EP.9 : อารมณ์ชั่ววูบ

3235 คำ
ฉันกลับมาถึงโรงแรม ต้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันหายไป แถมมาถึงนี่พี่ตะวันก็เมินฉันไปเลย เพราะอะไรก็ไม่รู้ ฉันมองแหวนหมั้นกับกระเป๋าตังที่ซื้อมาให้ต้น แต่ยังไม่มีโอกาสได้ให้สักที “ไอ้พู แกจะใส่แต่บ๊อกเซอร์เดินในห้องแบบนี้อีกนานไหม จะใส่เสื้อผ้าก็ใส่สักที” ฉันมองคนที่กำลังจะแต่งตัวหล่อเดินไปเดินเปลี่ยนนู่นใส่นี่ ทำทำไม?? “ฉันจะจีบโรส ฉันก็ต้องแต่งตัวหล่อดิ อยากจีบโรสแข็งกับพี่ตะวัน” “ชอบโรสเหรอ ทำไมถึงจีบ ทำไมต้องแข่ง ไหนเล่าาาาาา แก...ฉันไม่อยากมีเพื่อนเป็นน้องสะใภ้” ฉันรีบลากน้องชายมาคุยให้รู้เรื่อง แต่น้องชายฉันกลับยิ้มหน้าระรื่น “เพราะฉันอยากได้พี่ตะวันเป็นพี่เขยไง เลยต้องไปจีบแข่ง” “แกมีอะไรจะพูด พูดมา” ไอ้พูไปรู้อะไรมา อาการของมันฟ้องว่ามันกำลังสนุก มีความสุขมากจนตาปิดเลย ไอ้อาการเดินไปฮัมเพลงไป เต้นไป มันบอกมาชัดเจนว่ามันคิดแผนชั่วอยู่แน่ๆ “จะพูดอะไร ฉันเห็นแกนอนกอดเค้าไง ฉันคิดได้ว่า อู้วววววว แย่งโรสมา แกอาจจะได้เสียกับพี่ตะวันก็ได้” นี่คือสิ่งที่น้องควรพูดกับพี่เหรอ “ไอ้ทุเรศ คิดได้ไงวะ ไม่มีอะไรเลย ไม่ได้ทำอะไรเลย ติดที่ทางหนีไฟกันทั้งคืน ฉันก็มองพี่ตะวันเหมือนที่ฉันมองแก ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ฉันมีแฟนแล้ว ฉันคิดด้วยว่าต่อไปฉันจะห่างๆกับพี่ตะวันมากกว่านี้ เพราะแกเลย” “ความดีทั้งคืนของพี่ตะวันไม่ช่วยให้แกรู้สึกเลยรึไงพี่สาว นี่ละน้าที่เค้าบอกว่าคนที่อยู่ในเกมมักไม่เห็น ขอให้ตาสว่างไวๆนะแกไม่ใช่คนโง่ แค่ไว้ใจคนผิด” ยิ่งพูพูดแบบนี้ฉันยิ่งมั่นใจว่าน้องชายฉันไปรู้อะไรมา ที่ไม่พูดก็เป็นไปได้หลายอย่าง ยังไม่มั่นใจ หรือไม่ก็ยังไม่มีหลักฐาน คนอย่างไอ้พูไม่ใช่คนที่ชอบใส่ไฟใครมั่วๆ “มั่นใจหรือมีอะไรให้บอกฉันคนแรก” “ได้หลักฐานเมื่อไหร่จะบอก อ่อ...ภาพที่เจ้นอนกอดพี่ตะวันอะ ฉันส่งให้ป๊าละนะ” ประโยคที่แสนน่าตกใจ ทำให้ฉันไม่อาจจะประเมินความเสียหายที่จะเกิดขึ้นต่อมาได้ ถ้าป๊ารู้พี่ตะวันซวยแน่ “แกส่งไปทำไม!!!!!! แกเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น กล้าดียังไง มาให้ฉันทุบกระโหลกซะดีๆ ถ้าฉันโดนป๊าทำโทษฉันเอาแกตายแน่!!!!!!” ฉันทุบลงที่หลังของคนเป็นน้องชายอย่างแรง “อะไรเล่า!!!! ป๊าแค่บอกว่าาาาาาาา.....แรด” “ไอ้พู!!!! แกตายซะเถอะ” ฉันไล่ตีน้องชาย ที่ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจฉันผิดหมดแล้ว เมื่อเช้ามันไม่ได้มีอะไรเลย แค่ฉันขยับตัวไปมาจนพี่ตะวันนอนไม่ได้ เขาเลยล็อกตัวฉันให้ฉันอยู่เฉยๆ ฉันก็แค่หลับคาอกของเขาเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไรเกินเลย ไม่ได้มีใจ ไม่ได้มีอะไรเลยด้วย . . ในยามเย็นของวันนี้มีงานเลี้ยงฉลองปิดกล้อง ขอบคุณทีมงานทุกคนที่ตั้งใจทำงาน งานเลี้ยงริมชายหาดเริ่มขึ้น ไอ้พูที่แต่งตัวหล่อตามประกบโรสแจ แกจะมาขัดขวางพี่ตะวันทำไม โอ้ยยยยยยยย แกตั้งใจจะทำอะไรกันแน่พู อย่าให้ผีผลักนะ เดี๋ยวฉันเรียงลำดับญาติไม่ถูก “งานเยอะจังเลยนะ อยู่ต่อกับต้นไหม เราแทบไม่มีเวลาส่วนตัวกันเลย” ต้นทักฉันที่มองโรสไม่เลิก “พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานนะสิ คงไม่ได้ แต่ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไปจะตัวติดกับต้นแบบนี้เลยดีไหม ขอโทษนะงานฉันเยอะ ไหนจะน้องชายเจ้าปัญหาอีก ตามจีบโรสละ แค่อยากแข่งกับพี่ตะวัน แค่นั้นเอง ไร้สาระมาก” ฉันมองน้องชายที่สาระแนสุด ไปยุ่งกับเขาทำไม เขากำลังคุยกันกระหนุงกระหนิง “แต่น้องชายผิงดังมากเรื่องฟันหญิงแล้วทิ้งไม่ใช่เหรอ ในมหาลัยชื่อเสียงเรื่องลือ” “ก็นะ ห้ามมันไม่ได้เลยเรื่องนี้ แค่แข่งกันคงไม่มีอะไรมากหรอก ดีซะอีก พี่ตะวันจะได้มีคู่แข่งแล้วจีบโรสเร็วๆ พี่ตะวันเป็นคนดีโรสจะมีความสุขแน่ๆ” “ผิงก็หัดหวงเพื่อนบ้างนะ เพื่อนกันแนะนำผู้ชายให้เหรอ” ต้นมีอารมณ์โมโหแล้วพาลโกรธใส่ฉัน เดี๋ยว!!!! แล้วฉันผิดอะไร แล้วทำไมต้นต้องโกรธด้วย “บางทีต้นก็มากไปนะ” “มันไม่ใช่แบบนั้นนะผิง แนะนำแบบนั้นไปมันจะเสียเพื่อนนะ” ต้นเริ่มแก้ตัว แล้วพยายามจะง้อฉัน แต่ฉันเสียความรู้สึกไปแล้ว แล้วฉันก็ไม่พอใจด้วย ไอ้พูมันรู้ มันไม่จีบโรสจริงๆหรอก จะเอามันเอาไปนานแล้ว แล้วถ้าโรสจะมีอะไรกับใคร มันก็เป็นความพอใจของเธอไหม ต้นเกี่ยวอะไรด้วย “ถ้าคนที่โดนจีบอยู่เป็นผิง ต้นจะโกรธแบบนี้ไหม พอเถอะไม่อยากทะเลาะ แต่ผิงเป็นแฟน” ฉันโกรธที่โดนตันหงุดหงิดใส่ เอาตรง ๆ มันไม่โอเคเลย แม้ตอนนี้เขาจะพยายามเดินตามง้อไม่เลิก “ผิงงงงงคร้าบบบบบ มันไม่ใช่แบบนั้น ผิงงงงงง” ต้นวิ่งเข้ามาคว้ามือของฉันเอาไว้เพื่อไม่ให้ฉันเดินต่อ เฮ้ออออ ฉันจะทำอะไรให้มันเอิกเกริกไม่ได้ เพราะยังไงฉันก็เป็นรองประธานบริหารของ Ulzzz แล้วตรงนี้คนก็เยอะเกิดกว่าจะทะเลาะกัน คนมากมายเห็นบริษัทจะเสียชื่อ ฉันเลยต้องพาต้นเดินหลบผู้คนมากมายไปที่อื่น “อืม เข้าใจแล้ว อย่ามาทะเลาะกันตรงนี้ ปล่อยมือฉันได้แล้ว” “ไม่ปล่อย ผิงบอกแล้วว่าจะอยู่ติดกับต้นตลอดจนกลับไง ต้นอาจจะคิดอะไรที่ต่าง ต้นคิดแค่ว่ากลัวผิงจะเข้าหน้ากับเพื่อนไม่ติด เพื่อนผิงก็เพื่อนต้นเหมือนกัน แต่ก็ถูกอย่างที่ผิงบอกมันคือความพอใจ ต้นอธิบายได้เห็นไหม แฟนต้นสวยเก่ง ขนาดนี้ ต้นรักขนาดนี้ ต้นก็หึงทุกคนที่เข้าใกล้ผิงนั่นแหละ พี่ตะวันต้นก็หึง แค่แหวนบนนิ้วต้นก็หึง” ต้นบรรจงประทับริมฝีปากลงที่หน้าผากของฉันเบาๆ แม้จะยังหงุดหงิด แต่ก็พยายามจะเข้าใจได้บ้าง ตะวันฉาย Say:: “พี่สาวมีแฟนมันน่าหงุดหงิดแบบนี่เอง เฮ้อออออ ขอมาอยู่กับโรสและพี่ตะวันดีกว่า” พูที่เดินมาแยกมาอยู่กับผมและโรส ทำให้โรสยิ้มต้อนรับอย่างยินดี แล้วมาอยู่นี่ ไม่หวงพี่สาวรึไง อยู่กับแฟนแค่สองคน “พี่ตะวันชอบกินอะไรคะ โรสจะไปเอามาให้” “พี่ชอบกินสเต็ก มันอยู่ท้องนานดี เนื้อชั้นดีบางทีก็ไม่ต้องปรุงแต่ง” ผมตอบคนที่พยายามจะเอาใจผม แล้วมองไปที่เพื่อนตัวเอง ที่ตอนนี้ก็มีความสุขดี เต้นรำกับแฟนหนุ่มอย่างมีความสุข “ฉันชอบกินสลัดค่ะ” “พี่สาวผมชอบกินเนื้อเหมือนกัน” แล้วพูก็พูดถึงพี่สาวอีกแล้ว ทำให้คุณโรสมีอาการยิ้มแห้ง เพราะผมแกล้งสนใจที่จะฟัง ทั้งที่เมื่องวานเล่าเรื่องสมัยเรียนของเธอและพัชชาตลอด ผมฟังจนอยากหนีไปไกลๆ การอยากมีเรื่องคุยด้วยการคุยเรื่องของคนอื่นมันไม่น่ารักหรอก แต่ที่จริงเรื่องของพัชชาก็น่ารักดี “พี่สาวพูก็ชอบกินทุกอย่าง โดยเฉพาะชาเขียว เพราะเราชอบเหมือนกัน” “ถ้าชอบเหมือนกัน ต้องชอบพูด้วยปะ” พูยิ้มให้โรสที่ตอนนี้มีท่าทีเขินอายที่ถูกโปรยคำหวาน ผู้หญิงคนนี้น่าสนใจแฮะ ไม่ใช่เพราะเธอสวย เพราะเธอแสดงออกได้เก่งมาก “น้องชายเพื่อนไม่เอา ทำหน้าไม่ถูกเวลาต้องเจอกัน ว่าแต่พี่ตะวันหล่อแบบนี้ทำไมยัยผิงไม่สนใจเลยนะ” “ก็ผิงมีแฟนแล้ว ตราบใดที่แฟนไม่นอกใจ หรือทำให้เจ็บ มันไม่มีทางมีใจให้คนอื่นหรอก ฉันเนี่ยอยากจะเดินเข้าไปบอกให้เลิกกับไอ้ต้นอะไรนั่น แต่ทำไม่ได้ เพราะผิงจะต้องเสียใจมากแน่ๆ แฟนคนแรกนี่ อาจจะเสียใจจนเสียผู้เสียคนไปเลยก็ได้ โรสว่าไหมล่ะ” พูหันไปยิ้มให้โรสอีกแล้ว ยิ้มทำไม ผมดูออกว่าโรสมีอาการอิจฉาพัชชาจางๆ แต่การบอกไปแบบนั้นเป็นการชี้ช่องทางให้คนขี้อิจฉามาทำร้ายพี่สาวตัวเองนะ “ก็จริง แฟนคนแรกมักฝังใจเสมอ ถ้ามีอะไรกันแล้วถ้ายิ่งฝังใจ” มีอะไรกับแฟนแล้วเหรอ ไม่น่าถึงรักมากขนาดนั้น ไหนบอกพ่อดุ ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของผม เรื่องของผมกับเธอมันก็เป็นแค่ผลประโยชน์ร่วมกัน ผมพาคุณโรสออกไปเต้นบ้าง แต่คนที่เมาแล้วอย่างพัชชากลับมาชวนโรสเต้นไม่สนใจผม ดื่มหนักจนเมาเลยเหรอ “โรสจ๋า พี่ตะวันใหญ่มาก” ประโยคของเธอทำเอาผมตกใจ อะไรใหญ่มาก!!!! จรวดผมเหรอ “อะไรใหญ่แก ฉันคิดนะยะ” “ใจใหญ่มาก เป็นคนดีสุดๆ ฉันอยากให้แกมีคนดูแลดีๆ ฉันรักแกนะโรส เต้นหน่อยเร็ว ฮู้วววว” คนที่เมายังคงชวนเพื่อนเต้นต่อ แต่ชมผมใจดี แล้วชงผมให้เพื่อนตัวเองแบบนี้เนี่ยนะ ไม่น่ารักเลย “ตกใจหมด นึกว่าอะไรใหญ่ เมาตลอดเลยนะแกอ่า ไหนๆจะสนุกแล้ว ก็เอาให้เต็มที่เลย” โรสพาพัชชาไปเต้นกับพวกนางแบบคนอื่นๆ ทิ้งผมไว้กับต้น แฟนของพัชชา ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าผม มองผมด้วยท่าทีไม่พอใจ แต่ไม่พอใจอะไรล่ะ ไม่พอใจที่ผมหายไปกับพัชชา หรือไม่พอใจที่ผมกำลังจีบคุณโรส แววตาที่มองผมเหมือนจะหาเรื่องผม มันทำให้หันไปมองที่สาวๆ ที่ตอนนี้ส่งยิ้มและโบกมือให้พวกเรา “ห้ามผิงไม่ให้มีข่าวกับผม แต่ตัวเองกลับควงผู้หญิงคนอื่น ไม่ยุติธรรมไปหน่อยเหรอครับ” แล้วคนที่แสดงออกว่าไม่ชอบขี้หน้าผมก็เปิดประเด็นขึ้นมา “บางทีคุณไม่ควรแสดงออกมากเกินไป ผมไปว่าอะไรคุณ เมื่อคุณจู๋จี๋กับพัชชา พัชชาแสดงออกชัดเจนว่าชอบคุณ ผมก็ไม่เคยเข้าไปแทรกแซง แต่นี่ผมจีบคุณโรสคุณเกี่ยวอะไร หึงเพื่อนหรือครับ” คำถามของผมทำให้มีคนไม่พอใจ ผู้ชายที่ทำงานออฟฟิศแต่มีแบรนด์เนมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า ว้าว น่าสนใจกว่าโรสอีก “ผมชอบผิง ไม่เกี่ยวกับโรสซะหน่อย ช่วยห่างๆแฟนผมหน่อยก็แล้วกัน” ว้าวไม่พอใจหนักขึ้นไปอีกแฮะ จะทำยังไงต่อคุณต้น “ผมไม่ชอบคนมีแฟนแล้ว แต่โสดแบบคุณโรสก็ไม่แน่ ผมไปจีบเธอก่อนนะครับ” ผมชายหางตาไปมองคนที่หงุดหงิดจนต้องกระดกไวน์ในมือเข้าปากจนหมดแก้วอย่างไม่แยแส ทำให้พูน้องชายของคู่หมั้นผมต้องเดินมาหาผมด้วยรอยยิ้ม เหมือนต้องการที่จะพูดอะไร “ดูออกใช่ไหมครับ พวกนั้นต้องมีอะไร” คำถามที่เปิดมาด้วยความน่าสนใจ ทำให้ผมต้องสนใจที่จะฟัง “จะพูดอะไรได้ต้องมีหลักฐาน ไประวังพี่สาวนายไว้ดีกว่าน้องชาย” “เมาขนาดนั้น ผมว่าดูออก แต่หลอกตัวเองอยู่ ผิงไม่ใช่คนโง่หรอก แต่ที่ยังยอมให้เขาหลอกอาจจะยังทำใจไม่ได้ ตอนแรกผมกะจะทำเอง ทำให้มันชัด แต่ผู้หญิงที่เป็นเพื่อนรัก ดันสนใจคู่หมั้นของเพื่อนมากกว่า แย่จัง พี่ตะวันจะหลอกกินฟรีเหรอครับ” คำถามของพูทำให้ผมต้องหรี่ตามอง กินฟรี งั้นเหรอ ผมว่าเธออาจจะเกาะติดผมเป็นปลิง ไม่เอาดีกว่า “ไม่เสี่ยงดีกว่า แค่อยากทำให้ตัวเองหายสงสัยเฉยๆ” ผมหันไปมองหญิงสาวที่ยังเมาแล้วทำเหมือนตัวเองมีความสุขมาก แค่แฟนไม่สนใจก็ร้องไห้แล้ว นี่ถ้ารู้ว่าเพื่อนรักหักหลังจะทำยังไง แต่รู้ตอนนี้หรือรู้วันข้างหน้าก็เจ็บเหมือนกันนะ ผมมองดูคนที่ทำตัวสนุกเป็นพิเศษ “พี่สาวผมน่ารักไหมครับ” “ก็น่าาาา.....น่าจะเมาเหมือนหมา” คำถามของพูทำให้ผมต้องรีบดึงตัวเองกลับมา แล้วเปลี่ยนคำตอบที่จะตอบในคราแรก โอ้ยยยย เกือบหลุดชมไปแล้ว นี่ก็ชงเก่ง “ต้องจับให้ได้คาหนังคาเขาว่าไหมครับ พี่ตะวันช่วยผมหน่อยสิ” “ทำไปแล้วฉันได้อะไร ไม่ได้อะไรเลย ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเรื่องนี้เลย แล้วฉันก็ไม่อยากเป็นต้นเหตุทำให้สองคนนั้นเลิกกัน” “จะได้จีบพี่สาวผมไง” “ยิ่งไม่อยากทำใหญ่เลย เอามาทำไมตัวภาระ ฉันไปดีกว่า อยากทำอะไรได้โปรดทำเองนะครับคุณภูวดล” ผมเดินไปหาชัย เพื่อขอให้ชัยหาเที่ยวบินกลับกรุงเทพ ผมจะกลับพรุ่งนี้เช้า แต่ดันเห็นแฟนของพัชชาและโรสลากกันออกไปไหนไม่รู้ ทิ้งให้พัชชาอยู่คนเดียวในงาน ทิ้งได้ยังไง เธอเมาขนาดนั้น ผมรีบวิ่งกลับเข้ามาในงานเลี้ยงก็เจอเธอนอนไหลไปกับโซฟา เหมือนคนที่ไม่ไหวแล้ว พวกนั้นทิ้งเธอไว้แบบนี้ได้ยังไง แล้วนี่พูไปไหน ผมอุ้มพัชชาขึ้นมาจากโซฟาเข้ามาในโรงแรม เพื่อจะไปส่งเธอที่ห้อง ตลอดทางที่ผมอุ้มเธอมา เธอเงียบ และมีสีหน้าเรียบเฉย เหมือนกับว่าตัวเองก็ไม่ได้เมาขนาดที่จะไม่รับรู้อะไร แล้วให้ผมอุ้มทำไมจนจะถึงห้องอยู่แล้ว ผมปล่อยเธอลงเดินเอง แต่เธอกลับเดินเซไปมาแล้วล้มลงไปกับพื้น อะไรอีกเล่า “ฮื่ออออออ เค้าหึงกันพี่ แล้วฉันล่ะ” แล้วน้ำตาเด็กน้อยก็ไหลมาเป็นทาง ได้แต่ทวงถามว่าเธอนั้นผิดอะไร รู้สึกแล้วจริง ๆ สินะ แต่ผมควรจะตอบเธอยังไง ผมไม่ได้อยากเห็นเธอร้องไห้ ร้องไห้ทำไมรักผู้ชายคนนั้นขนาดนั้นเลยเหรอ ผมมองคนที่ยังร้องไห้ไม่หยุด นี่แค่สงสัยยังร้องขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าถ้าจับได้ จะเสียใจขนาดไหน ผมดึงคนตัวเล็กมากอดเอาไว้เพื่อปลอบให้เธอได้รู้สึกดีขึ้น แต่เธอกลับปล่อยโฮหนักกว่าเดิม “ใจเย็นๆ เรายังไม่มีหลักฐานอะไรเลย รู้ได้ยังไงว่าเค้าหึงกัน คิดไปเองรึเปล่า” ผมปลอบคนที่ร้องไห้เสียงดัง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่เบาเสียงลงเลย คนก็เดินผ่านไปผ่านมา แบบนี้คนอาจจะเข้าใจผมผิดว่ารังแกเธอได้ ผมเลยตัดสินในดันพัชชาจนไปถึงหน้าห้องของผม แล้วสแกนคีย์การ์ดเอาเธอไปเก็บก่อน อย่างน้อยก็จนกว่าเธอจะเลิกร้องไห้ ไม่งั้นคนจะเข้าใจผมผิด “พี่คิดแบบนั้นเหรอ” “ไม่ แค่อยากให้เธอมั่นใจก่อนที่จะมาเสียน้ำตา คุ้มค่าเหรอร้องไห้ โดยที่ตัวเองยังไม่รู้ว่ามันจริงไหม” ผมปาดน้ำตาบนหน้าหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มจางๆ แม้จะยังมีน้ำตาเอ่อล้น เธอยิ้มน่ารักกว่าร้องไห้รู้ตัวรึเปล่า “พี่ตะวันว่าฉันกับโรสใครน่ารักกว่ากัน เพิ่มความมั่นใจให้ฉันหน่อย” คำถามจริงจังของเธอแม้จะใบหน้าแดงกร่ำด้วยเมามาย มันก็รับผมที่รวบเก็บผมมัดขึ้นสูงทำให้เห็นกรอบหน้ารูปไข่ จมูกนิด ปากหน่อย ตาออกจะหมวยๆ เธออาจจะเอาแต่ใจ แต่ไม่ได้เห็นแก่ตัว อาจจะดื้อบ้างตามภาษาเด็ก แต่ผมก็รับรู้ได้ มันก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว แล้วนี่เธอจะมองผมอีกนานไหม แค่อยากรู้ว่าน่ารักกว่ารึเปล่า ถึงขั้นกับต้องจริงจังขนาดนี้เลยหรือ “ก็คนละแบบ แบบเธอมันก็ไม่ได้แย่” “ขอบคุณนะ” รอยยิ้มหวานที่บอกผมว่าขอบคุณ มันทำให้ผมห้ามตัวเองไม่ได้เลยที่จะประทับริมฝีปากลงบนปากเล็กๆสีส้มเบาๆ กว่าจะรู้ตัวอีกที ผมก็ทำมันไปแล้ว แล้วนี่ผมจูบเธอทำไม!!!!!!!!!! เรามองตากันแล้วเงียบ ไม่มีคำพูดใดใดมีแต่ความเงียบที่กลืนกินเรา คนที่เมาแอ๋ทรุดตัวลงไปกับพื้นเมื่อตั้งสติได้ ก่อนจะลูบริมฝีปากของตัวเองไปมาเหมือนคนที่ทำอะไรไม่ถูก ผมเองทำอะไรลงไป จูบเธอทำไม มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบไม่ได้คิดอะไรเลยจริงๆนะ “ฉัน ฉันกลับห้องนะ ฉัน ฉันคิดว่าตัวเองควรไป” คนที่เหมือนจะสติหลุดก็หันหลังที่จะกลับห้อง แต่กลับเดินชนประตู เพราะลืมหมุนลูกบิด ผมไม่ได้คิดอะไร ผมไม่ได้คิดอะไร ผมไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น ผมเดินไปรีบผลักเธอออกจากห้อง แล้วล็อกห้องทันที “ทำอะไรลงไปวะเนี่ย” อีกด้าน “เมื่อไหร่จะเลิกอ่อยผู้ชาย ไหนโรสบอกต้น ว่าโรสจะเลิก” “ก็อยากให้ต้นหึงอ่า เลิกกับผิงแล้วมาคบโรสสิ แล้วโรสจะเลิก ทิ้งผิงแล้วเรามามีแค่กันและกันเหมือนเดิม” “แต่ต้นเคยขอโรสคบ โรสไม่คบ พอต้นจะมีรักใหม่ โรสก็กลับมาดึงไว้แบบนี้ แบบนี้จะให้ต้นคิดยังไง ต้นรักโรสนะ แต่ต้นก็รักผิงด้วย จะกลับมาแล้วทิ้งต้นไปทำไม 2 ปี ที่เราเป็นเพื่อนกัน มีอะไรกันมาตลอด ตอนแรกโรสบอกต้นจะมีแฟน โรสโอเค ทำไมตอนนี้โรสไม่โอเคแล้วล่ะ ถ้าจะเห็นกันเป็นแค่ของเล่น ก็เลิก” ต้นพยายามขอความชัดเจนจากโรส ในที่ลับตาคนกลับมีใครคนหนึ่งที่แอบฟังอยู่ในมุมมืด “คุยตรงนี้เดี๋ยวผิงมาเห็น ขึ้นไปคุยกันบนห้องดีกว่า” ‘อู้วววววว นัดกันจะไปห้องงั้นเหรอ ได้จัดให้’ ชายหนุ่มที่แอบฟังถึงกลับมีรอยยิ้ม ที่ได้ยินนัดสำคัญของต้นและโรส
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม