ตอนที่ 2 ย้อนเวลามาจริงๆ หรือ (2)

1491 คำ
หลีเฟยฮวาค่อยๆ ลุกขึ้นนั่ง เธอค่อยๆ มองสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวแล้วเป็นต้องตกใจจนต้องสะดุ้งอีกครา ที่นี่เป็นบ้านของเธอนั่นเอง และที่ที่เธอกำลังอยู่ตอนนี้ก็คือห้องนอนส่วนตัวของเธอ หญิงสาวตื่นเต้นระคนตกใจ เธอรีบลุกขึ้นไปหยิบกระจกบานเล็กที่เก็บไว้ในหีบผ้าขึ้นมาส่องดู …ใบหน้างามแฉล้มนั้นเป็นของเด็กสาวอายุราว 16-17 ปี ไม่ใช่ผู้หญิงอายุ 29 ปี เท่ากับตอนที่เธอตาย “มะ…หมาย หมายความว่า…” หญิงสาวปากสั่นคอสั่น นี่อย่าบอกนะว่าเธอได้ย้อนเวลากลับมาอีกครั้ง และเวลานี้เธอยังคงนอนอยู่ที่บ้านหลังนี้ นั่นหมายความว่าเวลานี้เธอยังไม่ได้แต่งงานออกเรือน ใช่…เธอยังไม่ได้แต่งงานออกเรือนกับไอ้คนชั่วช้านั่น ‘ไชโย! ความปรารถนาของเราเป็นจริงแล้ว ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณเทพเซียนทุกพระองค์’ หญิงสาวไชโยโห่ร้องในใจเพราะเกรงว่าคนด้านนอกห้องจะได้ยิน เวลานี้พ่อของเธอและแม่เลี้ยง รวมทั้งน้องสาวต่างมารดาทั้ง 2 คนคงจะกำลังเตรียมตัวออกไปลงแปลงนาเพื่อทำงานเก็บแต้มกันแล้ว ยุคสมัยนี้ชาวบ้านยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่นาเป็นของตนเอง ที่ดินที่นายกเว้นที่ปลูกบ้านนั้นยังเป็นของทางการ หลายปีมานี้ประเทศนั้นประสบกับภัยธรรมชาติ ทั้งภัยแล้งทั้งน้ำท่วมสลับสับเปลี่ยนกันไป ทำให้ขาดแคลนอาหาร ผู้คนอดอยาก ทางการจึงมีนโยบายให้ราษฎรนั้นช่วยกันทำนารวม ‘นารวม’ หมายถึง นาที่ทางการเป็นเจ้าของ คนที่ลงแปลงนาคือคนที่ทำงานเก็บแต้ม ในแต่ละเดือนแต้มนั้นจะถูกนำไปจัดสรรเป็นคูปองต่างๆ เพื่อเอาไว้ให้จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าของทางการซึ่งเรียกว่าร้านสหกรณ์ ตอนนี้ทางการยังไม่เปิดให้ราษฎรได้ทำการค้าขายได้เสรี สินค้าที่ขายในร้านสหกรณ์นั้นล้วนเป็นสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีพ เพื่อให้มีชีวิตต่อไปเป็นเดือนๆ เท่านั้น มิใช่สินค้าฟุ่มเฟือยแต่อย่างใด การจะซื้อของที่ร้านค้าสหกรณ์นั้นจำเป็นต้องใช้คูปองเท่านั้น ไม่รับเงิน หากอยากใช้เงินซื้อสินค้าต้องไปที่ ‘ตลาดมืด’ ซึ่งว่ากันว่ามีสินค้ามากมายหลากหลายเอาไว้ให้ผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ติดอยู่ตรงที่ว่าราคาค่อนจะแพงอยู่สักหน่อย คูปองที่ว่านี้ถูกแบ่งออกเป็นคูปองซื้อข้าว เนื้อสัตว์ น้ำมัน เต้าหู้ ไข่ไก่ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู แป้งสาลี ผ้าต่างๆ และสิ่งจำเป็นอื่นๆ ถ้าไม่มีคูปองจะซื้อไม่ได้ การที่ทางการจัดสรรเรื่องคูปองขึ้นมานั้นเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องปากท้องของราษฎรและลดความเหลื่อมล้ำ การที่ชาวบ้านพากันลงแปลงนาเพื่อทำนาในนารวมนั้น แต้มที่เก็บได้ส่วนหนึ่งจะถูกนำไปจัดสรรสำหรับการแจกข้าวเปลือก และแต้มอีกส่วนหนึ่งจะถูกนำมาจัดสรรเป็นคูปอง ทั้ง นี้ สำหรับเด็กแรกเกิดและคนชราที่อายุมากกว่า 80 ปี จะได้รับคูปองพิเศษโดยที่ไม่ต้องลงแปลงนาเก็บแต้ม …ทว่า นี่เป็นเพียงการแก้ปัญหาเรื่องความอดอยากเบื้องต้นเท่านั้น เวลานี้ผู้คนทั่วทั้งประเทศกำลังอดอยากปากแห้ง บ้างก็เป็นโรคขาดอาหารตายอย่างน่าเอน็จอนาจ บางพื้นที่ที่อากาศหนาวจัดและมีผ้าห่มให้ความอบอุ่นไม่เพียงพอก็เกิดการหนาวตาย เรียกได้ว่าเวลานี้คือช่วงเวลาอันยากแค้นแสนเข็ญของผู้คนในประเทศก็ว่าได้ ที่หลีเฟยฮวานั้นไม่ต้องไปเก็บแต้มลงแปลงนาให้ลำบากลำบนเฉกเช่นสตรีวัยเดียวกันทั่วๆ ไปนั้น เพราะเธอคือหลานสาวคนโปรดและคนเดียวของผู้นำหมู่บ้าน แม่ของเธอนั้นมีชื่อว่าเจินหนิงหลิน เสียชีวิตตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ เจินหนิงหลินนั้นเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียวของผู้นำหมู่บ้าน ตาของหลีเฟยฮวานั้นได้รับเงินเดือนจากทางการ เดือนละ 40 หยวน ซึ่งสำหรับคนที่ทำงานกับทางการนั้นสามารถแลกเงินหยวนเป็นคูปองเพื่อซื้อสิ่งต่างๆ ได้ เจินโหย่วอี้นั้นเป็นหม้าย เขาอยู่ตัวคนเดียวมาตั้งแต่ผู้เป็นภรรยาเสียชีวิตจึงไม่ได้ใช้จ่ายสิ้นเปลืองอันใด คูปองและเงินส่วนใหญ่จึงถูกส่งต่อมายังหลานสาวผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ หลีเฟยฮวานั้นเป็นตัวแทนของทั้งภรรยาและบุตรสาวที่ตายจากไปของเขา ด้วยความที่ตนเองนั้นออกจะเป็นสตรีที่มีสิทธิพิเศษอยู่สักหน่อยตรงที่เป็นหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านทำให้หลีเฟยฮวานั้นได้ใจ เธอคนเก่านั้นออกจะมีนิสัยที่ไม่ดีหลายอย่าง ทั้งขี้อิจฉาริษยา เอาแต่ใจตนเอง กดข่มน้องสาวทั้ง 2 และแม่เลี้ยง และแย่งชิงเอาทุกอย่างที่อยากจะได้มาเป็นของตน นอกจากนี้เธอยังขี้เกียจตัวเป็นขน รักสวยรักงามเสียจนเป็นคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ งานบ้านงานเรือนไม่เคยหยิบจับ กระนั้นผู้เป็นบิดาก็ไม่ยอมดุด่าว่ากล่าว ด้วยเพราะเหตุที่หญิงสาวนั้นมักจะมีคูปองมาช่วยจับจ่ายใช้สอยซื้อของเข้าบ้าน ในยุคสมัยนี้หากว่าใครได้ทำงานกับทางการ รวมทั้งงานของโรงงานต่างๆ ที่เพิ่งมาเปิดโดยมีทางการเป็นเจ้าของนั้นจำเป็นจะต้องมีเส้นมีสาย และจำนวนคนที่สามารถเข้าไปทำงานตรงนี้ได้ก็มีอยู่น้อยนิด สาวๆ ในหมู่บ้านจึงชม้อยชะม้ายชายตาแลชายหนุ่มที่ได้ทำงานในโรงงานหรืองานที่ขึ้นตรงกับทางการซึ่งถือว่าเป็น ‘ชามข้าวเหล็ก’ มากกว่าชายหนุ่มที่ต้องลงแปลงนาเพื่อเก็บแต้มรายวัน ค่านิยมของผู้คนยุคนี้นั้นหญิงสาวมักจะเลือกชายหนุ่มที่มาจากครอบครัวใหญ่ ยิ่งมีญาติพี่น้องมากมายยิ่งดี เพื่อที่จะได้สนับสนุนส่งเสริมช่วยเหลือกัน ยุคสมัยนี้ไม่เน้นคลั่งไคล้ผู้ชายหล่อ เพราะความหล่อมันกินไม่ได้ ในยุคที่อดอยากปากแห้งเช่นนี้ความหล่อของชายหนุ่มไม่ช่วยอะไร สตรีวัยสาวทั้งหลายจึงถูกผู้ใหญ่ปลูกฝังมาว่าให้เลือกชายหนุ่มที่แข็งแกร่ง มีร่างกายกำยำสามารถทำงานเก็บแต้มได้เยอะๆ หรือชายหนุ่มที่ได้ทำงานโรงงานหรือทำงานกับทางการนั่นต่างหากล่ะคือชายในฝันของสาวๆ พวกเธอมองหาคนที่สามารถเลี้ยงดูให้ชีวิตของพวกเธออยู่ดีมีสุขไม่ต้องอดตายมากกว่าชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ไม่มีอะไรดี แต่…ถ้าได้ทั้งหล่อและดี หน้าที่การงานดีก็คงจะดีไม่น้อย เธอคนนั้นต้องเป็นที่อิจฉาของสาวๆ นางอื่นในหมู่บ้านเป็นแน่ และหลีเฟยฮวาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น นอกจากว่าเธอนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามราวกับเซียนบุปผาแล้วเธอยังเป็นถึงหลานสาวคนเดียวของผู้นำหมู่บ้าน วันๆ ไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อย ไม่ต้องลงแปลงนา เพียงแค่แต่งหน้าทาปากทำตัวสวยไปวันๆ แค่นี้ก็มีคนอิจฉาเต็มไปหมดแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ หญิงสาวยังมีคู่หมั้นคู่หมายเป็นหนุ่มสุดฮอตแห่งหมู่บ้าน นั่นก็คือ จูเหวินเต๋อ ชายหนุ่มอนาคตไกลเพียงหนึ่งเดียวของหมู่บ้านที่มีโอกาสได้ทำงานที่โรงงานหลอมเหล็ก ซึ่งคนที่ฝากงานให้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นเจินโหย่วอี้ตาของหลีเฟยฮวานั่นเอง โดยมีข้อแม้ว่าเขาจะต้องหมั้นและแต่งงานกับเธอเท่านั้น ซึ่งจูเหวินเต๋อและแม่ของเขานั้นตอบตกลงอย่างง่ายดาย ก็ใครจะโง่ไม่ตกลงล่ะ งานโรงงานน่ะต้องใช้เส้นสายในการฝากเข้า มิใช่เดินสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไปสมัครได้เลยเสียเมื่อไหร่ อีกทั้งค่าแรงก็ดี๊ดี ได้เดือนละตั้ง 30 หยวนแหน่ะ เพราะถือตนว่าการที่คู่หมั้นได้งานดีๆ ทำนั้นเป็นเพราะตนเองที่เป็นถึงหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านที่มีเส้นสายมากมาย หลีเฟยฮวาจึงมักเอาแต่ใจและเรียกร้องให้จูเหวินเต๋อนั้นเอาอกเอาใจตนให้มาก เธอมักจะกดข่มคนรอบข้างโดยเฉพาะคู่หมั้นและน้องสาวของตนเองเสมอๆ …และนั่น ทำให้คู่หมั้นอย่างจูเหวินเต๋อเริ่มจะทนไม่ไหว หลีเฟยฮวางดงามราวกับเซียนบุปผาแล้วอย่างไร หากเธอนิสัยไม่ดีเช่นนี้สักวันเขาจะเขี่ยเธอทิ้ง รอให้เขาปอกลอกเธอและตาของเธอให้หมดตัวเสียก่อนเถอะ เขาชอบผู้หญิงที่อ่อนหวาน อ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตนและยอมอยู่ใต้อาณัติมากกว่า
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม