“ฮึก...” คนตัวเล็กยืนนิ่งค่อย ๆ ยกมือเช็ดน้ำตา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเดินออกไปแล้วพบว่าคิน ขุนพล แล้วก็น้ำขิงต่างยืนมองหน้าเธออยู่
“วีขอตัวก่อนนะคะ” ร่างบางเอ่ยบอกออกไปเสียงสั่นพร้อมกับรีบเดินไปหยิบกระเป๋าเดินออกจากห้องไปทันที
“เดี๋ยวขิงไปดูวีก่อนนะ” น้ำขิงที่เห็นแบบนั้นก็หันไปบอกพี่ชายตัวเอง
“อืม” ขุนพลก็พยักหน้ารับรู้ ทำให้น้ำขิงรีบวิ่งตามวีออกไป
ตึก! ตึก!
พึ่บ...เสียงขาเรียวชะงักหยุดวิ่งและทรุดลงนั่งยอง ๆ บริเวณหน้าคอนโดหรูด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
‘ออกไป’
‘พี่ดิน’
‘ออกไปซะ’
‘...’
‘จะไปไหนก็ไป...’
‘...ไปให้พ้นหน้าฉัน’
พลั่ก!
ภาพเหตุการณ์เมื่อกี้ที่เพิ่งเกิดขึ้นยังคงฉายเข้ามาในหัวของหญิงสาวไม่หยุด รวมถึงสีหน้าและแววตานิ่งเรียบเฉยชาพวกนั้น
“ฮึก...วีขอโทษ” ปากเล็กเอ่ยพร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกมากมาย เธอไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จริง ๆ เธอไม่ได้ตั้งใจเลย...
“ฮืออออ”
“วี”
พึ่บ มือเล็กรีบเอามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาเพื่อทำตัวเองให้เป็นปกติหลังจากที่ได้ยินเสียงเพื่อนสนิทเธอดังขึ้น
“มะ...มีอะไรเหรอน้ำขิง” ร่างบางถามออกไปพยายามก้มหน้าไม่สบตากับอีกคน
“เกิดอะไรขึ้น...”
“...เล่าให้ฉันฟังได้ไหม”
“...” วีก็นิ่งไม่ตอบ
“วี”
“น้ำขิง ฮึก...ฮือออออ”
แต่สุดท้ายคนตัวเล็กก็ไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไป มือเรียวโผล่เข้ากอดเอวเพื่อนตัวเองด้วยความรู้สึกหน่วงเจ็บในใจไปหมด
“ไม่เป็นไรนะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” น้ำขิงที่แม้จะไม่เข้าใจสถานการณ์อะไรมากสักเท่าไหร่ก็เลือกที่จะปลอบใจคนตรงหน้าไว้ก่อน
“ฮึก...ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“เธอทำอะไรเหรอ” น้ำขิงถามขึ้น เธอเองไม่รู้เรื่องอะไรจริง ๆ รู้อีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงของหล่นแตกแล้วก็ดินเดินออกมาจากห้องนั้น
“ฉะ...ฉันทำของพี่ดินตกแตก”
“ของ?”
“ฉะ...ฉัน ฮึก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ว่ามัน...ดูเหมือนจะเป็นของที่เขาหวงมาก”
“...” คนตัวเล็กที่รับฟังก็นิ่งไปอย่างเริ่มเข้าใจในเหตุการณ์
“พี่เขาโกรธมากเลยใช่ไหม” น้ำขิงถาม
“ฮึก...” ใบหน้าเล็กก็พยักหน้าตอบน้ำตาอาบแก้มใส
“เฮ้อ วีเอ๊ย” ว่าแล้ว มือบางก็เอื้อมไปลูบหัวเพื่อนตัวเองอย่าไม่รู้จะช่วยยังไง ดินเองก็ไม่เหมือนใคร แค่เวลาปกติก็เข้าถึงยากจะตายอยู่แล้ว แล้วนี่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก บอกเลยงานนี้...วีไปต่อได้ยากมากจริง ๆ หรือแทบจะไม่มีทางไปต่ออีกได้เลย
“หยุดไหม” น้ำขิงมองหน้าถามอีกคน
“...” วีก็เงียบ
“ถ้ามันเจ็บมาก หยุดไหมวี...”
“...ออกมาได้แล้ว”
“ฉันไม่มีหวังแล้วใช่ไหม” คนตัวเล็กถามขึ้น
“...” น้ำขิงก็นิ่ง
“ของชิ้นนั้น...”
“...ฮึก เป็นของที่คนนั้นให้พี่เขาไว้ใช่ไหม”
“ฉันไม่รู้...” แต่เท่าที่เห็นตอนออกมาสีหน้าดูโกรธขนาดนั้น มันก็น่าจะใช่...น้ำขิงได้แต่ตอบในใจ
“ฮึก ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ฮือออ...”
“...ทำไมต้องเป็นฉันที่ทำมันแตก” แล้วใบหน้าเล็กก็ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกมากมาย
“ทำไม...”
“วี” น้ำขิงก็ได้แต่เอื้อมมือไปกอดเพื่อนตัวเองเพื่อให้กำลังใจ
“แค่ฉันรักพี่เขา ทำไมฟ้าต้องทำกันขนาดนี้...”
“...ทำไมกัน ฮึก”
“...” แววตากลมก็มองคนตรงหน้าที่นั่งร้องไห้ไม่หยุดด้วยความสงสาร เธอสงสารเพื่อนที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ที่ต้องมารักคนที่มีเย็นชาที่ไม่เคยคิดจะลืมใครบางคนที่อยู่ในหัวใจของเขา...
“อืม เดี๋ยวคืนนี้ขิงจะนอนที่นี่แหละ”
“ก็โอเคขึ้นแล้ว”
“อืม”
“โอเค”
“ค่ะ” ติ้ด แล้วมือเล็กก็เอื้อมไปกดวางสายก่อนจะหันไปมองยังร่างบางอีกคนที่นอนเหม่ออยู่
“วี”
“หื้ม” หญิงสาวขานตอบพร้อมกับหันไปมองหน้าเพื่อนตัวเอง
“หิวไหม” น้ำขิงถามขึ้น
“...” วีก็ส่ายหน้าตอบกลับ
“แต่เธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ”
“ฉันไม่หิวน่ะ”
“วี”
“...” ใบหน้าเล็กก็ชะงักหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่อเห็นว่าเพื่อนเริ่มจะดุ
“เธอควรจะกินอะไรสักหน่อย เดี๋ยวฉันไปสั่ง...”
“ตกลงคือของผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม” วีเอ่ยถามออกไปโดยไม่รอให้น้ำขิงพูดจบ เพราะมันเป็นสิ่งที่เธอต้องการรู้เพื่อที่จะแน่ใจ
“...”
“น้ำขิง”
“อืม มันเป็นของพี่พะพาย”
“...” คำตอบของคนตรงหน้าทำเอาร่างบางนิ่งไป เพราะเธอเป็นคนให้น้ำขิงถามขุนพลเองว่ามันใช่แบบที่เธอคิดไหม ของสิ่งนั้นที่เธอทำแตก มันใช่ของของคนสำคัญของดินรึเปล่า...แล้วมันก็ใช่จริง ๆ
“พี่เขาโกรธฉันมากเลยใช่ไหม” วีถามออกไป
“ไม่รู้เหมือนกัน พี่ขุนบอกว่า...พี่เขาไม่ออกจากห้องนอนเลยตั้งแต่เกิดเรื่อง”
“...” ใบหน้าเล็กก็ก้มหน้าลง
“อย่าคิดมากสิวี เธอไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นหนิ”
“ถ้าฉันไม่เข้าไปตอนนั้น มันก็คงจะดี”
“แล้วเธอย้อนเวลากลับไปได้เหรอ”
“...”
“เราย้อนเวลากลับไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าเก็บมันมาคิดมากเลยนะ” น้ำขิงบอกพร้อมกับนั่งลงข้างเพื่อนตัวเอง
“ไม่คิดมากไม่ได้หรอกน้ำขิง พี่เขาดูรักและหวงของชิ้นนั้นมาก”
“ก็เป็นธรรมดา เพราะมันเป็นของชิ้นสุดท้ายที่พี่พะพายให้เขาไว้” ร่างบางเอ่ยหลุดพูดออกมา ทำให้คนตัวเล็กยิ่งมีสีหน้าที่แย่ลงไปกว่าเดิม
แป๊ะ! มือเล็กเอื้อมไปตีปากตัวเองที่เผลอพูด
“เขารักพี่ผู้หญิงคนนั้นมากเลยสินะ”
“...” น้ำขิงก็เงียบ
“ถ้ารักกันมาก ทำไมเขาถึงเลิกกัน...” วีแค่พอรู้ว่าดินมีคนในใจ แต่เธอไม่เคยรู้ว่าเป็นใครอะไรยังไง เพราะเธออาศัยฟังเอาจากที่ขุนพลกับคินเคยพูดกัน
“เขาไม่ได้เลิกกัน”
“...” คำพูดของคนด้านข้างทำเอาใบหน้าเล็กหันไปมอง
“เธอ...หมายความว่ายังไง”
“พวกพี่เขาไม่ได้เลิกกัน แต่ว่า...เขาต้องจากกัน”
“ฮะ” วียังคงทำหน้างุนงงไม่เข้าใจ
“พี่พะพาย...ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว”
“...!!” คนตัวเล็กทำหน้าตกตะลึงสุดขีดกับสิ่งที่ได้ยิน
“อย่าบอกนะว่า...”
“อืม พี่เขาเสียแล้ว เสียมาได้...จะสามปีแล้ว”
“...” นี่เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย และไม่คิดว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ เธอคิดมาตลอดว่าผู้หญิงที่อยู่ในใจของคนตัวสูงคือแฟนเก่าที่เลิกกัน เธอไม่คิดเลยว่า...เรื่องมันจะเป็นแบบนี้
“นี่แปลว่าฉันทำของที่พี่ผู้หญิงคนนั้นให้เขาไว้แตกงั้นเหรอ” จากตอนแรกที่รู้สึกเสียใจกับท่าทีของดิน ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นรู้สึกไม่ดีเข้ามาแทน แม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือ...เธอเป็นคนทำสิ่งนั้นแตกจริง ๆ
“ฉันควรจะทำยังไงดี” วีเอ่ยออกมาเสียงเครียด
“ก็ไม่เห็นต้องทำอะไร เธอทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ววี”
“...” คนตัวเล็กก็นิ่ง
“ฉันว่าเธอ...”
“มันต้องมีวิธีสิ มันต้องมี” ว่าแล้ว มือเล็กก็เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมากดหานู้นหานี้โดยมีสายตาของน้ำขิงที่ได้แต่มองอีกคนด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจแต่ก็เลือกที่จะปล่อยให้ร่างบางทำในสิ่งที่อยากทำไป
สองวันต่อมา
“ร้านนี้แหละ” ฉันยืนอยู่หน้าร้านขายของกล่องดนตรีชื่อดังที่เขาว่ากันว่ามีทุกแบบที่เราต้องการ
“ฟู่ว! ขอให้มีด้วยเถอะ” พูดจบ ฉันก็เดินเข้าไปในร้านด้วยท่าทีมุ่งมั่น
“เอ่อ ขอโทษนะคะ”
“ว่าไงจ๊ะ”
“คือมีกล่องดนตรีที่เป็นประมาณนี้ไหมคะ” ฉันถามพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปให้คนตรงหน้าดู นี่ฉันนอนหาแบบทั้งคืนเลยนะกว่าจะได้อันที่เหมือนกับของพี่ดินมากที่สุด สงสัยใช่ไหมล่ะว่าฉันจะเอาไปทำอะไร ใช่แล้ว ทุกคนคิดไม่ผิดหรอก ฉันตามหากล่องดนตรีที่เหมือนอันนั้นที่สุดเพื่อที่จะซื้อไปคืนให้พี่ดิน ฉันรู้ว่ามันอาจจะมีคุณค่าไม่มากพอเท่าอันเก่า แต่อย่างน้อย...ฉันก็ขอรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นหน่อยก็แล้วกัน
“อันนี้เหรอหนู โอ๊ย ไม่มีหรอก...”
“...เขาไม่ได้ผลิตลายนี้มาหลายปีแล้ว”
“งั้นเหรอคะ” ฉันตอบกลับไปเสียงหงอย มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ กับสิ่งที่ทำอยู่ กว่าฉันจะเจอรูป กว่าจะตามหาได้ มันไม่ง่ายเลยจริง ๆ
“แต่ถ้าหนูอยากได้มาก ก็ลองไปถามร้านเอเวอร์ช็อปดูสิ ร้านนั้นเขามักจะมีงานเก่า ๆ อยู่บ้าง”
“เอเวอร์ช็อปเหรอคะ”
“อืม”
“ร้านอยู่ตรงไหนเหรอคะ” ฉันถามออกไป
“มันไกลจากนี่หน่อยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูต้องการมากจริง ๆ”
“อะ งั้นเดี๋ยวฉันเขียนที่อยู่ให้ไปก็แล้วกัน เห็นว่าอยากได้มากหรอกนะ” ว่าแล้ว คนขายที่ร้านก็หยิบปากกามาเขียนลงบนกระดาษ
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ค่ะ” ฉันก็ยิ้มบอกออกไปด้วยความดีใจ อย่างน้อยก็มีหวังว่าอาจจะมี
สองชั่วโมงต่อมา
“หนู ถึงแล้ว” เสียงคนขับสองแถวตะโกนบอกฉัน
“ค่ะ” ฉันก็พยักหน้ารับรู้ เดินหยิบเงินไปจ่าย
“นี่ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
บรื้นนน รถสองแถวก็ขับออกไปอย่างไม่สนใจโดยฉันเองก็เดินไปตามแผนที่ที่คนขายคนนั้นบอก จนกระทั่ง...
“เอเวอร์ช็อป” ในที่สุดฉันก็มาถึงที่ร้านจนได้
“ขอให้มีเถอะนะ” ฉันเอ่ยออกมาด้วยความอ้อนวอนก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปยังในร้าน
กริ๊ง กริ๊งงง
“สวัสดีค่า”
“สวัสดีค่ะ พอดีอยากสอบถามว่า...”
“...ร้านยังพอมีกล่องดนตรีลูกแก้วลายนี้อยู่ไหมคะ” ไม่รอช้า ฉันก็หยิบโทรศัพท์ยื่นไปยังคนขายทันที
“ลายนี้เหรอ...”
“...แป๊บนะคะ” ว่าแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็เดินไปยังด้านหลังของร้าน ซึ่งฉันก็ได้แต่ยืนรอด้วยความรู้สึกคาดหวัง
“ขอให้มีด้วยเถอะ...”
“ขอโทษด้วยนะคะ ลายนี้ไม่มีแล้วค่ะ ทางโรงงานไม่ได้ผลิตมาจะสามปีแล้ว
“...” ฉันก็ยืนนิ่งไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” ฉันบอกออกไป
“แล้วไม่ดูลายอื่นไปแทนเหรอคะ” คนขายถามฉัน
“เอ่อไม่เป็น...”
“มีลายใหม่เพิ่งเข้ามานะคะ เป็นเหมือนในแบบที่คุณให้ฉันดูเลย แต่แค่ว่าเจ้าชายกอดเจ้าหญิงไว้ไม่ใช่จับมือแบบลายนั้น”
“ขอดูหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ค่ะ” ว่าแล้ว คนขายก็หยิบกล่องดนตรีลูกแก้วที่ว่ามาวางลงตรงหน้าฉัน
“เหมือนจริง ๆ ด้วยค่ะ” ฉันบอกออกไป
“คนออกแบบคนเดียวกันน่ะค่ะ”
“อ่อ” ฉันก็ก้มลงมองกล่องดนตรีนั้นนิ่ง
เอาน่ะ ก็ยังดีกว่าไม่มีความรับผิดชอบอะไรเลย
“งั้นเอาอันนี้ก็ได้ค่ะ” ฉันบอกออกไป
“โอเคค่ะ” คนขายก็ยิ้มหยิบกล่องดนตรีนั้นไปห่อ ซึ่งฉันเองก็มองตามไป
“ขอให้มันช่วยบรรเทาความรู้สึกพี่บ้างด้วยเถอะ”
ครืดดด ครืดดด
น้ำขิง
ติ้ด!
(วี! อยู่ไหนแล้ว)
“กำลังจะถึง”
(รีบมาเลย พวกพี่เขาเรียนเสร็จแล้ว)
“จริงเหรอ เธอถ่วงเวลาไว้อีกหน่อยได้ไหม อีกสองป้ายจะขึ้นมหาลัยแล้ว”
(โอ๊ย ถ่วงพี่ขุนอะได้ แต่พี่ดิน...)
“นะนะน้ำขิง ช่วยฉันหน่อย”
(เฮ้อ ก็ได้ ๆ รีบมานะ)
“โอเค” แล้วฉันก็กดตัดสายไปก่อนจะก้มลงมองของที่อยู่ในมือตัวเอง
“ขอให้ไปทันด้วยเถอะ”
เอี๊ยด! เสียงรถสองแถวจอดลงที่ป้ายรถเมล์หน้ามหาวิทยาลัย
พึ่บ ฉันรีบเดินเข้าไปจ่ายเงินพร้อมกับวิ่งเข้าไปยังใต้ตึกคณะบริหารทันที
ตึกตึก...
“วี ทางนี้” น้ำขิงตะโกนเรียกฉันดังขึ้นทำให้ฉันหันไปมองตามเสียง ก่อนจะเห็นแววตาคมของอีกคนหันมามองหน้าฉันนิ่งและทำท่าจะเดินออกไป
“เดี๋ยวค่ะ” ฉันรีบวิ่งเข้าไปขว้างหน้าคนตัวสูงไว้ด้วยสภาพเหนื่อยหอบ
“วีขอคุยอะไรกับพี่หน่อยได้ไหมคะ”
“...” พี่ดินก็มองหน้าฉันนิ่งจะเดินหนี
“พี่ดิน”
“หลบไป”
“ไม่ค่ะ วีมี...”
“ฉันบอกให้เธอไปให้พ้นหน้าฉันไง” คนตัวสูงบอกพร้อมกับมองหน้าฉันแววตาดุดัน ฉันก็กลืนน้ำลายลงคอพยายามทำในสิ่งที่ต้องการทำต่อ
“นี่ค่ะ วีซื้อมา...”
พึ่บ
เพล้ง!! เสียงกล่องดนตรีแก้วที่ฉันไปตามหาซื้อมาแตกกระจายลงเต็มพื้นด้วยฝีมือคนตรงหน้า
“...” ฉันก็ยืนอึ้งก้มลงมองยังเศษแก้วพวกนั้นด้วยความรู้สึกบางอย่าง ก่อนจะเงยหน้ามองอีกคน
“ต้องทำกันขนาดนี้เลยเหรอคะ...”
“...วีรู้ว่าพี่กำลังโกรธ แต่ว่า...ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ” ฉันถามออกไปเสียงสั่น
“...” ใบหน้าหล่อก็มองหน้าฉันนิ่ง
“พี่ดิน”
“ไปให้พ้น แล้วอย่ามายุ่งกับฉันอีก” ว่าแล้ว ขายาวก็ทำท่าจะเดินออกไป
หมับ แต่ฉันเอื้อมมือไปจับแขนเสื้อพี่เขาไว้
“วีแค่ไม่อยากให้พี่...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ ก็ต้องชะงักไปเมื่อเงยหน้าไปเจอสายตานิ่งของคนตัวสูงที่จ้องหน้าฉันอยู่
แค่สบตาเขา ฉันก็รู้สึกเหมือนตัวเองหมดแรงขึ้นมาดื้อ ๆ ความรู้สึกฉันตอนนี้...
มันอธิบายออกมาไม่ได้เลย
“ค่ะ วีจะไม่ยุ่งกับพี่อีก” พูดจบ ฉันก็ค่อย ๆ ปล่อยมือออกจากเสื้อพี่เขาและหันหลังปล่อยให้น้ำตาที่กลั้นไว้ไหลลงมา
ก็ถือว่าสิ่งที่ฉันทำไปทั้งหมดวันนี้ชดเชยไปกับของที่ฉันทำแตกวันนั้นแล้วกัน ถือว่าฉันได้รับผิดชอบอย่างสุดความตั้งใจแล้ว แล้วก็ขอให้ทุกอย่าง...มันจบลงแค่นี้
ลาก่อน
รักแรกในรั้วมหาวิทยาลัยของฉัน...