Episode-๐๑ ความรักของฉัน

1266 คำ
“คนนั้นใครเหรอ” “น้อง” “น้องไหน ?” “อย่าจับผิดสิก็รุ่นน้องไง” “ฝันแค่ถามเองมีแต่เบียร์นั่นแหละโวยวายอยู่คนเดียว” “เออเนอะจะโวยวายทำไมก่อน” “อย่าเยอะให้มาก! ไม่ได้คลานตามกันมาไม่อนุญาตให้เป็นน้องค่ะ” “ครับผม” นี่คือเบียร์แฟนของฉันเอง เราคบกันมาห้าปีแล้วค่ะตั้งแต่อยู่มัธยมต้นจนถึงตอนนี้ใกล้จบปวส.แล้วเราก็ยังคบกันอยู่ ความสัมพันธ์ของเรามันเนิ่นนานพอ ๆ กับการเติบโตนั่นแหละ เราเข้ากันดีมากเป็นทั้งเพื่อนและแฟนในเวลาเดียวกัน แต่นั่นมันก็เป็นเรื่องของเมื่อก่อน ... “ปกติกูไม่เห็นมึงตามเลยกับคนนี้ทำไมถึงตามวะ” “ก็มันไม่ปกติไง” “แล้วถ้ามันเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ มึงจะทำยังไง” “...” คำถามของเอ้ทำเอาฉันไปต่อไม่ถูกเหมือนกัน แต่อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนั่นแหละ “แน่ใจเหรอว่าจะเข้าไปเดี๋ยวพี่มึงรู้ก็แหกอกกูอีกหรอก” “ก็อย่าให้รู้สิ” “กูไม่มีทางเลือกสินะ เฮ้อ! เข้าก็เข้าวะ” ตอนนี้ฉันหยุดอยู่หน้าสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ใช่ค่ะอายุไม่ถึงยังเข้าไม่ได้แต่ยกเว้นที่นี่เขาไม่ได้เคร่งอะไรขนาดนั้น “เพียงฝัน!” ใครคนหนึ่งเอ่ยเรียกฉันก่อนจะหยุดยืนตรงหน้า พี่ชายสุดที่รักของฉันนั่นเอง “พี่ปั้น” “พี่คิดว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก” “หนูแค่อยากเห็นด้วยตาตัวตัวเอง” “แล้วยังไงต่อ ? เห็นแล้วจะเลิกไหม” “...” เมื่อเห็นฉันเงียบเขาจึงจูงมือพาเข้าไปด้านในด้วยกันซึ่งที่โต๊ะมีเพื่อนเขานั่งกันอยู่ก่อนแล้ว “มันอยู่ไหน” “นั่นไง โซนซ้ายมือ” เอ้เป็นคนตอบ หูตามันไวกว่าฉันอีกค่ะ มองตามไปก็เห็นเบียร์นั่งอยู่ ข้างเขาก็มีแต่เพื่อนที่วิทยาลัยไม่มีคนอื่นอย่างที่ฉันสงสัยเลย “อย่าบอกนะว่ามาจับผิดแฟน” พี่จุ้นห่าวพูดขึ้นมาบ้างก่อนจะส่ายหน้าให้ฉันแล้วพูดต่อ “มานั่งข้างพี่มาไม่ต้องไปหามันหรอก มันรู้ไหมว่าเรามา” “ไม่รู้ค่ะ หนูแค่มาตามเซนส์ตัวเองเฉย ๆ” เบียร์เป็นคนมีเพื่อนเยอะค่ะ สังคมของเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องมากมาย ตรงไหนมีเขาตรงนั้นก็มีฉันแต่ช่วงหลังมานี้ข้างเขามันเริ่มไม่ใช่ฉันอย่างที่เคยเป็นแล้วล่ะ “ดูสนิทสนมกันดีนะ” พี่ปั้นพูดขึ้นลอย ๆ พลางทอดสายตาไปทางเดียวกันกับฉัน “นั่นเพื่อนสนิทหนูไม่ใช่เหรอ” “อืม” นานนับชั่วโมงที่ฉันเฝ้ามองคนทั้งคู่กระหนุงกระหนิงกัน จะไม่อะไรเลยถ้ารอบตัวพวกเขาไม่ใช่คนที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนที่ฉันเรียกว่าเพื่อน ทุกคนรู้เห็นและช่วยปิดบังกันอย่างดีด้วยซ้ำ “ไอ้ปั้น มึงจะทำอะไรก็ทำสักอย่างสินั่งจ้องมันอยู่ได้แล้วก็เสือกหัวร้อนอยู่คนเดียวด้วยนะ” “ไม่ล่ะ น้องกูมีวิธีจัดการ” ไม่ได้สนใจฟังบทสนทนาของพี่ปั้นกับเพื่อนของเขาเลยด้วยซ้ำ ที่ฉันสนใจอยู่ตอนนี้คือแช็ตที่ตอบกลับมาต่างหาก “หายเงียบไปเลย” [รูปภาพ] [ห้าทุ่มกลับครับ] รูปที่เบียร์ส่งมาคือเขากับเพื่อนนั่นแหละซึ่งเขาไม่ได้โกหกแต่แค่บอกไม่หมดเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไรและยังคงนั่งมองอยู่แบบนั้น “เอ้ ... มึงเป็นเพื่อนกูจริง ๆ ใช่ไหม” อยู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา บางทีคนที่ฉันมองว่าเขาเป็นเพื่อนเขาอาจจะไม่นับฉันเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ “ไอ้เบียร์ไม่กลัวแต่กูกลัวแทนแล้วเนี่ย” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยก่อนจะหยิบแก้วในมือฉันไปดื่มจนหมด “เข้าห้องปกครองมาด้วยกันตั้งแต่เด็กไม่ใช่เพื่อนแล้วเรียกอะไรวะ” “อย่างน้อยก็เหลือมึง” ตอบกลับพลางคลี่ยิ้มให้มันเล็กน้อย “ใช้คำว่าเหลือเลยเหรอ จำได้ว่ากูกับมึงมีกันอยู่สองคนมาตั้งนานแล้วนะ” “เออเนอะ ก็จริง” เวลาล่วงเลยมาจนถึงเที่ยงคืนก็เตรียมตัวจะกลับกันค่ะ ทุกคนแยกย้ายกันไปหมดแล้วเหลือฉันกับเอ้และพี่ปั้นที่ยังรออยู่ “เดี๋ยวหนูให้เอ้ไปส่งพี่กลับไปก่อนก็ได้ค่ะ” “กลัวพี่จะต่อยมันเหรอ หึ! ไม่ต้องกลัวหรอกกูต่อยแน่” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยพลางทำทีจะเดินเข้าไปหาเบียร์ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของลานจอดรถ “พี่ปั้นอย่า! หนูขอจัดการเองนะคะ” ฉันพยายามพูดอย่างใจเย็นหวังให้คนตรงหน้าใจเย็นเช่นกัน “พี่รู้ดีว่าหนูเป็นคนยังไง หนู...” “ก็เพราะว่ารู้ไงถึงได้เป็นแบบนี้! พ่อแม่ไม่ได้เลี้ยงเรามาเพื่อให้เป็นคนโง่ในสายตาคนอื่นหรอกนะเพียงฝัน” “รู้ค่ะ เชื่อสิว่าหนูมีวิธีจัดการ” “...” พี่ปั้นไม่พูดอะไรออกมาอีกและยอมกลับบ้านแต่โดยดี คล้อยหลังเขาฉันก็ยังคงมองใครอีกคนอยู่ห่าง ๆ เบียร์ยังคงส่งแช็ตรายงานมาตลอดว่าทำอะไรอยู่ เขาทำทุกอย่างเหมือนเดิม ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด “ตามไปไหม” เอ้เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าเบียร์ออกไปแล้ว ไม่รอให้ฉันได้ตอบมันก็ขับรถตามไป “กูภาวนาไม่ให้เลี้ยวซ้าย” ไม่ทันขาดคำคันที่ถูกตามก็เลี้ยวซ้ายจริง ๆ มันคือที่พักชั่วคราวค่ะ ติ๊ง! [เราถึงบ้านแล้วนะ รักเธอนะ ฝันดีครับ] [รูปภาพ] คำบอกรักถูกเอ่ยออกมาผ่านตัวอักษรพร้อมกับภาพถ่ายประตูบ้านที่ไม่รู้ว่าถ่ายไว้ตั้งแต่วันไหน “กลับกันเถอะ” “ไม่เข้าไปเหรอไหน ๆ ก็มาถึงขนาดนี้แล้ว” “เข้าไปดูมันเอากันเหรอ” “เปล่า เข้าไปกระทืบมันน่ะ” พากันเข้าโรงแรมม่านรูดไม่ต้องถามก็รู้อยู่แล้วค่ะว่าคืออะไร “เจ็บจัง” “ใจเย็น ๆ รักได้ก็เลิกรักได้ มึงไม่ต้องพยายามเลิกรักมันเลยเดี๋ยวการกระทำของมันก็ทำให้มึงเลิกรักไปเอง” “แล้วกูไม่ดีตรงไหน...ฮึก!” มั่นใจว่าตัวเองเข้มแข็งนะแต่พอเจอแบบนี้แล้วมันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน “มึงดีแต่มึงยังดีไม่ถูกคน เวลาห้าปีไม่ต้องไปเสียดายมันหรอกกับคนเหี้ย ๆ แบบนี้” ตลอดทางมีเพียงเสียงสะอื้นของฉันที่ดังอยู่ ... เป็นอยู่แบบนั้นกระทั่งถึงบ้าน “มีอะไรโทรหากูนะ” “อืม ขอบใจมึงมากนะ” เข้ามาในบ้านก็เห็นพี่ปั้นนั่งรออยู่ค่ะก็รอฉันนั่นแหละ พอเห็นหน้าเขาแล้วมันก็อยากร้องไห้ขึ้นมาอีก “ฮึก!” ไม่มีเสียงตอบกลับมีเพียงอ้อมกอดที่ใช้ปลอบฉัน ทุกครั้งที่ทะเลาะกับเบียร์พี่ปั้นมักพูดเสมอว่าฉันยังต้องเจอผู้คนอีกเยอะ ตอนนั้นฉันเข้าใจว่ามันคือประโยคปลอบใจแบบขอไปที คิดว่าเขาพูดเพื่อให้ฉันหันไปสนใจอย่างอื่นแค่นั้นเอง แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาพยายามเตือนมาตลอดแต่ฉันมันโง่ไม่เข้าใจความหวังดีนี้เอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม