ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มอบอุ่น
“คือ ผมไม่ได้พักที่แคมป์แล้วครับ ผมย้ายออกมาเช่าบ้านของป้าเถิงอยู่ พอดีผมรักสันโดษและทำงานศิลปะ จึงอยากมีเวลาและสมาธิในการวาดรูป จึงหนีออกมาเช่าบ้านอยู่ตามลำพัง” เขาพูดไปพลางทำสีหน้าลังเล คนในชนบทแห่งนี้อาจจะไม่รู้จักคุณค่าของงานศิลปะเพราะพวกเขามุ่งเน้นเรื่องปากท้องเป็นหลัก ชายหนุ่มรู้ว่าคนที่นี่หายใจเข้าหายใจออกก็ ‘ลงแปลงนา ลงแปลงนา’ เขาไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้าคิดอย่างไรกับรูปวาด เธออาจจะมองว่าเขานั้นเพี้ยนไปแล้ว
“หืม…นี่คุณวาดรูปด้วยหรือ คุณชอบวาดรูปใช่ไหมคะ ฉันอยากเห็นรูปวาดของคุณจัง ฉันเดาว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ” หลีเฟยฮวาทำท่าทางตื่นเต้น หญิงสาวรู้เรื่องรูปวาดของเขาจากการที่เขาไปเยี่ยมเธอที่สุสานและเล่าเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตที่ผ่านไปในแต่ละวันให้ฟัง เธอจำได้ว่าเซิ่นลี่หมิงนั้นสามารถขายรูปได้รูปละเป็นร้อยเป็นพันหยวน เขากลายเป็นจิตรกรชื่อดังของประเทศหลังจากที่เธอตายไม่กี่ปี และรูปที่เขานำมาให้เธอดูที่สุสานในวันหนึ่งนั้นทำให้เธอประทับใจจนมิอาจลืมเลือน มันคือรูปหญิงสาวนางหนึ่งนามว่าหลีเฟยฮวา เขาวาดได้สวยงามและเหมือนรูปถ่ายของเธอมากๆ เซิ่นลี่หมิงบอกว่านี่คือรูปที่วาดง่ายและวาดยากที่สุดในชีวิตของเขา ที่ว่าวาดง่าย…เพราะรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นเธอนั้นเขาจดจำเอาไว้ในหัวใจเสมอมา มิอาจลบเลือนออกไปได้ ส่วนที่ว่าวาดยากนั้น…เพราะเมื่อเขาลงมือวาดรูปของเธอเขาเป็นต้องสะอื้นไห้ทุกครั้งไป กว่าจะวาดเสร็จก็กินเวลาเป็นปี
“อะ…เอ่อ คุณ คุณหลีเฟยฮวาชอบรูปวาดด้วยหรือครับ?” เขาถามออกมาด้วยความแปลกใจ สตรีนางนี้ดูแตกต่างจากชาวบ้านส่วนใหญ่ของที่นี่จริงๆ
หลีเฟยฮวาคลี่ยิ้มอบอุ่นให้เขาอีกคราหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงหวานใสกังวาน
“ชอบสิคะ ฉันคิดว่าคนที่รักในงานศิลปะเป็นคนที่มีจิตใจอ่อนโยน และฉันก็คิดว่าอีกไม่นานพวกรูปวาดและงานศิลปะต่างๆ จะสามารถขายได้ราคาดีทีเดียวค่ะ คุณวาดไปเรื่อยๆ นะคะ อย่าหยุดค่ะ ทำในสิ่งที่รักคือความสุขนะคะ อ้อ แล้วต่อไปเรียกฉันว่าเฟยฮวาก็พอค่ะ ฉันเห็นทีว่าจะต้องไปแล้ว กลัวว่าจะกลับถึงบ้านเย็นน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยจบก็ทำท่าจะลุกขึ้น เธอตั้งใจว่าจะปั่นจักรยานเข้าไปดูสินค้ามาใหม่ที่ร้านสหกรณ์เสียหน่อย หากไปช้าเกรงว่าของจะหมดก่อน
“อะ…เอ่อ ครับ คุณเฟยฮวา เอ่อ…ผมขอขอบคุณอีกครั้งนะครับที่คุณได้ช่วยชีวิตผมเอาไว้” เซิ่นลี่หมิงเองก็ลุกขึ้นยืนพร้อมๆ กับหญิงสาว คล้ายเป็นการยืนส่งเธอ
หลีเฟยฮวาอมยิ้มแต่พองามก่อนจะพยักหน้าเบาๆ และค่อยๆ หมุนตัวเดินจากไป
เซิ่นลี่หมิงยืนมองส่งร่างอรชรอ้อนแอ้นที่ค่อยๆ เดินลับสายตาไป เขาเคยเห็นเธอบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยพูดคุยกับเธอมาก่อน เพื่อนๆ ในแคมป์ยุวปัญญาชนต่างเล่าขานกันมาว่าเธอนั้นเป็นสตรีที่เย่อหยิ่ง จองหอง ถือตัวว่าเป็นหลานสาวเพียงคนเดียวของผู้นำหมู่บ้านที่เป็นคนใหญ่โตและกว้างขวาง มีเส้นมีสาย จึงไม่ลดตัวมาเสวนากับพวกยุวปัญญาชนที่ชีวิตตกต่ำเช่นนี้หรอก ทว่า…นี่เป็นการพูดคุยกับเธอเป็นครั้งแรก และเซิ่นลี่หมิงก็พบว่าข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับหลีเฟยฮวานั้นเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งเพ
…สำหรับเขาแล้วเธอคือนางฟ้า คือเทพธิดาแห่งชนบทแห่งนี้
ที่บ้านของหลีเฟยฮวา
เวลานี้หลีเฉิงเซ่อนั้นไปหาบน้ำ ที่หาบน้ำคือลำธารที่อยู่ไกลจากตัวบ้านราวๆ500 เมตร ไปกลับก็ 1 กิโลเมตร เขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้านจึงต้องเสียสละทำหน้าที่หาบน้ำ ครั้นจะให้ลูกสาวทำก็ให้รู้สึกละอายใจและสงสารลูก ลูกสาว 2 คนที่เกิดจากเจิ้งเสี่ยวหลิงถือได้ว่าเป็นแก้วตาดวงใจหรือว่าไข่มุกในมือของเขา ส่วนลูกสาวอีกคนนั้นแท้จริงแล้วคือลูกชัง เพราะเกิดจากภรรยาที่เขาแสนจะชิงชัง แต่เขาต้องแสร้งทำเป็นว่ารักใคร่โปรดปรานหลีเฟยฮวาเพราะมันมีเรื่องของผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
…ผลประโยชน์จากเงินและคูปองที่นางได้รับมาจากผู้เป็นตาในแต่ละเดือนนั่นอย่างไรล่ะ
“แม่คะ ตอนนี้พ่อไม่อยู่ เราจะทำยังไงกันต่อไปดีคะแม่ นี่ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย ไม่นึกว่านังปีศาจจิ้งจอกเฟยฮวามันจะบ้าได้ขนาดนั้น” หลีเฟยอินพูดพลางเต้นไปรอบๆ บ้านอย่างดีใจ นี่นังพี่สาวตัวร้ายทำชีวิตตนเองให้ตกต่ำเองนะ เธอไม่เกี่ยว ส่วนคู่หมั้นของนังพี่สาวตัวร้ายอย่างจูเหวินเต๋อน่ะเหรอ ยังไงเสียเขาก็ต้องเป็นของเธอวันยังค่ำ
“ไม่รู้ผีป่าตัวไหนมาเข้าสิงมัน แต่ดีแล้วล่ะลูก คราวนี้เราก็หาทางเฉดหัวมันออกไปจากบ้านได้ ให้มันไปใช้ชีวิตตกต่ำตกระกำลำบากกับหนุ่มยุวปัญญาชนนั่น ฮึ!คนพวกนั้นแม้แต่ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด คราวนี้ล่ะนังเฟยฮวาเป็นต้องกินยาตายแน่ ฮ่าๆๆๆ”
“ฮ่าๆๆๆ” หลีเฟยหลิง เด็กสาววัย 14 ร่วมหัวเราะไปด้วย เธอเองก็ทั้งเกลียดและไม่ชอบขี้หน้าพี่สาวคนโตผู้ร้ายกาจผู้นี้
“แม่ แต่พ่อล่ะ พ่อจะยอมหรือ พ่ออาจจะช่วยมัน” หลีเฟยอินจู่ๆ ก็นึกกังวลขึ้นมา อย่างน้อยหลีเฟยฮวาก็เป็นลูกสาวอีกผู้หนึ่ง
เจิ้งเสี่ยวหลิงยิ้มเย้ยหยันก่อนจะเอ่ย
“พ่อของพวกแกน่ะหรือจะช่วยมัน ช่วยเฉดหัวมันออกไปสิไม่ว่า ยิ่งมันทำเรื่องฉาวโฉ่เช่นนี้ยิ่งเป็นข้ออ้างหาทางไล่มันออกจากบ้านได้ง่ายๆ คิดดูเอาสิ แม่ของมัน นังหนิงหลินที่ตายไปน่ะ ก็มิใช่ถูกแม่ของพวกแกวางยาหรอกรึ ฮึ!แล้วรู้หรือไม่ว่าใครที่เป็นคนช่วยเอาน้ำชาผสมยาพิษนั่นไปให้มันกิน ก็พ่อของพวกแกยังไงล่ะ ฮะๆ ฮ่า” เจิ้งเสี่ยวหลิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งที่สามารถกำจัดศัตรูหัวใจไปได้