“คนนั้นใครเหรอ”
“น้อง”
“น้องไหน ?”
“อย่าจับผิดสิก็รุ่นน้องไง”
“ฝันแค่ถามเองมีแต่เบียร์นั่นแหละโวยวายอยู่คนเดียว”
“เออเนอะจะโวยวายทำไมก่อน”
“อย่าเยอะให้มาก! ไม่ได้คลานตามกันมาไม่อนุญาตให้เป็นน้องค่ะ”
“ครับผม”
นี่คือเบียร์แฟนของฉันเอง เราคบกันมาห้าปีแล้วค่ะตั้งแต่อยู่มัธยมต้นจนถึงตอนนี้ใกล้จบปวส.แล้วเราก็ยังคบกันอยู่ ความสัมพันธ์ของเรามันเนิ่นนานพอ ๆ กับการเติบโตนั่นแหละ เราเข้ากันดีมากเป็นทั้งเพื่อนและแฟนในเวลาเดียวกัน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของเมื่อก่อน ...
“ปกติกูไม่เห็นมึงตามเลยกับคนนี้ทำไมถึงตามวะ”
“ก็มันไม่ปกติไง”
“แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ มึงจะทำยังไง”
“...” คำถามของเอ้ทำเอาฉันไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนั่นแหละ
“แน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปเดี๋ยวพี่มึงรู้ก็แหกอกกูอีกหรอก”
“ก็อย่าให้รู้สิ”
“กูไม่มีทางเลือกสินะ เฮ้อ! เข้าก็เข้าวะ”
ตอนนี้ฉันหยุดอยู่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ใช่ค่ะอายุไม่ถึงยังเข้าไม่ได้แต่ยกเว้นที่นี่เขาไม่ได้เคร่งอะไรขนาดนั้น
“เพียงฝัน!” ใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกฉันก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า พี่ชายสุดที่รักของฉันนั่นเอง
“พี่ปั้น”
“พี่คิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก”
“หนูแค่อยากเห็นด้วยตาตัวตัวเอง”
“แล้วยังไงต่อ ? เห็นแล้วจะเลิกไหม”
“...”
เมื่อเห็นฉันเงียบเขาจึงจูงมือพาเข้าไปด้านในด้วยกันซึ่งที่โต๊ะมีเพื่อนเขานั่งกันอยู่ก่อนแล้ว
“มันอยู่ไหน”
“นั่นไง โซนซ้ายมือ” เอ้เป็นคนตอบ หูตามันไวกว่าฉันอีกค่ะ
มองตามไปก็เห็นเบียร์นั่งอยู่ ข้างเขาก็มีแต่เพื่อนที่วิทยาลัยไม่มีคนอื่นอย่างที่ฉันสงสัยเลย
“อย่าบอกนะว่ามาจับผิดแฟน” พี่จุ้นห่าวพูดขึ้นมาบ้างก่อนจะส่ายหน้าให้ฉันแล้วพูดต่อ “มานั่งข้างพี่มาไม่ต้องไปหามันหรอก มันรู้ไหมว่าเรามา”
“ไม่รู้ค่ะ หนูแค่มาตามเซนส์ตัวเองเฉย ๆ”
เบียร์เป็นคนมีเพื่อนเยอะค่ะ สังคมของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมากมาย ตรงไหนมีเขาตรงนั้นก็มีฉันแต่ช่วงหลังมานี้ข้างเขามันเริ่มไม่ใช่ฉันอย่างที่เคยเป็นแล้วล่ะ
“ดูสนิทสนมกันดีนะ” พี่ปั้นพูดขึ้นลอย ๆ พลางทอดสายตาไปทางเดียวกันกับฉัน “นั่นเพื่อนสนิทหนูไม่ใช่เหรอ”
“อืม”
นานนับชั่วโมงที่ฉันเฝ้ามองคนทั้งคู่กระหนุงกระหนิงกัน จะไม่อะไรเลยถ้ารอบตัวพวกเขาไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนที่ฉันเรียกว่าเพื่อน ทุกคนรู้เห็นและช่วยปิดบังกันอย่างดีด้วยซ้ำ
“ไอ้ปั้น มึงจะทำอะไรก็ทำสักอย่างสินั่งจ้องมันอยู่ได้แล้วก็เสือกหัวร้อนอยู่คนเดียวด้วยนะ”
“ไม่ล่ะ น้องกูมีวิธีจัดการ”
ไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาของพี่ปั้นกับเพื่อนของเขาเลยด้วยซ้ำ ที่ฉันสนใจอยู่ตอนนี้คือแช็ตที่ตอบกลับมาต่างหาก
“หายเงียบไปเลย”
[รูปภาพ]
[ห้าทุ่มกลับครับ]
รูปที่เบียร์ส่งมาคือเขากับเพื่อนนั่นแหละซึ่งเขาไม่ได้โกหกแต่แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรและยังคงนั่งมองอยู่แบบนั้น
“เอ้ ... มึงเป็นเพื่อนกูจริง ๆ ใช่ไหม” อยู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา บางทีคนที่ฉันมองว่าเขาเป็นเพื่อนเขาอาจจะไม่นับฉันเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ
“ไอ้เบียร์ไม่กลัวแต่กูกลัวแทนแล้วเนี่ย” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะหยิบแก้วในมือฉันไปดื่มจนหมด “เข้าห้องปกครองมาด้วยกันตั้งแต่เด็กไม่ใช่เพื่อนแล้วเรียกอะไรวะ”
“อย่างน้อยก็เหลือมึง” ตอบกลับพลางคลี่ยิ้มให้มันเล็กน้อย
“ใช้คำว่าเหลือเลยเหรอ จำได้ว่ากูกับมึงมีกันอยู่สองคนมาตั้งนานแล้วนะ”
“เออเนอะ ก็จริง”
เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืนก็เตรียมตัวจะกลับกันค่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้วเหลือฉันกับเอ้และพี่ปั้นที่ยังรออยู่
“เดี๋ยวหนูให้เอ้ไปส่งพี่กลับไปก่อนก็ได้ค่ะ”
“กลัวพี่จะต่อยมันเหรอ หึ! ไม่ต้องกลัวหรอกกูต่อยแน่” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพลางทำทีจะเดินเข้าไปหาเบียร์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของลานจอดรถ
“พี่ปั้นอย่า! หนูขอจัดการเองนะคะ” ฉันพยายามพูดอย่างใจเย็นหวังให้คนตรงหน้าใจเย็นเช่นกัน “พี่รู้ดีว่าหนูเป็นคนยังไง หนู...”
“ก็เพราะว่ารู้ไงถึงได้เป็นแบบนี้! พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเรามาเพื่อให้เป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นหรอกนะเพียงฝัน”
“รู้ค่ะ เชื่อสิว่าหนูมีวิธีจัดการ”
“...” พี่ปั้นไม่พูดอะไรออกมาอีกและยอมกลับบ้านแต่โดยดี
คล้อยหลังเขาฉันก็ยังคงมองใครอีกคนอยู่ห่าง ๆ เบียร์ยังคงส่งแช็ตรายงานมาตลอดว่าทำอะไรอยู่ เขาทำทุกอย่างเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด
“ตามไปไหม” เอ้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเบียร์ออกไปแล้ว ไม่รอให้ฉันได้ตอบมันก็ขับรถตามไป “กูภาวนาไม่ให้เลี้ยวซ้าย” ไม่ทันขาดคำคันที่ถูกตามก็เลี้ยวซ้ายจริง ๆ มันคือที่พักชั่วคราวค่ะ
ติ๊ง!
[เราถึงบ้านแล้วนะ รักเธอนะ ฝันดีครับ]
[รูปภาพ]
คำบอกรักถูกเอ่ยออกมาผ่านตัวอักษรพร้อมกับภาพถ่ายประตูบ้านที่ไม่รู้ว่าถ่ายไว้ตั้งแต่วันไหน
“กลับกันเถอะ”
“ไม่เข้าไปเหรอไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว”
“เข้าไปดูมันเอากันเหรอ”
“เปล่า เข้าไปกระทืบมันน่ะ” พากันเข้าโรงแรมม่านรูดไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้วค่ะว่าคืออะไร
“เจ็บจัง”
“ใจเย็น ๆ รักได้ก็เลิกรักได้ มึงไม่ต้องพยายามเลิกรักมันเลยเดี๋ยวการกระทำของมันก็ทำให้มึงเลิกรักไปเอง”
“แล้วกูไม่ดีตรงไหน...ฮึก!” มั่นใจว่าตัวเองเข้มแข็งนะแต่พอเจอแบบนี้แล้วมันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน
“มึงดีแต่มึงยังดีไม่ถูกคน เวลาห้าปีไม่ต้องไปเสียดายมันหรอกกับคนเหี้ย ๆ แบบนี้”
ตลอดทางมีเพียงเสียงสะอื้นของฉันที่ดังอยู่ ... เป็นอยู่แบบนั้นกระทั่งถึงบ้าน
“มีอะไรโทรหากูนะ”
“อืม ขอบใจมึงมากนะ”
เข้ามาในบ้านก็เห็นพี่ปั้นนั่งรออยู่ค่ะก็รอฉันนั่นแหละ พอเห็นหน้าเขาแล้วมันก็อยากร้องไห้ขึ้นมาอีก
“ฮึก!” ไม่มีเสียงตอบกลับมีเพียงอ้อมกอดที่ใช้ปลอบฉัน
ทุกครั้งที่ทะเลาะกับเบียร์พี่ปั้นมักพูดเสมอว่าฉันยังต้องเจอผู้คนอีกเยอะ ตอนนั้นฉันเข้าใจว่ามันคือประโยคปลอบใจแบบขอไปที คิดว่าเขาพูดเพื่อให้ฉันหันไปสนใจอย่างอื่นแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาพยายามเตือนมาตลอดแต่ฉันมันโง่ไม่เข้าใจความหวังดีนี้เอง