การดูตัว ณ อาหารจีนชื่อดัง
“คิดถึงจังเลยเจ้าขา ไทเกอร์ด้วยนะ” ผู้ใหญ่ทักทายกันตามประสาคนเคยสนิท แบบหอมปากหอมคอ หลังจากการดูตัวที่พังหลายต่อหลายครั้ง เพราะพัชชาและตะวันฉายไม่ให้ความร่วมมือ แต่ครั้งนี้มันเป็นถูกบังคับมาของคนทั้งคู่ ทำให้หญิงชายที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันแทบไม่มองหน้ากันเลย
“ผิงไหว้พี่เขาสิลูก” เจ้าขาบอกให้ลูกทักทายชายหนุ่มตรงหน้า
“พี่เค้าไม่ได้ใส่ชุดเหลือง หัวก็ไม่โล้น ม้าคงจะเข้าใจผิด แล้วพี่เค้าก็ออกจะหล่อเหลาเอาการ ไม่ได้แก่เลย หนูคงจะไม่ต้องไหว้ แต่หากจะต้องไหว้ วันนี้หนูใส่ชุดขาว และถือพรหมจรรย์ หนูอาจจะจะเป็นแม่ชีก็ได้” ประโยคยาวเหยียด ที่พัชชาพูดออกมาเพียงเพื่อไม่อยากจะไหว้คนที่อายุมากกว่า เรียกความสนใจจากคนทั้งห้องอาหาร ต่างจากตะวันฉายที่อยู่ๆก็อยากจะพูดขึ้นมา
“ไร้วุฒิภาวะ มีความเป็นเด็กสูง ชอบเอาชนะ ไร้สัมมาคารวะ” ประโยคของตะวันฉายทำให้หญิงตรงหน้าน้ำตาแตกทันที สร้างความตกใจให้เขาเป็นอย่างมาก ไม่นึกว่าหญิงสาวจะจิตใจเบาะบางขนาดนี้
“ขอโทษค่ะพี่ตะวัน หนูไม่ได้ตั้งใจ หนูไม่ได้อยากมา พี่ก็รู้ใช่ไหมคะ ขอโทษนะคะหนูคิดว่าถ้าหนูทำตัวแรงๆพี่จะเกลียด” พัชชาพยายามจะหยิบกระดาษทิชชูเพื่อซับน้ำตา แต่แขนของเธอกลับไปเฉียดแก้วน้ำจนเกือบจะหกใส่ตะวันฉาย แต่เขากลับรับมันเอาไว้ได้ก่อน ทำให้ในใจของพัชชาสั่น สั่นด้วยความโกรธที่แผนของตัวเองไม่สำเร็จ
“โธ่ ผิง พี่เข้าเปียกหมดเลย” เจ้าขาแม่ของหญิงสาวรีบปรามลูก
“ไม่เป็นไรครับ คุณอา ผมโอเค”
“ไม่ได้นะคะ ผิงเช็ดให้” พัชชาหยิบผ้าเช็ดปากที่ตัวเองทำเลอะน้ำจิ้มไปเช็ดเสื้อให้ตะวันฉายด้วยน้ำตา ซึ่งตะวันฉายรู้ว่ามันเป็นการแกล้ง แต่ก็ยอมให้เช็ด เพราะอยากจะให้แผนของหญิงสาวสำเร็จ เขาจะได้รีบๆ กลับสักที ขืนยังอยู่ที่นี่มันช่างเสียเวลาของเขาเหลือเกิน
“โกหกสินะ โกหกไม่เนียนไปเรียนมาใหม่” เสียงกระซิบเบาที่หูของพัชชา ทำให้หญิงสาวตกใจ แล้วยิ่งเช็ดเสื้อของตะวันฉายให้มันเลอะมากขึ้น
“อ๊ะ!!! เสื้อของพี่เลอะเลย เลอะได้ยังไงกัน” เสื้อที่เลอะเทอะของตะวันฉายเป็นหลักฐานชิ้นโต ว่ามันเป็นการกระทำของพัชชา
“แม่ครับ แม่เห็นแล้วนะ ว่าผมไม่ได้ก่อเรื่อง น้องก่อเรื่อง ขอโทษนะครับ สัญญาของเราจบลงแล้ว” รอยยิ้มของผู้ชนะของชายหนุ่ม มองฉาบเด็กสาวที่อุตส่าห์ยอมเล่นใหญ่ แต่ตะวันฉายกลับไม่อารมณ์เสียใส่เธออย่างที่เธอคิด กลับทิ้งความผิดให้เธอตู้มใหญ่ แล้วเดินออกจากห้องอาหารอย่างผู้ชนะ
“ตะวัน ไอ้ตะวัน!!!” หญิงชรา แผดเสียงเรียกคนเป็นลูกชาย ที่ตอนนี้ไม่ได้สนใจจะเดินกลับมา
“อาซีคะ ลูกสาวฉันผิดเองค่ะ ลูกสาวฉันร้ายเอง ร้ายแบบเหมือนเวรกรรมตามสนอง”
“ไม่เป็นไร เชื่อเถอะมันร้ายพอกัน” หญิงชราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กับชายหญิงที่สติปัญญาพาลำบาก
“พัชชา เรื่องนี้ไม่น่ารัก ม้าจะฟ้องป๊า ป๊าจะไม่ยอมหนูแน่ๆ”
พัชชาโดนต่อว่า ทั้งที่อีกฝ่ายยอมให้เธอทำจนเกิดเรื่อง เพราะครั้งแรกตะวันฉายคว้าแก้วเอาไว้ มันบอกว่าเขาไม่ได้อยากให้เสื้อผ้าตัวเองเลอะเทอะ แต่พัชชาไปทำเสื้อตะวันฉายเปื้อนมันเลยเป็นความผิด ที่อีกฝ่ายยอมให้มันผิด
.
.
2 เดือนต่อมา
“ป๊าคะ หนูไม่หมั้นกับพี่อาร์ทได้ไหม ป๊าก็รู้หนูมีแฟนแล้ว ครั้งที่แล้วก็คุณตะวันฉาย ป๊าคะ หนูไม่อยากหมั้นกับใครเลย น่าน้อยใจ ป๊าไม่เห็นบังคับไอ้เจ้าพูเลย” หญิงสาววัยแรกแย้มเพิ่งจะเรียนจบ อายุอานาม 22 ปีเท่านั้น ผิง หรือ พัชชา หญิงสาวที่จบแฟชั่นดีไซน์มาเพื่อมาช่วยธุรกิจของที่บ้านที่มันมีมากมาย แต่เธอกลับต้องหมั้นหมายกับคนที่พ่อของเธอต้องการ ต่างจากน้องชาย ที่จะทำอะไรก็ได้ไม่เคยถูกบังคับใดๆ
“อะไร ให้เลือกแล้ว คนนั้นก็ไม่เอา คนนี้ก็ไม่เอา แล้วตัวเองจะเอาอะไร ครั้งที่แล้วไปทำมารยาทไม่ดีในการดูตัว จนตะวันฉายเดินออกจากห้องอาหาร ครั้งนี้ลูกนักการเมืองก็ไม่ชอบอีก” ชายวัยกลางคนถามบุตรสาวที่มีท่าทีไม่พอใจด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย มือก็ยังคีบอาหารเข้าปาก เพราะเขารู้อยู่แล้วแล้วรู้สาวของตัวเองร้ายมาก แต่ซ่อนมันไว้ใต้ความน่ารัก
“แกต้องเข้าใจนะผิง ป๊าไม่ชอบแฟนของแกต่างหาก ถึงให้หมั้น เกี่ยวอะไรกับฉันที่ไหน” คนเป็นน้องชายฝาแฝดเงยขึ้นมาคุยกับคนเป็นพี่สาวเพียงแค่ 6 นาที ก่อนจะก้มหน้าทานอาหารที่รังสรรค์จะพ่อครัวระดับภัตตาคาร
“ป๊า หนูจะไม่หมั้น ไม่แต่ง ไม่อะไรทั้งนั้น หนูอยากอยู่กับป๊าไปจนตาย นะคะน้าาาา” ผิงยังคงเสียงออดอ้อนให้คนเป็นพ่อยอมใจอ่อน เพราะรู้ว่ายังไงพ่อก็รักเธอที่สุด ยังไงถ้าเธอแข็งไม่ยอมหมั้น พ่อเธอจะต้องตามใจ แต่อาการแข็งข้อของเธออยู่ได้ไม่นานเพราะผู้เป็นมารดาของเธอ พาลูกชายนักการเมืองมากินข้าวร่วมโต๊ะกันถึงในบ้าน
“น้องผิง เอ่อคือ คุณพ่อของพ่อพี่ให้ชวนน้องผิง ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยกัน พี่เลยมาขออนุญาติจากคุณอาไทเกอร์ ได้ไหมครับ” อาร์ท หรือ องอาจ ลูกชายนักงานเมืองที่มีชื่อเลื่องลือ
“อนุญาติ”
“ป๊าคะ ป๊าขาาาาาา หนูขอนะคะ ป๊าก็รู้ว่าหนูงานเยอะ หนูจะต้องถ่ายแบบเสื้อผ้า หนูไปไม่ได้” ผิงพยายามให้พูดให้คนเป็นใจอ่อนโดยเอางานของที่บ้านขึ้นมาอ้าง เธอไม่เข้าใจทำไมคนในครอบครัวถึงไม่ชอบแฟนเธอนัก ทั้งที่แฟนของเธอนั้นเป็นคนดี เรียนเก่ง ทำงานเก่ง พร้อมที่จะช่วยงานเธอจนยอมเข้ามาทำงานที่บริษัทของเธอ
“ขอโทษนะพ่ออาร์ท ทริปนี้น้องคงไปด้วยไม่ได้ เพราะน้องมีงาน ทริปหน้านะ” คำตอบของคนเป็นพ่อให้คนเป็นลูกสาวยิ้มหวานออกมาในความสำเร็จของตัวเอง
หลังจากองอาจได้ลากลับ ทำให้คนที่ดูเรียบร้อยได้ยิ้มร่ากับชัยชนะเล็กๆ แต่ชัยชนะไม่มีจริง เพราะประโยคที่ตามมาของคนเป็นพ่อ คือพ่อของเธอนั้นจะไปทริปนี้แทน เพื่อคุยเรื่องหมั้นให้เร็วที่สุด ความชาวาบที่ฉาบไปทุกอนูรูขุมขนของร่างบางมันตามมาด้วยเรี่ยวแรงที่หายหมด เพราะพ่อของเธอสั่งให้ภรรยาจัดกระเป๋าทันที ความหวังของพัชชามลายหายไปจนสิ้น
“เลือกเลย จะเอาไอ้บ้ากามองอาจ หรือคนที่คุยกันได้แบบพี่ตะวัน” เสียงจากปีศาจร้ายที่กระดิกหางแหลม มันทำให้พี่สาว 6 นาทีอย่างพัชชาโยนของที่ใกล้มือที่สุดให้น้องชาย แต่คนเป็นน้องชายกลับรับได้แล้วยิ้มฉีกปากบอกถึงการสมน้ำหน้าอย่างชัดเจน
พัชชา Say ::
ฉันพัชชา ก็แค่พัชชา ฉันมีแฟนที่น่ารักชื่อต้น ต้นเป็นผู้ชายที่เสมอต้นเสมอปลาย แม้เขาจะจน แต่ก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงาน ฉันคบกับต้นมาแค่ 2 เดือน ตั้งแต่วันที่เรียนจบ ต้นมาขอฉับคบ ฉันเลยคิดว่าลองดู ก็ไม่เสียหาย ฉันเพิ่งจะอายุ 22 ขวบ แต่ป๊าของฉัน ดันอยากให้ฉันหมั้นหมาย เพราะไม่ชอบต้น โคตรไร้สาระเลย พี่ตะวันและพี่อาร์ทเป็นมือวางอันดับหนึ่งและสองของป๊าฉัน แต่คือฉันมีแฟนแล้วไง ทั้งสองคนที่พ่อฉันเลือกเปลี่ยนแฟนบ่อยมากกว่าฉันเปลี่ยนกระเป๋า
Rrrrrrrrr Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrr
[ Ton Calling....... ]
สายสนทนา
“ว่าไงต้น กำลังเซ็งเลย พ่อยื่นคำขาดให้หมั้นกับพี่อาร์ทแล้ว แต่ฉันจะไม่หมั้นกับใครทั้งนั้น”
[ เหรอ วันนี้ต้นได้ซองขาว ต้นโดนไล่ออก พร้อมเงินชดเชย 10 เดือน ไม่แปลกใจเลยทำไมถึงโดนไล่ออก สู้ๆนะผิง ผิงไม่มีใคร ผิงมีต้นนะ ]
“ไล่ออก ป๊าทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ ฉันจะไปคุยกับป๊า แบบนี้มันเกินไป”
[ อย่าเลย ต้นไม่อยากให้ผิงทะเลาะกับพ่อ ต้นหางานใหม่ก็ได้ ผิงเถอะ ไหวไหม ออกมาหาต้นไหม ]
“งั้น ผิงไปหาต้นที่ห้องนะ รอก่อน เดี๋ยวเราไปกินข้าวกัน”
จบสายสนทนา
เห็นไหมว่าต้นน่ารักแค่ไหน แต่ป๊าของฉันนั่นแหละที่ไม่น่ารัก ฉันขับรถออกจากบ้านไปหาต้นที่ห้องเช่า แน่นอนว่าหนีออกมาจากบ้านยังไงล่าาาาา ฉันโทรบอกให้เขาลงมารอฉันอยู่หน้าตึก เพราะการที่ฉันจะไปไหนต้องปลอมตัวไปอย่างกับพวกทำอะไรผิดมันคงไม่มีใครให้เข้าตึกแน่ๆ หมวก แว่น และแจ๊คเก็ตหลวมตัวใหญ่ ไม่เหลือเค้าโครงความเป็นลูกคุณหนูหมื่นล้านเลย
“โอ้โห วันนี้ยิ่งกว่าทุกวันเลย หนักเลยเหรอ”
“ใช่ ไปเถอะ กินข้าวกัน” ฉันเดินไปที่รถคันหรู แต่ต้นกลับดึงฉันเข้าไปในตึกเก่าๆ โทรมๆ รับไม่ได้เลยแฮะ ถ้าให้ฉันอยู่ที่แบบนี้ ฉันอยู่ไม่ได้อ่า
“ไปข้างบนดีกว่า ฉันทำอาหารไว้ให้แล้ว”
เมื่อเข้ามาในห้องเล็กๆ เล็กกว่าห้องน้ำคนใช้บ้านฉันด้วยซ้ำ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเคยเข้ามาในห้องของต้น ในห้องของเขาก็ไม่ต่างจากห้องผู้ชายปกติ มีโปสเตอร์วงดนตรีที่ชอบ เตียงที่จัดอย่างเป็นระเบียบ แต่ถึงอย่างนั้นของในห้องก็มีของแบรนด์ มี Macbook iPad iPhone ที่วางเรียงชาร์จแบทเอาไว้
“ต้น อยู่คอนโดไหม ให้ฉันมาหาที่แบบนี้บ่อยๆ ฉันกลัวเป็นข่าว ไหนจะเรื่องความปลอดภัยอีก แบบนี้ฉันรู้สึกไม่เซฟตัวเอง คอนโดเดียวกับฉันและไอ้พูก็ได้ ฉันหาห้องให้” ฉันนั่งลงที่ปลายเตียงของต้นที่ปูเอาไว้อย่างดี ไม่ได้ให้ท่านะแต่มันไม่มีโซฟาให้นั่งนี่
“อย่าเลยลำบาก ให้ฉันไปหาผิงก็ได้ แบบนี้ผิงจะปลอดภัยด้วย ไม่ต้องปลอมตัวออกมาแบบนี้ด้วย” ต้นเดินมาปลดเปลื้องเสื้อแจ็กเกตของฉันออก พร้อมกับถอดแว่นตาดำที่ซ่อนแววตาของฉันเอาไว้
“ได้ยังไง ไอ้พูมันก็เอาไปฟ้องป๊า ป๊าฉันไม่ชอบผู้ชายสักคนที่เข้ามาในชีวิตฉัน ทุกคนโดนทำให้เลิกหมด” ใช่ ป๊าไม่เคยชอบผู้ชายของฉันสักคน หาเรื่องทำให้เลิกกันตลอด
“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าท่านรู้ว่าฉันรักจริง ท่านจะยอมถอย” มือใหญ่ประคองหน้าฉันเข้าไปใกล้
รักอย่างนั้นเหรอ ความรักคืออะไร ฉันเองรักต้นแล้วหรือไง เปล่าหรอกมันแค่การคบผู้ชายประชดพ่อ ไม่ได้รู้สึกอะไรขนาดนั้น 2 เดือนเองนะ ไวไปพ่อคุณ แต่อะไรที่ขัดใจป๊าได้ ฉันก็อยากทำทั้งนั้น ฉันมองคนที่เดินไปทำอาหารกับกะทะไฟฟ้าเล็กๆ พยายามจังนะ ถ้าไม่ใช่เพราะต้นขอฉันคบต่อหน้าป๊าในวันรับปริญญา เราก็อาจจะไม่ได้คบกัน ตอนนี้ป๊าที่อยู่ที่บ้านจะเป็นยังไงนะ อกแตกรึยังไง ฉันสไลด์โทรศัพท์เพื่อช้อปปิ้งมีความสุขกับชัยชนะเล็กๆอีกครั้ง
“แหวนวงนี้สวยจังเลย”
“สวยจริงด้วย ซื้อสิครับ มันอยู่นิ้วของผิงต้องสวย” คนที่จู่ๆก็โผล่มาข้างหลังแล้วโอบกอดฉันเอาไว้ ทำให้ฉันตกใจ ไม่ตกใจที่ตัวเองถูกกอด แต่ตกใจแสงเรเซอร์สีแดง ที่ส่องสว่างอยู่กลางหน้าของต้น!!!!!!
อ๊ากกกกกกกก ป๊า นี่มันอะไรกันเนี่ยยยยยยยยยยยย นี่ถึงขั้นจะยิงทิ้งเลยเหรอ ไม่ปลอดภัย ที่นี่ไม่ปลอดภัยอย่างรุนแรง ที่นี่อยู่ไม่ได้แล้วสิ
อีกด้าน
สายสนทนา
“ครับ คุณหนูเข้าไปในตึกรูหนูนั่นแล้วครับ คุณท่านจะเอายังไง” ผู้ชายที่ใส่สูทส่องกล้องส่องไกลจากในรถ มองผู้หญิงที่แต่งตัวแสนประหลาด หมวกตกปลา แว่นตาดำ แมสปิดหน้า จนแทบจำไม่ได้ แต่ดันขับรถของที่บ้านที่มี GPS ติดตามออกมา
[ ยัยหนูไม่ใช่คนโง่ แค่ดูแลความปลอดภัยแบบที่เคยทำก็พอ ]
“รับทราบครับ”
จบการสนทนา
“พวกสไนเปอร์ ขึ้นไปตึกฝั่งตรงข้าม จับตาดูเอาไว้จนกว่าคุณหนูจะออกจากห้อง ส่วนภาคพื้นดิน รอบุกเข้าทางหน้าประตู ปฏิบัติ” เสียงสั่งงานจากคนที่นั่งในรถ ทำให้บอดี้การ์มากมายรีบวิ่งกรูไปทำสิ่งที่สั่ง
“ครับผม”