หลังจากนั้นฉันก็ขยาดผู้ชายไปนานเลยล่ะจนกระทั่งที่ฉันได้เจอกับพี่น็อต พี่น็อตเป็นผู้ชายคนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาชอบที่ฉันเป็นฉัน พี่น็อตไม่เคยขอให้ฉันซื้ออะไรให้ ไม่เคยให้ฉันควักเงินเลี้ยงข้าว ไม่เคยถามว่าที่บ้านฉันว่าทำธุรกิจอะไร ฉันเลยคิดว่าฉันเจอแล้วผู้ชายที่จริงใจกับฉันจริงๆ แล้วที่สำคัญพี่น็อตให้เกียรติฉันมาตลอดมีแค่ช่วงหลังๆมานี้ที่พี่น็อตเริ่มแสดงให้เห็นว่าต้องการทำเรื่องแบบนั้นกับฉันแต่เราคบกันมาเป็นปีแล้วนี่เนอะบางทีมันก็อาจจะถึงเวลาที่ฉันควรจะให้ในสิ่งที่คนเป็นแฟนเขาทำกันสักที
หลังจากอาบน้ำแร่แช่น้ำนมจนสบายตัวฉันก็ทิ้งตัวลงมาที่เตียงก่อนจะหยิบมือถือมาดูเวลา
ห้าทุ่มแล้วหรอเนี่ย
เวลาฉันรู้สึกเหนื่อยๆหรือมีเรื่องไม่สบายใจฉันจะชอบเผลอหลับในอ่างเป็นประจำ มีอยู่ครั้งนึงตอนแช่ตัวอยู่ที่บ้านฉันเผลอหลับแล้วทำขวดไวน์แดงหกลงไปในอ่างพอแม่นมฉันเข้ามาเห็นคิดว่าฉันล้มหัวฟาดเลือดอาบอ่ะค่ะคิดดู
ฉันตัดสินใจโทรไปหาพี่น็อตกะจะถามว่าทำงานส่งอาจารย์ใกล้จะเสร็จหรือยังแต่ก็ไม่มีคนรับสายฉันเลยนอนเขี่ยมือถือเล่นจนเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ตื่นอีกทีก็ตอนที่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ดัง
“ค่ะพี่น็อต”
ฉันกรอกเสียงงัวเงียลงไป
“ฉันเองย่ะ”
พอได้ยินว่าเป็นเสียงยัยมีนฉันเลยเอามือถือมาดูก่อนจะพบว่าไม่ใช่เบอร์พี่น็อตจริงๆ
“มีอะไรโทรมาซะดึกเลย”
พอไม่ใช่พี่น็อตฉันก็เปลี่ยนโทนเสียงทันที คือฉันเป็นประเภทชัดเจนอ่ะค่ะ คุยกับเพื่อนเสียงนึงกับผู้ชายเสียงนึง
“แกรีบออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลยนะฉันอยู่ที่ผับxxแถวทองหล่อ”
“บอกแล้วไงว่าไม่ไป”
ฉันปฏิเสธแบบไม่ต้องคิด ที่จริงวันนี้ยัยมีนชวนฉันไปเที่ยวแต่ฉันอยากอยู่ฉลองวันเกิดกับพี่น็อตที่ห้องมากกว่าโดยบอกว่าพรุ่งนี้จะเลี้ยงข้าวมื้อใหญ่แทน
“แต่แกต้องมา รู้ไหมว่าฉันเจอใคร”
“ใคร อย่าบอกนะว่าเจอโจทย์เก่า”
ฉันขมวดคิ้วก่อนจะคิดว่าคนที่ยัยมีนบอกน่าจะเป็นผู้ชายที่เคยคบด้วย ยัยมีนก็เหมือนฉันเปลี่ยนแฟนบ่อย
“ไม่ใช่ย่ะฉันเจอพี่น๊อตของแกต่างหาก”
“จริงหรอ”
ฉันดีดตัวขึ้นจากที่นอนทันทีความง่วงเมื่อกี้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
“ยังไม่หมดพี่น็อตมาเที่ยวกับผู้หญิงแถมยังนัวเนียกันมาก”
“แกแน่ใจหรอมีน”
ที่ฉันถามเพราะฉันเชื่อว่าพี่น็อตไม่มีทางจะโกหกฉัน
“ถ้าแกคิดว่าฉันตาฝาดก็มาดูเองสิ รีบมาแล้วกันก่อนจะพากันไปเข้าม่านรูด”
ยัยมีนกดวางสายฉันทันที ฉันรีบแต่งตัวที่จริงก็ไม่ได้แต่งอะไรมากแค่หยิบๆเสื้อผ้าในตู้มาใส่แต่บังเอิญว่าเสื้อผ้าฉันส่วนใหญ่มีแต่สั้นๆรัดๆทั้งนั้นไม่ว่าฉันจะใส่ตัวไหนมันก็เลยเหมือนคนพร้อมออกท่องราตรี
ฉันใช้เวลาไม่นานมากก็มาถึงยังผับที่ว่าพอมาถึงยัยมีนก็ออกมารอฉันก่อนแล้ว
“แกแน่ใจนะว่าไหว”
“อือ ไหว”
พูดแล้วฉันก็เดินตามยัยมีนเข้าไปข้างใน ในผับค่อนเปิดเพลงข้างเสียงดังเต็มไปด้วยเหล่าผีเสื้อราตรีที่ต่างพากันวาดลวดลาย ฉันกับยัยมีนเดินเข้าไปด้านในสุดเป็นที่นั่งแบบโซฟา
“นั่นไง”
ยัยมีนพยักพเยิดหน้าไปตรงที่มีคนยืนเต้นกันเบียดเสียดแต่มีเหรอที่ฉันจะจำแฟนตัวเองไม่ได้
ฉันยืนกำหมัดพยายามไม่ให้น้ำตาไหลออกมาภาพที่ฉันเห็นคือพี่น็อตยืนคลอเคลียอยู่กับผู้หญิงคนนึง ไม่สิ น่าจะเรียกว่ายืนกอดจนแทบจะกดกันลงตรงนั้นมากกว่า
“พรีม แกจะทำอะไร”
ฉันหยิบแก้วเหล้าแล้วเดินเข้าไปหาพี่น็อตพอพี่น็อตเห็นหน้าฉันก็ตกใจจนหน้าซีดก่อนจะปล่อยมือออกจากเอวของผู้หญิงคนนั้น
“พรีม”
“ทำไมคะตกใจมากเหรอที่เจอพรีม”
ฉันยืนยิ้มทั้งที่หัวใจเจ็บปวด
“ใครเหรอคะพี่น็อต”
ผู้หญิงคนนั้นมองหน้าฉัน
“เอ่อ คือ…..”
“บอกไปสิคะว่าเราสองคนเป็นอะไรกัน”
ฉันพยายามใจเย็นและจะไม่โวยวาย
“แฟนพี่เอง”
หน้าพี่น็อตดูกระอักกระอ่วนมาก
“แฟนพี่น็อต? แล้วปรายล่ะคะปรายเป็นอะไรกับพี่น็อต”
“ขอโทษนะคืนนี้พี่แค่มาฉลองวันเกิดให้ปรายเฉยๆ ”
ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกเหยียบหน้าด้วยรองเท้าเลยค่ะ ฉันกับผู้หญิงคนนี้เกิดวันเดียวกันแต่พี่น๊อตโกหกฉันเพื่อจะมาอยู่กับคนอื่น
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย”
ผู้หญิงคนนั้นพูดแทนฉันแล้วสลัดมือออกจากพี่น็อตแล้วเดินสะบัดก้นออกไป
“พรีม พี่ขอโทษคือพี่……”
“ถือว่าพรีมกรวดน้ำให้พี่น็อตแล้วกันนะคะชาตินี้ชาติหน้าอย่ามาเจอกันอีกเลย”
ฉันสาดเหล้าที่ถือเข้ามาด้วยใส่หน้าพี่น็อตไปเต็มๆ คนก็มองกันทั้งผับ
พูดจบฉันก็เดินผ่านสายตาของทุกคนตอนนี้คงกำลังสมเพสฉันไม่ก็กำลังซุบซิบนินทาฉันอยู่แต่ฉันไม่แคร์ค่ะ
ฉันไม่ได้เป็นฝ่ายนอกใจทำไมฉันจะต้องอายด้วยล่ะ
“แกจะไปไหน”
ยัยมีนเดินตามฉันมาติดๆ
“กลับ”
“งั้นฉันไปด้วยคืนนี้ฉันจะอยู่กับแกเอง”
“ไม่ต้อง แกกลับไปสนุกต่อเถอะฉันไม่เป็นอะไร”
ฉันหันไปบอกยัยมีนที่กำลังจะเข้ามาในรถ
“ไม่ได้ให้ฉันไปอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า”
“ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มีนแกไม่ต้องเป็นห่วงฉันผู้ชายเลวๆ แบบนั้นออกไปจากชีวิตฉันได้มันก็ดีแล้วนี่” ฉันฝืนยิ้มทั้งที่น้ำตามันพร้อมจะไหลออกมาทุกเมื่อ ถึงพี่น็อตจะไม่ใช่แฟนคนแรกของฉันแต่ก็เป็นผู้ชายคนแรกที่ทำให้ฉันเชื่อว่าเขาจริงใจกับฉันจริงๆ ฉันคิดมาตลอดว่าถ้าเป็นฝ่ายถูกถูกชอบก่อนยังไงก็ต้องได้รับความรักกลับมา
แต่ฉันคิดผิด
“แกแน่ใจนะ”
ยัยมีนมองหน้าฉันด้วยความเป็นห่วง เราสองคนคบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้นเลยไม่แปลกที่จะเป็นห่วงและรู้จักฉันดี
“อือ แกไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกฉันไม่เป็นไรจริงๆ ”
ฉันยิ้มให้ยัยมีนสบายใจก่อนจะขับรถออกมาฉันรู้ว่าเพื่อนเป็นห่วงฉันแต่ในวันที่โหดร้ายกับฉันแบบนี้ฉันก็อยากเข้มแข็งและอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ฉันขับออกมาเรื่อยๆไปทางอย่างไม่มีจุดหมายรู้อีกทีฉันก็เลี้ยวรถมาเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยและดูจะเปลี่ยวเพราะไม่มีรถคันไหนขับสวนแต่ที่แย่กว่าคืออยู่ๆรถฉันก็เกิดดับ
นี่ใช่ไหมที่เขาบอกว่าคนมันจะซวยอะไรก็ซวยไปหมด
แล้วลูกคุณหนูอย่างฉันจะทำยังไงกับล้อรถที่ยางแบนไปข้างหนึ่ง
“มีอะไรให้ช่วยไหมครับ”
ผู้ชายท่าทางดูดีเดินลงมาจากรถที่จอดอยู่ท้ายรถฉัน
“เอ่อ คือยางรถแบนน่ะค่ะ”
“มียางสำรองไหมครับผมจะช่วยเปลี่ยนให้”
“รู้สึกว่าจะมีนะคะ”
ฉันนึกขึ้นได้ว่าป๊าให้คนเอายางสำรองติดรถไว้ฉันเลยเดินไปท้ายรถแต่ในตอนนั้นอยู่ๆผู้ชายคนนั้นก็เอามีดมาจ่อเอวฉัน
“ถ้าไม่อยากตายอยู่ข้างถนนก็รีบส่งกระเป๋ามา”
ฉันยืนตัวแข็งทื่อไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเคยเจอแต่ในข่าวไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอเข้ากับตัวเอง
ฉันค่อยๆก้มลงไปหยิบกระเป๋า
“ดีมากคนสวย”
มันดูว่าในกระเป๋าฉันมีของมีค่าอะไรบ้างพอดูเสร็จก็ส่งสัญญาณให้คนที่รออยู่ในรถขับมารับ
“อยากได้อะไรฉันให้หมดเลยแต่กระเป๋าฉันขอคืนเถอะนะ”
ฉันพูดน้ำเสียงสั่น ก็กระเป๋าใบนี้ของฉันเป็นกระเป๋าแฮนด์เมดรุ่นลิมิเตทอิดิชั่นที่หาซื้อไม่ได้อีกแล้ว ถ้าฉันไม่มีกระเป๋าใบนี้แล้วฉันจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง
“เสียใจด้วยนะคนสวยกระเป๋าใบนี้ท่าทางจะแพงน่าดูถ้าเอาไปขายต่อน่าจะได้เป็นแสน”
ดันฉลาดมองของแพงออก
“งั้นก็เอาไปเลย”
พอเห็นฉันยอมไอ้โจรก็ทำท่าจะเดินขึ้นรถแต่ในตอนนั้นฉันก็วิ่งไปถีบเข้าที่ขาแล้วรีบแย่งกระเป๋ากลับมาแล้วรีบวิ่งมาที่รถแต่ว่ามันก็ดันตามทันแล้วล็อกตัวฉันไว้
“แสบนักนะมานี่เลยสวยๆแบบนี้กุว่าพาไปจัดสักน้ำสองน้ำก่อนค่อยฆ่าทิ้งก็ได้”
มันหันไปพูดกับคนที่มาด้วยกันแล้วฉุดแขนฉันให้ขึ้นรถด้วยความกลัวฉันดิ้นขัดขืนและตะโกนขอความช่วยเหลือพวกมันคนนึงต่อยเข้ามาที่ท้องฉันจังๆ
"ปล่อยผู้หญิงเดี๋ยวนี้”
ฉันนอนกุมท้องอยู่ในรถได้ยินเสียงของใครสักคนดังขึ้นฉันพยายามพยุงตัวเองมองไปด้านหน้าของรถที่มีคนกำลังสู้กันอยู่เลยรู้ว่าคนที่มาช่วยฉันเป็นผู้ชายคนนึง
ผ่านไปแค่ชั่วพริบตาเสียงต่อสู้กันก็เงียบลงแล้วในตอนนั้นผู้ชายที่มาช่วยฉันก็เดินมาทางนี้
“เจ็บตรงไหนไหมครับ”
พอเห็นว่าฉันคงจะลุกเองไม่ไหวผู้ชายคนนั้นก็เข้ามาอุ้มฉันโดยไม่ได้รอคำตอบ
“คุณขับรถไหวไหมครับ ไม่ไหวสินะ”
เป็นอีกครั้งที่เขาไม่รอให้ฉันตอบคำถาม
“เดี๋ยวค่ะจะพาฉันไปไหนคะ”
ฉัยถามด้วยความตกใจเพราะเขาพาฉันมาที่รถตัวเอง บอกตามตรงนะว่าตอนนี้ฉันไม่อยากไว้ใจใครแล้ว
ถ้าผู้ชายคนนี้เป็นพวกหวังดีประสงค์ร้ายกับฉันล่ะแบบว่าหลอกให้ฉันตายใจแล้วฆ่าหมกศพฉันไว้ในป่าอ้อยจะทำยังไง
“บ้านคุณอยู่ที่ไหนเดี๋ยวผมขับไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะฉันขับกลับเองได้”
ฉันบอกทั้งที่ลุกขึ้นนั่งยังจะไม่ไหว ยอมรับว่าผู้ชายคนนี้หน้าตาหล่อเหลาแต่งตัวดีแต่โจรสองคนนั้นก็หล่อและแต่งตัวดีแบบนี้ไม่ใช่หรือไง
“กลัวผมหรอ”
“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอกผมมีงานการทำไม่จำเป็นต้องปล้นจี้ใครแล้วอาชีพของผมก็เป็นอาชีพที่ช่วยเหลือคนอื่น”
พอเห็นฉันอ้ำอึ้งเขาก็พูดต่อด้วยสีหน้าเรียบเฉย คือหน้าหล่อๆนั่นนิ่งมากอ่ะค่ะเหมือนเมื่อกี้ไม่ได้พึ่งไปสู้กับใครมา
“คุณเป็นตำรวจเหรอคะ”
ฉันเริ่มมีความหวังว่าอาจจะโชคดีได้เจอผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
“เปล่า ผมเป็นหมอ”