ หากแต่ก็มีเสียงเข้มรั้งเอาไว้ "ปลายฝน​ ไม่ต้อง​ เดี๋ยวพี่ไปส่ง!" แทนไทมองไปทางเจ้าของเสียง​ เห็นพี่ชายเดินลิ่วตรงมาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม​ บอกให้รู้ว่าอยู่ในภาวะไม่สบอารมณ์ คงเป็นเรื่องที่น้องสาวสุดที่รักถูกกลั่นแกล้ง​ แทนไทกระตุกยิ้มให้กับพี่ชาย​ คล้ายกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น​ หากแต่อีกฝ่ายกลับทำเมินใส่ "ฝนไปเองได้ค่ะ​ เกรงใจพี่เสือที่ต้องอ้อมไปอ้อมมา" "ไม่เป็นไรครับ​ พี่เต็มใจ" แววตาธามไททอประกายบางอย่าง​ เขาไม่ทันรู้ตัวหรอกว่า​ มีคนสังเกตเห็นและรู้เท่าทัน หากแต่ธามไทก็ทำเหมือนอีกฝ่ายคืออากาศธาตุ​ เขาไม่สนใจว่าใครจะมอง​ เดินไปคว้าข้อมือเล็กบังคับให้หล่อนเดินตามมายังเจ้าบีเอ็มสองประตูสีน้ำเงินเข้ม​ เปิดประตูรอ​ คล้ายบังคับเป็นนัย​ ๆ​ และหล่อนก็ควรจะทำตามอย่างว่าง่าย​ ด้วยการยอมนั่งรถไปกับเขา แทนไทยืนมองพฤติกรรมของคนสองคนอยู่เงียบ​ ๆ​ คิดไป พร้อมกัน การแสดงออกของพี่ชายที่มีต่อภัคภัสสร​ มันบอกอะไรได้หลายอย่าง สายตาที่ทั้งสองมีต่อกันนั้นแปลก​ ๆ​ จนเขาสัมผัสได้ ยามตกอยู่ในห้วงความคิด​ เสียงคุ้น​ ๆ​ ก็ดังเข้ามาในภวังค์...นันท์ภัสสร​ หล่อนเดินมายังบีเอ็มสุดหล่อที่ธามไทกำลังจะเปิดประตูเข้าไปนั่งทางฝั่งคนขับ "ทำไมฝนถึงไปกับพี่เสือคะ" แววตาเจืออารมณ์สงสัยและน้อยใจในคราเดียว​ หล่อนแค่กังขา​ ทำไมพี่สาวจึงได้รับสิทธิ์นั้น "ถามพี่ชายเธอเองก็แล้วกัน" ธามไทบุ้ยหน้าไปทางแทนไท​ เขามีท่าทีรีบรน​ คล้ายกับกลัวว่าหากชักช้า​โอกาสทองจะหลุดลอยไป​ หากแต่ก็ถูกรั้งแขนไว้ด้วยสองมือเล็ก ไม่ยอมให้เขาเข้าไปในรถ "ให้ฟ้าไปด้วยสิคะ​ นะคะ" แววตานั้นแสนเว้าวอน​ แต่ก็ถูกตอบแทนด้วยแววตาหมางเมินเชิงรำคาญ "เธอก็เห็นว่านั่งไม่หมด​ ไปได้แค่คนเดียว" นั่นหมายถึงหล่อนหมดสิทธิ์​ และหล่อนไม่ใช่คนที่ถูกเลือก​ นันท์ภัสสรคิดได้เท่านี้จริง​ ๆ​ หากแต่หล่อนก็ยังคงไม่สิ้นหวัง "พี่เสือเปลี่ยนคันใหม่ก็ได้นี่คะ​ ฟ้าหมายถึง...หากพี่เสือจะให้ฟ้าไปด้วยจริง​ ๆ" "พี่ขี้เกียจเข้าไปเปลี่ยนกุญแจ​น่ะ แล้วเป็นอะไรฮึ! ทุกวันก็ไปเองได้​ แล้วทำไมวันนี้ถึงงอแงจังเลยล่ะครับ" แววตาดุ ๆ​ ที่ส่งมาให้​ ยิ่งทำให้อารมณ์น้อยใจเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ​ แววตาคู่สวยสั่นระริก​ มันเห่อแดงคล้ายน้ำใส​ ๆ​ จะไหลปริ่มออกมา หากแต่ไม่อาจรั้งธามไทเอาไว้ได้​ เขาเลิกสนใจคนที่ยืนน้ำตารื้น​ รีบพาตัวเองเข้าไปนั่งในรถ​ ปิดประตูใส่อย่างไม่ใยดีความรู้สึก​ ก่อนจะเหยียบคันเร่ง​ขับปราดออกไป​ ทิ้งให้นันท์ภัสสรยืนนิ่งมองตามจนสุดสายตา เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด​ เมื่อแทนไทขยับเข้ามาใกล้​ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีถ้อยคำปลอบใจหลุดลอยมา "ดูเหมือนว่าเธอจะมีคู่แข่งเสียแล้วล่ะ​ แถมคน​ ๆ​ นั้นก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลเสียด้วย" หล่อนตวัดตามอง​ บอกเขาให้รู้​ หากไม่คิดจะปลอบใจกันก็อย่าซ้ำเติมกันมากไปกว่านี้ "หากในหัวพี่สิงห์คิดคำที่ดีไม่ได้​ ขอร้องล่ะ​ค่ะ อย่าพูดอะไรออกมาได้ไหม" "นั่นไม่ใช่เรื่องของฉัน​ ฉันไม่มีหน้าที่ปลอบใจใคร​ และช่วยไม่ได้หากฉันจะพูดความจริง​ เธอควรทำใจ​เสียเถอะ เธอไม่ใช่คนที่เขาเลือก​ มันคือความเหมือนที่แตกต่าง​ เธอสู้อะไรพี่สาวเธอไม่ได้เลย​ ยอมรับความจริงได้แล้วปลายฟ้า!" "พี่สิงห์! หยุดพูดอะไรที่มันบั่นทอนจิตใจจะได้มั้ยคะ!" "ร้องไห้คร่ำครวญสิปลายฟ้า​ ทำให้ฉันสงสาร​ แล้วฉันจะอยู่ข้างเธอ" เขาไม่ยึดกุญแจรถของนันท์ภัสสรเหมือนที่ทำกับภัคภัสสร​ ได้แต่ทิ้งระเบิดไว้แล้วก็เดินจากไปอย่างไม่ใยดี นั่นคงสาสมใจเขาแล้วเมื่อเห็นคนที่เกลียดกำลังเจ็บปวด​ หญิงสาวได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังกว้างที่ไกลห่างออกไปเรื่อย​ ๆ​ เป็นอีกครั้งที่ถูกทิ้งไว้อย่างโดดเดี่ยว​ รอบกายของหล่อนไม่มีใครเลยจริง​ ๆ และเมื่ออยู่เพียงลำพัง​ หยาดน้ำตาก็ไหลรินร่วงหล่น​ มัน ไหลผ่านร่องแก้มก่อนหยดลงพื้น​ ยามนี้หล่อนไม่อาจฝืนเก็บความเจ็บปวด​ ความอัดอั้นถูกระบายออกมาด้วยหยาดน้ำตา​ ความอ่อนแอถาโถมในยามที่ต้องอยู่กับตัวเองเพียงลำพัง​ พวกเขาช่างใจร้ายกับเธอเหลือเกิน​ ไม่มีใครสักคนที่จะมาเห็นใจ​ นันท์ภัสสรสัมผัสได้ถึงความโดดเดี่ยวที่ต้องเผชิญ ++++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม