Talk ฉลาม
“พวกมึงดูสิว่าไอ้ฉลามพาใครมา” เสียงของไอ้เสือรีบถามเมื่อไอ้โซ่ไอ้เซนและไอ้ปืนมาถึง
“ใครวะ”
“กูต้องตื่นเต้นไหม?”
“ไอ้เซนอาจจะหงุดหงิดหน่อย”
“เกี่ยวอะไรกับกู”
“มันพาคนสวยของมึงมาไง”
พอได้ยินเสือมันบอกแบบนั้นไอ้เซนก็หันขวับมามองผมทันที อาการไม่ค่อยออกเท่าไรเลย ดูไม่ออกเลยว่าชอบมาก
“อันตรายมึงพาเธอมาด้วยทำไม”
“อันตรายตรงไหนก็มีแค่พวกเรา” ผมถามกลับเมื่อถูกมันต่อว่า จริงๆ ไอ้เซนมันค่อนข้างทำตัวแตกต่างอยู่แล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันถึงคบมันเป็นเพื่อนมาได้จนถึงตอนนี้
“ถ้าพวกไอ้รามมาจะทำยังไง ถ้ามันเห็นว่ามึงพาผู้หญิงมา”
“เออว่ะ ไอ้เวรนั่นเห็นเป็นต้องเดิมพัน”
“มึงก็รู้ว่าช่วงนี้ไม่มีแข่ง มันจะมาทำเหี้ยอะไรครับ”
“เผื่อมันมาลองรถ”
“อย่าห่วงเบ๊กูขนาดนั้นสิเพื่อน” ผมมองไอ้เซนก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
“อย่าคิดว่ากูไม่รู้แผนเหี้ยๆ ของมึงนะ มึงควรคิดใหม่ คิดดีๆ”
“กูไม่ใช่คนดีทำไมต้องคิด” ผมตอบออกไปทันควันอย่างไม่ลังเล
Talk ดาบี
ฉันนั่งเล่นอยู่ด้านบนของอัศจรรย์เชียร์ มันเป็นห้องรับรองติดกระจกใสเพื่อให้มองเห็นตรงสนามแข่งได้ชัดเจน
ขณะที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อยจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมันทำให้สะดุ้งตกใจเล็กน้อย และตกใจยิ่งกว่านั้นคือเป็นเบอร์ของฉลาม
“ฮัลโหล”
( กินอะไรไหม เดี๋ยวฉันสั่งให้ )
“นายจะอยู่อีกนานเลยหรอ”
(ดึกๆ คงกลับ)
“อือ เอาอะไรก็ได้”
( มั่นใจว่าอะไรก็ได้ )
“อือ”
สายถูกตัดไปพร้อมความงุนงงที่ถาโถมเข้ามาในหัวของฉันอีกครั้ง
เขาแปลกไปอย่างที่ฉันไม่เคยจินตนาการมาก่อน เราสองคนไม่สนิทกัน ไม่เลยนอกจากเป็นเบ๊ให้เขา พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือที่ผ่านมาฉลามไม่เคยสนใจฉัน แต่ทำไมตอนนี้ดูเหมือนเขากำลังสนใจ
แกร็ก!
เสียงประตูห้องถูกเปิดออกทำให้ฉันสะดุ้งก่อนจะรีบหันไปมอง
“ฉลาม” เมื่อกี้เขาเพิ่งโทรถามว่าฉันอยากกินอะไร แล้วทำไมถึงขึ้นมาล่ะ
“บอกว่าอยากกินอะไรก็ได้ไม่ใช่?”
“อะ อือ ข้าวได้แล้วหรอ”
“ฉันนี่ไง” ฉลามเดินตรงมาพร้อมกับพูด ทำให้ต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงง “…อะไรไม่เข้าใจ”
“เธอบอกว่าอยากกินอะไรก็ได้ ก็ฉันนี่ไงมาให้กินแล้ว”
“……..” ถึงฉันจะดูอ่อนต่อโลกไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้ไร้เดียงสาพอที่จะไม่รู้ความหมายนั้น หรือว่าฉลามพูดตรงไป
ฉันยืนขาแข็งกับคำพูดนั้นทั้งที่มันอยากถอยหนีแทบตายแต่กลับทำได้แค่ยืนตัวทื่อรอให้เขาเดินมาใกลๆ
ร่างสูงเดินมาหยุดตรงหน้าพร้อมกับใบหน้าคมที่ก้มลงมาใกล้ๆ ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ล้อเล่นแค่นี้ถึงกับตัวแข็งเลยหรอ”
“………”
“ซื่อบื้อกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะ”
“ฉะ…ฉันไม่ได้ซื่อบื้อขนาดนั้นซักหน่อย”
“แล้วรู้หรอว่าเมื่อกี้ที่พูดมันหมายความว่ายังไง”
“ระ…รู้สิ” ฉันกัดริมฝีปากแน่นปกติไม่ค่อยอยากต่อปากต่อคำกับใครนอกจากมีนที่เป็นเพื่อนสนิท
“ถ้ารู้ความหมายแล้วทำไมเฉยล่ะ ?” ฉลามโน้มลงมาใกล้มากกว่าเดิมเริ่มทำให้ฉันรนรานร้อนในใจเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้เราคิดอะไรอยู่ถึงได้เป็นอย่างนี้
ฉันกลั้นใจเบี่ยงตัวหลบ ก่อนจะถามโดยไม่มองหน้า “หะ ห้องน้ำไปทางไหน”
“เดี๋ยวพาไป” เขาเสนอตัวเองแต่ฉันรีบขัด “ไม่เป็นไร”
ฉลามบอกทางไปห้องน้ำฉันจึงรีบปลีกตัวออกมาทันที ก่อนจะมายืนมองตัวเองอยู่ในกระจกด้วยความงุนงง จากนั้นเมื่อตั้งสติได้ก็กลับมายังห้องเดิมแต่ฉลามไม่อยู่แล้ว
ผ่านไปหลายชั่วโมงฉันยืนมองฉลามและเพื่อนๆ แข่งรถกันผ่านกระจก กระทั่งเวลาสี่ทุ่มเซนเพื่อนในกลุ่มของฉลามก็มาบอกว่าจะไปส่ง
“ระวังตัวหน่อยนะ” ก่อนจะลงรถจู่ๆ เซนก็พูดขึ้นแบบไม่มีปี่ไม่มีครุ่ย
“หือ เรื่องอะไรหรอ” ฉันรีบถามกลับอย่างไม่เข้าใจ
“เธอไว้ใจมันไม่ได้หรอก เชื่อฉันสิดาบี”
“หมายถึงยังไงนะฉันงงไปหมดแล้ว”
เซนถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะเบือนหน้าหนี “ไม่มีอะไรแค่จำที่ฉันเตือนไว้ก็พอ”
ทั้งกลุ่มนั้นที่ฉันสัมผัสได้เซนมีความแตกต่างจากคนอื่นๆ เพราะเขาดูเป็นคนดีที่สุด แต่ที่มาเตือนแบบนี้แล้วไม่ขยายความอะไรเลยมันทำให้งงสุดๆ