โรงพยาบาลขนาดเล็กประจำเขตนั้นดูอลหม่านวุ่นวายไปเสียหมดเมื่อมีเกวียนเล่มหนึ่งเข้ามาจอดด้านหน้า เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเป็นต้องตกอกตกใจกับสภาพของ ‘คนไข้’ ที่กำลังเข้ามารับบริการ
“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่หอโคมเขียวหรือว่าโรงแรมอย่างว่านะ จะมาทำอนาจารในโรงพยาบาลแบบนี้ไม่ได้” เจ้าหน้าที่ผู้ชายคนหนึ่งร้องปรามเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มอุ้มหญิงสาวในท่า ‘อุ้มแตง’ กำลังเดินเข้ามาด้านในตัวอาคาร สีหน้าของทั้งสองนั้นเหยเกบิดเบี้ยวพร้อมๆ กับส่งเสียงครางเบาๆ แต่มิใช่เสียงครางจากความสุขสม หากแต่เป็นเสียงครางแห่งความเจ็บปวด
จูเหวินเต๋อเลือกใช้วิธี ‘เดินอุ้มแตง’ เพื่อพาหลีเฟยอินและตัวเขาเข้ามาขอรับการรักษาในโรงพยาบาลขนาดเล็กแห่งนี้พร้อมๆ กัน
“ช่วยด้วย ช่วยตามหมอมาที คือ เอ่อ…มันติดอยู่ข้างใน เอาออกไม่ได้” สีหน้าของหลีเฟยอินแสดงความเว้าวอนออกมาอย่างชัดเจน เวลานี้ช่องทางรักเจ้ากรรมมันไม่ยอมหยุดบีบรัดเลย ส่วนเจ้ามังกรบ้านั่นก็ไม่ยอมอ่อนตัวลงสักที มันต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ ต้องเป็นนังพี่สาวตัวดีนังปีศาจจิ้งจอกหลีเฟยฮวานั่นแน่ๆ ที่วางยาปลุกกำหนัดเธอและจูเหวินเต๋อ และมันช่างเป็นยาปลุกกำหนัดขนานแรงจนทำให้ทั้งสองหน้ามืดตามัว มิอาจหักห้ามใจที่จะมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในทันทีทันใด หากพวกเขายับยั้งชั่งใจสักนิด หลบไปทำเรื่องอย่างว่าในที่ลับตาคนก็คงไม่เกิดเรื่องอัปรีย์ขึ้นอย่างนี้
“ช่วย ช่วยพวกเราด้วย มันติด มัน มันดึงไม่ออก โอ๊ย!เธออย่ารัดฉันแน่นสิ เจ็บนะ” จูเหวินเต๋อเผลอตวาดสาวคนรักออกไป เวลานี้ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด
เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ร้องไม่ออก เรื่องประหลาดพันธุ์นี้เกิดมาเขาเพิ่งเคยพบเคยเห็น แต่…เรื่องอย่างนี้นี่แหละที่ผู้คนให้ความสนใจกันมาก เรื่องคาวๆ ฉาวๆ อัปรีย์เช่นนี้แหละเป็นเรื่องสนุกและความบันเทิงที่ดีที่สุด
“เดี๋ยว เดี๋ยวไปตามหมอให้ เอ่อ เข้าไปรอในห้องนั้นก่อน” เขาแยกให้คนทั้งสองที่เวลานี้มีผ้าแพรผืนใหญ่คลุมร่างทั้งสองเอาไว้เพื่อปิดบังความอนาจารที่ปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิดไปนั่งรออีกห้องหนึ่ง แล้วก็รีบไปตามหมอซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียวทั้งโรงพยาบาล
15 นาทีต่อมาหมอวัยกลางคนก็เร่งรีบเข้ามาในห้องนั้นด้วยท่าทางตกใจและงุนงง
“เอ่อ ไปทำอะไรมา?” หมอซักประวัติตามแบบแผนการรักษาของเขา
“จะไปทำอะไรมาล่ะ เห็นๆ อยู่ ยังจะมาถามอีก หมอนี่ยังไง คือว่ามันติด ไอ้นั่นน่ะมันติดอยู่ข้างใน มันเอาออกไม่ได้ ช่วยหน่อยครับ ช่วยเอาออกมาให้หน่อย” จูเหวินเต๋อพูดอย่างไม่สบอารมณ์ เวลานี้เขาทั้งเจ็บปวด ทั้งอับอาย แต่เรื่องอายน่ะเอาไว้ก่อนเถอะ เวลานี้เขาเจ็บจะแย่ นี่เจ้ามังกรของเขาจะถูกบีบรัดจนกิ่วไปเลยหรือไม่นะ เขาทั้งเจ็บ ทั้งกลัว กลัวว่าเจ้ามังกรลูกรักจะใช้การต่อไม่ได้ เฮ๊ย!
“โอ๊ย!หมอ เจ็บจะแย่อยู่แล้ว เจ็บก็เจ็บ อายก็อาย ช่วยสักทีสิ ช่วยฉีดยาให้ไอ้นั่นของพี่เหวินเต๋อมันฝ่อมันหดเล็กไปเลยได้หรือเปล่า จะได้ดึงออกได้ โอ๊ย!” หลีเฟยอินเองก็ชักจะควบคุมอารมณ์ไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรก็ทำทีเถอะขอให้ไอ้เจ้ายักษ์นี่มันออกไปจากตัวเธอให้ไวที่สุด
“เฮ๊ย!เธอจะบ้าเหรอเฟยอิน ของของพี่ พี่ก็รักก็หวงนะ จู่ๆ มาบอกหมอให้ฉีดให้ของพี่หดเล็กลงได้ยังไง หมอ ฉีดยาให้ช่องคลอดของแม่นี่ขยายใหญ่จนหัวเด็กมุดเข้าไปได้เลย ผมจะได้เอาน้องชายผมออกมาได้ เร็วสิหมอ มันเจ็บรู้ไหม โอย!”
เวลานี้คู่รักที่เคยหวานปานจะกลืนกินกันนั้นเกิดตีกันขึ้นมาแล้ว ต่างคนต่างอยากให้ตนเองนั้นรอดและปลอดดภัย
หมอแอบหัวเราะในใจ ก็มันห้ามไม่ได้นี่นา สองคนนี้ไปเอากันท่าไหนจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ซึ่งเหตุการณ์กีฬามันส์ๆ แบบนี้มันเกิดไม่บ่อยนักนะ เรียกว่าเคยได้ยินบ้าง แต่ยังไม่เคยเกิดขึ้นที่เขตนี้ เห็นทีว่าในวันพรุ่งนี้นั้นข่าวคาวนี้คงดังระบือไปไกล
“เดี๋ยวหมอจะให้ฉีดยาคลายกล้ามเนื้อให้นะครับ คงต้องรอประมาณครึ่งชั่วโมงกว่ายาจะออกฤทธิ์” พูดจบหมอก็หันหลังไปเตรียมยาคลายกล้ามเนื้อเพื่อฉีดให้คนไข้ด้วยตนเอง ยามนี้ที่โรงพยาบาลของเขตนั้นมีหมอเพียงคนเดียว ยังไม่มีพยาบาลหรือเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อื่นๆ
“หมอ ตั้งครึ่งชั่วโมงเลยหรือหมอ โอย ผมจะไหวไหมนี่ หมอ ช่วยฉีดยาเข้าไปที่ตัวแม่นี่เยอะๆ เลย ได้ไหม กล้ามเนื้อเขาจะได้คลายออก ผมจะได้เอาของผมออกได้” จูเหวินเต๋อที่มีใบหน้าเหยเกพูดออกมาด้วยความยากลำบาก
“เรื่องอะไรล่ะ หมอ ฉีดยาเข้าไปที่ไอ้เจ้านั่นของผู้ชายคนนี้เลย จิ้มไปเลย เอาให้มันหดเล็กลงเท่าของเด็ก จะได้ดึงออกจากตัวฉันได้ง่ายๆ หน่อย” พูดจบหลีเฟยอินก็สะบัดหน้าไปอีกทาง เวลานี้เธอรู้สึกเหม็นหน้าชายคนรักที่เห็นแก่ตัวสิ้นดี เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขานั้นจะเห็นแก่ตัวถึงเพียงนี้ ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้เธอจะไม่ยอมหลงรักเขาและยอมตกเป็นของเขามาแล้วหลายครั้งหรอก
“ใจเย็นๆ ทั้งคู่ครับ หากพวกคุณโวยวาย มีอารณฉุนเฉียว นั่นยิ่งจะทำให้กล้ามเนื้อทั้งตัวของพวกคุณทั้งสองคนหดเกร็งมากขึ้น คราวนี้จะยิ่งเจ็บมากขึ้นทั้งสองคนนะครับ” หมอพยายามอธิบายให้คนไข้เข้าใจ ในขณะที่มือก็ถือถาดใส่ไซริงค์และอุปกรณ์ฉีดยาเข้าเส้นเลือด
“พูดอยู่นั่นแหละ เมื่อไหร่จะฉีดสักทีล่ะ โอ๊ย มันเจ็บรู้มั้ย จะฉีดตรงไหนก็ฉีด” หลีเฟยอินทนไม่ได้ มันทั้งเจ็บทั้งแค้น ส่วนเรื่องอายนั้นขอลืมไปก่อน เวลานี้เธอรู้สึกด้านชาแล้วเพราะมีคนมากมายได้เห็นเรื่องลับๆ และของลับๆ ของเธอแล้วนี่
หมอมีท่าทางตกใจเล็กน้อย ตั้งแต่เป็นหมอมายังไม่เคยโดนคนไข้ตวาดใส่เลย มีแต่คนไข้มาพินอบพิเทาขอให้รักษาให้หายป่วย
ครึ่งชั่วโมงให้หลังหลังจากที่หมอฉีดยาคลายกล้ามเนื้อเข้าหลอดเลือดดำบริเวณหลังมือให้ทั้งคู่แล้วสถานการณ์ก็ดูเหมือนจะเป็นปกติ เวลานี้กล้ามเนื้อที่เคยหดเกร็งของคนทั้งคู่นั้นคลายตัวออก จูเหวินเต๋อสามารถดึงเจ้ามังกรน้อยที่อ่อนกะปลกกะเปลี้ยไร้เรี่ยวแรงเหมือนคนเจ็บหนักออกมาจากช่องทางรักของหญิงสาวได้ ทั้งคู่รีบสวมใส่เสื้อผ้าที่พ่อแม่ของหลีเฟยอินเตรียมมาให้ ในขณะที่พ่อและแม่ของหลีเฟยอินต้องคอยกันชาวบ้านที่ไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาลมารอคอยดูเหตุการณ์ที่หน้าห้องนี้ภายในห้องนั้นคู่หนุ่มสาวที่เคยรักกันอย่างหวานชื่นก็เมินใส่กัน เมื่อหมอขอร้องว่าห้ามทะเลาะกันในโรงพยาบาลจูเหวินเต๋อที่เห็นก่อนหน้าแล้วว่าเวลานี้มีคนมามุงรอดูอยู่หน้าห้องตรวจเต็มไปหมดเขาเลยรีบเปิดหน้าต่างและเผ่นแนบหายไปทันควัน เอาตัวรอดไปคนเดียวเห็นๆ
ที่บ้าน
“นี่มันเรื่องบ้าอะไร แก นังลูกสารเลว แกทำงามหน้านัก แล้วอย่างนี้ฉันไม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัวเวลาเดินไปไหนมาไหนหรอกรึ?” หลีเฉิงเซ่อเดือดดาล เขาถือแส้เอาไว้ในมือ เตรียมจะเฆี่ยนลูกสาวที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงหยำฉ่าให้หลาบจำ เวลานี้ในบ้านของเขานั้นมีแต่เรื่อง เมื่อวันก่อนก็เรื่องฉาวโฉ่ของลูกสาวคนโต มาวันนี้ก็เรื่องอัปรีย์ของลูกสาวคนรอง เวลานี้เขาแทบไม่กล้าสู้หน้าผู้ใด งานที่แปลงนารวมก็ไม่กล้าไปทำ คงต้องอดตายกันหมดบ้านละคราวนี้
“ฮือๆๆๆ พ่อ พ่ออย่าตีฉันเลยค่ะ ฉันว่า นังพี่สาวตัวดี นังเฟยฮวามันต้องหลอกวางยาปลุกกำหนัดฉันกับ กับ ไอ้พี่เหวินเต๋อแน่เลยค่ะ ฮือๆๆๆ อย่าตีฉันเลยนะพ่อ แค่นี้ฉันก็ทั้งเจ็บทั้งอายมากพอแล้ว ฮือๆๆ แม่ช่วยด้วย” สาวน้อยหลีเฟยอินกอดผู้เป็นแม่แน่น หวังให้แม่ช่วยปกป้อง
“พี่ ฉันว่านะ เรื่องนี้มันแปลกๆ อาจจะเป็นจริงอย่างที่เฟยอินพูดก็ได้ เฟยฮวาน่ะร้ายกาจนัก ตัวเองฉาวคนเดียวไม่พอ นี่ยังจะลากน้องไปฉาวด้วยอีก นี่เจ้าหล่อนคงต้องการให้พี่อับอายให้ถึงที่สุดสินะ แบบนี้มันลูกอกตัญญูชัดๆ” เจิ้งเสี่ยวหลิงไม่วายแขวะลูกเลี้ยงเข้าอีกจนได้
หลีเฉิงเซ่อหักแส้ในมือแล้วขว้างทิ้ง เขาขบกรามแน่น เสียงที่เอ่ยออกมาลอดไรฟันนั้นบ่งบอกว่าโกรธเคืองอย่างที่สุด
“แล้วนี่เฟยฮวาไปไหน กลับมาฉันจะเค้นความจริงให้ได้ หากเป็นอย่างที่เฟยอินว่าฉันนี่แหละจะตีมันให้ตาย ฮื่ย!”
หลีเฟยหลิงที่นั่งส่องกระจกบานเล็กซึ่งเป็นของที่หลีเฟยฮวามอบให้หลีเฟยอินอย่างหลงใหลในรูปโฉมของตนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก
“พี่เฟยฮวาเขาคงไม่มาให้พ่อเฆี่ยนหรอกค่ะ ฉันเห็นเขาย้ายของออกไปอยู่บ้านตาเขาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ตอนแรกนึกว่าแค่ขนของไปนอนช่วงก่อนแต่งงานเฉยๆ แต่นี่เล่นขนของไปหมดเลย อาหาร ของสด ของแห้งที่พวกเราเคยได้กินด้วยก็ขนเอาไปหมดเลย” เด็กสาวนึกเสียดาย เพราะเวลาที่พี่สาวคนโตเกิดนึกใจดีแบ่งอาหารดีๆ ขนมและน้ำอัดลมให้ก็บ่อยครั้ง ต่อไปนี้เธอคงไม่มีโอกาสได้กินของดีๆ แบบนั้นอีกแล้วสินะ อย่างกระจกบานนี้นี่เธอก็เก็บได้ตอนที่วิ่งไปดูภาพกีฬามันส์ๆ ของพี่สาวคนรองและว่าที่พี่เขย หลังจากที่พวกเขาขึ้นเกวียนเพื่อไปที่โรงพยาบาลแล้ว หลีเฟยหลิงก็ถือกระจกนั้นติดมือกลับบ้านมา
“ฮื่ย!เจ็บใจนัก” เจิ้งเสี่ยวหลิงขบกราม เมื่อวันก่อนเธอเพิ่งดีใจที่ลูกเลี้ยงนั้นสร้างเรื่องฉาวโฉ่ แต่พอมาวันนี้ลูกในไส้ของเธอสร้างเรื่องฉาวโฉ่ยิ่งกว่า รู้ไปถึงไหนก็อายไปถึงนั่น คราวนี้คงต้องงดลงแปลงนาไปก่อน เวลานี้ทั้งเธอและสามีคงไม่กล้าไปสู้หน้าใครที่ไหน
“เราต้องรีบจัดการแต่งงานให้จูเหวินเต๋อกับเฟยอินให้เร็วที่สุด อย่างน้อยก็จะได้ค่าสินสอดมาใช้จ่ายในครอบครัวบ้าง” ผู้เป็นพ่อเป็นต้องทอดถอนใจเมื่อนึกถึงค่าใช้จ่ายในครัวเรือน เพราะเขาและภรรยาคงจะไม่กล้าลงแปลงนารวมอีกนาน หนทางที่จะได้เงินมาใช้จ่ายก็คือ ‘ค่าสินสอด’
ตามปกติแล้วหากว่ามีเงินก็ไม่สามารถไปแลกซื้อของในร้านค้าสหกรณ์ของทางการณ์ได้ ต้องใช้คูปองเท่านั้น แต่ที่ตลาดมืดนั้นมีการซื้อขายแลกเปลี่ยนคูปอง คนที่ทำก็เป็นพวกคนของทางการนั่นแหละที่แอบคดแอบโกง แอบฉ้อราษณ์บังหลวงหาเงินเข้ากระเป๋า เวลาเอาเงินไปแลกคูปองราคาอาจจะสูงไปหน่อย แต่ก็มีคนทำเช่นนี้หลายๆ คน มันทำได้ ขอให้มีเงินเถอะ
“พี่ ฉันว่าเราเรียกค่าสินสอดเฟยอินสัก 100 หยวนดีไหมคะ เหวินเต๋อกับเฟยอินน่ะแอบรักใคร่ชอบพอกันมานาน อีกอย่าง เหวินเต๋อก็ทำงานโรงงาน ได้เงินเดือนเดือนละ 30-40 หยวน คงมีเงินแต่งเฟยอินของเราได้สบายๆ” เจิ้งเสี่ยวหลิงเสนอความคิดเห็น ตามปกติค่าสินสอดที่หนุ่มสาวชาวบ้านทั่วๆ ไปแต่งงานกันจะประมาณ 20-30 หยวน
“อืม” ผู้เป็นสามีตอบรับเบาๆ เวลานี้เขากำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับ ‘สินสอด’
ไม่ใช่มีเพียงแค่หลีเฟยอินคนเดียวเสียเมื่อไหร่ที่จะต้องแต่งงาน ยังมีหลีเฟยฮวาอีกคน แต่คนที่เธอต้องแต่งงานด้วยนั้นเป็นเพียงแค่พวกยุวปัญญาชนหาเช้ากินค่ำ จะมีปัญญาหาค่าสินสอดมาแต่งหรือ?