“เราโอเคไหม” พี่คินถามฉัน
“ค่ะ โอเคค่ะ” ฉันรีบยิ้มตอบกลับไปทันที ได้อยู่กลุ่มเดียวกับพวกพี่เขาว่าดีใจ การได้ทำงานร่วมกับพี่ดินนั้นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกดีใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้น
“งั้นเราเริ่มทำกันเลยไหม อาทิตย์หน้า” พี่ขุนพูดขึ้น
“อาทิตย์หน้าเหรอคะ” ฉันถามออกไป
“ใช่ครับ น้องวีติดอะไรรึเปล่า”
“อ่อ ไม่ค่ะ ๆ วีโอเค” ฉันยิ้มตอบไปทันที ก่อนจะหันหน้าไปมองยังคนตัวสูงที่นั่งนิ่งอยู่
“ดีใจนะคะที่จะได้ทำงานกับพี่”
“...” พี่ดินก็นิ่ง
“วีจะตั้งใจทำ...”
“เมื่อไหร่เธอจะเงียบสักที” ใบหน้าหล่อหันมามองหน้าถามฉันเสียงนิ่ง
“...” ฉันจึงเงียบไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“น่ารำคาญ” ฉันเม้มปากแน่นกับคำพูดใจร้ายที่ออกมาจากปากของคนที่นั่งอยู่
พึ่บ! ฉันตัดสินใจลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแรงด้วยความรู้สึกบางอย่าง แต่...
โชคไม่ดีที่ฉันรีบจนไม่ทันระวังทำให้ข้อเท้าตัวเองนั้นเกือบพลิกจนเซเสียหลักไปยังใครอีกคน
“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาทันทีที่ล้มทับพี่ดินที่นั่งอยู่
“...” ฉันได้แต่เงยหน้ามองคนตรงหน้าด้วยความตกใจสุดขีด
“ทำบ้าอะไรของเธอ” พี่ดินมองหน้าถามฉันเสียงนิ่งแต่เต็มไปด้วยความดุดัน
“คะ...คือ...”
“อย่ามาอ่อยฉันด้วยวิธีแบบนี้...”
“...ฉันไม่ชอบ” พูดจบ พี่ดินก็ผลักฉันให้ออกจากเขาทันที
“วีไม่ได้...” ฉันที่ตั้งสติได้ก็พยายามจะอธิบาย
ตึก! ตึก! แต่ก็ไม่ทันเพราะเจ้าของใบหน้านิ่งเดินออกจากห้องไปอย่างไม่สนใจใคร
“...” ฉันก็มองตามคนตัวสูงไป
“เป็นอะไรรึเปล่า” เสียงพี่คินเอ่ยถามฉัน
“ไม่ค่ะ แต่ว่า...” แล้วฉันก็มองไปยังประตู
“ช่างมันเถอะ มันก็เป็นแบบนี้แหละ”
“...” ฉันก็นิ่ง
“ทำไม ถอดใจแล้ว?”
“เปล่าค่ะ ก็แค่...” ไม่รู้สิ ความรู้สึกตอนนี้ ฉันไม่รู้เลยว่ามันคือความรู้สึกอะไร ทุกอย่างมันปะปนกันไปหมดจนฉันแยกไม่ออก ทั้งที่ตอนแรกดีใจที่ได้ใกล้ชิดเขา แต่พอมาเจอคำพูดร้าย ๆ มันก็...
“เอาเท่าที่ไหว อย่าฝืนตัวเอง” พี่คินยิ้มบอกฉัน ซึ่งฉันเองก็ค่อย ๆ เงยหน้ามองพร้อมกับยิ้มตอบพี่เขาไป
ก็จริง เอาเท่าที่ไหวนะวี...
ตกเย็น
“สวัสดีค่ะพี่ปราบ” ฉันเดินเข้าไปทักทายพี่ปราบพี่ผู้จัดการร้านที่ฉันทำงานอยู่
“อ้าววี ทำไมวันนี้มาไว เราสลับกะกับส้มไม่ใช่เหรอ” พี่ปราบถามฉัน
“ใช่ค่ะ แต่ว่ารถไม่ติดเลยมาถึงไวเลย” เพราะฉันมักจะเผื่อเวลารถติดก่อนมาทำงานไว้เสมอ แต่วันนี้รถดันไม่ติดอย่างปกติซะงั้น
“งั้นเราไปนั่งรอก่อนก็ได้”
“ให้วีทำเลยก็ได้นะคะพี่ปราบ”
“มันจะกินแรงเราน่ะสิ ไหนจะปิดร้านอีกวันนี้”
“วีไหวค่ะ” คำพูดของฉันทำเอาพี่ปราบหันมามองหน้าฉันด้วยความเอ็นดู
“มีคนแบบเราสักสิบคน ร้านคงเจริญน่าดู”
“แหะ ๆ” ฉันก็ยิ้มให้พี่เขาไป
“งั้นเริ่มทำเลยก็ได้ เดี๋ยวพี่เพิ่มค่าแรงให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“เอาไปเถอะ อย่าทำฟรีเลย เจ้าของร้านเขารวยมาก ลูกส.ส.”
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ งั้นก็ได้ค่ะ” ฉันก็หัวเราะตอบกลับไป ก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของตัวเองอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน
“มาค่ะพี่น้ำ เดี๋ยววีช่วย”
“น้องวี มาเร็วจัง”
“รถไม่ติดน่ะค่ะ”
“เรานี่ขยันจริง”
“...” ฉันก็ยิ้มช่วยพี่น้ำเก็บกวาดทำความสะอาดเพื่อเตรียมพร้อมให้บริการลูกค้า โดยฉันก็ทำนู่นทำนี่ไป จนกระทั่ง...
“ลูกค้าเริ่มทยอยมาแล้ว ประจำโซนกันได้เลย” เสียงพี่ปราบเอ่ยบอก ทำให้พวกเรารีบเดินไปทำหน้าที่ตามที่พี่เขาบอกทันที
“นี่ของโต๊ะสี่” พี่ที่รับหน้าที่รับออเดอร์เดินเข้ามาบอกฉัน
“ค่ะ” ฉันก็รับออเดอร์เดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มและรอรับไปเสิร์ฟ
“ได้แล้ว” บาร์เทนเดอร์เอ่ยบอกฉัน
“ค่ะ” ฉันก็รับเครื่องดื่มเดินไปเสิร์ฟตามปกติ
“เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ” หลังจากที่ทำหน้าที่ตัวเองเสร็จ ฉันก็รีบเดินออกมาจากตรงนั้น ก็อย่างที่ทุกคนพอจะรู้ ในสถานที่แบบนี้ ก็มักจะมีคนประเภทมือไวอยู่ ฉันเองก็เคยเจออยู่บ่อยครั้ง จึงมักจะเลี่ยงออกมาทันทีที่ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ อะไรเซฟตัวเองได้ ฉันก็จะต้องทำ
ครืดดด ครืดดด ขณะที่ฉันกำลังยืนเพื่อรอรับออเดอร์จากพี่ที่ทำหน้าที่เชียร์อยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ฉันก็ดังขึ้น
พ่อ
“...” ฉันชะงักไปทันทีที่เห็นชื่อเรียกเข้า จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ในเมื่อพ่อแม่ฉันไม่รู้ว่าฉันทำงานอยู่ที่นี่ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะปกปิดหรืออะไรหรอกนะ แต่ฉันไม่อยากให้พวกท่านต้องมาเป็นห่วงต่างหาก
“เอาไงดี...” ตึกตึก สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจเดินออกไปรับโทรศัพท์ที่บริเวณหลังร้านเพราะมันเป็นจุดที่ค่อนข้างเงียบที่สุด
“โอเค”
ติ้ด!
“ว่าไงคะพ่อ”
(วี พ่อโทรมากวนรึเปล่า)
“ไม่เลยค่ะ พ่อมีอะไรรึเปล่าคะ”
(เปล่าหรอกลูก พ่อก็แค่คิดถึงหนู)
“วีก็คิดถึงพ่อค่ะ...” ให้ตายเถอะ กี่ครั้ง ๆ ก็ไม่เคยชิน เสียงสั่นทุกที TT
(ร้องไห้อีกแล้วเหรอเรา)
“เปล่าซะหน่อย วีไม่ได้ร้อง” แค่เสียงสั่นเอง...
(ฮ่า ๆ แล้วนี่หนูทำอะไรอยู่)
“เอ่อ...” ต้องโกหกพวกท่านอีกแล้วสินะ
“...อ่านหนังสือค่ะ พอดีพรุ่งนี้มีสอบย่อย” วีขอโทษนะคะพ่อที่ต้องโกหก
(อ้าวงั้นเหรอ งั้นพ่อไม่กวนหนูแล้วกันลูก)
“ค่ะ”
(พ่อคิดถึงหนูนะ)
“ค่ะ วีก็คิดถึงพ่อมาก ๆ”
(ไป ๆ อ่านหนังสือต่อเถอะลูก ไว้พ่อจะโทรหาใหม่นะ)
“ค่ะ ฝันดีนะคะพ่อ”
(จ้ะลูก) แล้วปลายทางก็ถูกตัดไป โดยฉันเองยังคงยืนซึมอยู่ที่เดิม บอกตามตรง...ฉันเองไม่ได้อยากทำแบบนี้ ไม่ได้อยากโกหกพ่อแม่ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือก ฉันไม่อยากให้พวกท่านต้องมาเป็นห่วง
“อ่านหนังสือในร้านเหล้าเหรอ” เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้นจากด้านหลังทำให้ฉันสะดุ้งหันไปมอง ก่อนจะชะงักไป
“...” เขาคือใครไม่รู้ ฉันไม่รู้จัก
“ไม่ยักรู้ว่าที่นี่อ่านหนังสือได้”
“...” ฉันก็นิ่งไม่ตอบพร้อมกับทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง
“หึ เด็กขี้โกหก”
“ฉันจำเป็นนะคะ” ฉันอดที่จะหันไปพูดใส่อีกคนไม่ได้
“แล้วฉันจำเป็นต้องเชื่อเธอเหรอ”
“...” ฉันก็มองหน้าคนตรงหน้า ท่าทีเขาดูกวนประสาทไม่ใช่เล่น
“จะเชื่อไม่เชื่อ ก็เรื่องของคุณค่ะ แล้วนี่มันก็เป็นเรื่องของฉัน” พูดจบ ฉันก็เดินออกมาจากตรงนั้นทันที ซึ่งก็ไม่วายรับรู้ได้ถึงสายตาของผู้ชายคนนั้นที่มองตามฉันมา แต่ฉันก็เลือกที่จะไม่สนใจ ฉันไม่รู้จักเขาสักหน่อย ทำไมต้องสนใจด้วยล่ะ ถ้าเขาจะตัดสินใจแค่ได้ยินที่ฉันคุยโทรศัพท์กับพ่อแค่นั้น ก็ช่างเขาเถอะ
ครืดดด ครืดดด
LINE (5)
Khun.p : ขอเลื่อนนัดเป็นศุกร์นี้แทน
Khun.p : อาทิตย์หน้าติดธุระ
Read 4
Khun.p : ?
Varin : โอเคค่ะพี่ขุน
Namkhing : รับทราบ!
Kin : ตามนั้น
Read 4
Khun.p : @Din ยังไง
Din : อืม
Khun.p : โอเค เจอกัน