“แล้วถ้าพี่กับลินไม่ใช่พี่น้องล่ะ” เขาถามเพื่อหยั่งเชิงหากพูดออกไปตรงๆ เกรงน้องจะเสียใจ เกรงน้องจะรับไม่ไหว ตลอดระยะเวลายี่สิบปี เขาได้ทำหน้าที่พี่ชายผู้แสนดี ผู้ปกครองผู้ดูแลน้องทุกกระเบียดนิ้วมาอย่างดี ครั้นเมื่อวันหนึ่งได้รู้ว่าตัวเองไม่ใช่น้องแท้ๆ อาจจะรู้สึกแย่และเสียใจหนัก
“เอ๋...อะ...อะ...ไรนะพี่ใหญ่กำลังพูดบ้าอะไร” ไพลินค้างไปสามวินาที แล้วค่อยตั้งสติค้นหาเสียงพูดออกไป ด้วยอาการกระอักกระอ่วน มองหน้าพี่ชายด้วยสายตาพร่าเรือน หูดับ ไปชั่วขณะ
ความรู้สึกในใจไพลินเกิดขึ้นสองขั้ว ถ้าเขาพูดจริง กับ ถ้าเขาแค่ล้อเล่น
ในกรณีพูดจริงเธอจะรับไหวแค่ไหน อีกส่วนหนึ่งกลับโล่งใจที่เธอกับเขาไม่ได้เป็นพี่น้อง แต่อีกส่วนแล้วเธอมาจากไหน เป็นลูกใคร เกิดจากอะไร ทำไมเข้ามาอยู่ในครอบครัวอันแสนอบอุ่น มีพ่อ แม่ และพี่ใหญ่ผู้แสนดีนี้ได้
“ว่ายังไงละ” เขาต้องการคำตอบถ้าเขากับเธอไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ เธอจะยอมรับเขาเป็นอย่างอื่นมากกว่าพี่ชายได้ไหม
“ไม่ว่า...มันเป็นไปไม่ได้ เราเป็น...พี่น้องกัน” ความรู้สึกในใจไพลินยังคงค้านหัวชนฝา จำความได้เธอก็อยู่กับครอบครัวนี้ มีพี่ใหญ่ดูแลเป็นเพื่อนวิ่งเล่น ไปโรงเรียนก็ไปส่ง คือมันมีอะไรเยอะ ผูกพันเป็นครอบครัวเดียวกัน พี่ใหญ่คงเล่นมุก ต้องการให้เธอลืมเรื่องจูบ ใครจะลืมได้แล้วยิ่งมีความประทับใจในตัวพี่ใหญ่เป็นทุนเดิมอยู่มากขนาดนี้ ไพลินจึงหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้จะลืมได้อย่างไร
ทั้งคู่สนทนากันด้วยความเครียดขึงตึงอารมณ์อยู่ในรถ ไพลินไม่เชื่อเด็ดขาด แล้วหัวใจเริ่มอ่อนแอตามเสียงแข็งขึง ยืนยันหนักแน่นจากปากพี่ใหญ่
ชายหนุ่มจำเป็นต้องหาที่พูดคุยกับไพลินให้เข้าใจโดยเร่งด่วน ห้องที่ผับจึงได้ต้อนรับหนุ่มสาวในสายตาคนอื่นคือพี่น้องกัน เขาลากไพลินเดินฝ่าพนักงานต่างมองเป็นตาเดียว ทำไมวันนี้เจ้านายเข้ามาเร็วกว่าปกติ
“ไม่มีธุระสำคัญห้าม...รบกวน” เขาสั่งทุกคนโดยไม่เจาะจง น้ำเสียงดุดันเอาจริงเอาจัง จนพนักงานที่อยู่ละแวกนั้น แม้ไม่เข้าใจแต่ต้องน้อมรับคำสั่งกันพัลวัน
ไพลินรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในสนามรบ ทั้งต้องรบกับความรู้สึกของตัวเอง รบกับหัวใจ รบกับหลายอย่างและรบกับพี่ใหญ่สำคัญที่สุด
“พี่ใหญ่ปล่อยลิน ปล่อยนะ” ไพลินสะบัดข้อมือจากการเกาะหนุ่มจากมือใหญ่แน่นหนา ขณะถูกลากเข้าไปในตัวอาคารหรูหรา ที่ทำการผับโซบิ๊กแห่งนี้ เธอไม่ค่อยมาที่นี่เพราะถูกห้าม ยกเว้นคืนนั้นพี่ใหญ่พามาทำงานด้วยกัน
“เราต้องคุยกัน” รวมทั้งเขาเองต้องการพิสูจน์หัวใจต้องการไพลินจริงๆ หรือทั้งหมดคือการแสดงออกทั่วไปที่ผู้ชายมีต่อผู้หญิงเท่านั้น
“พี่ใหญ่หลอกเด็ก”
“ฟังพี่นะ” เขาลากไพลินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ปิดประตูดังปัง พร้อมกับกดปิดด้วยความว่องไว หญิงสาวได้ยินเสียงดังแก๊กของลูกบิด พลันหัวใจหล่นตุบกองกับพื้น
ท่าทีพี่ใหญ่ซีเรียสเครียดขึง เรื่องนี้คงสำคัญอยู่มาก สีหน้าเขาไม่ได้ล้อเล่น หรือต้องการเล่นตลกกับเธอ ส่วนหญิงสาวเองจริงๆ รับไหวหรือเปล่า หากได้ฟังเรื่องราวของตัวเองทั้งหมดจากปากผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อเป็นพี่ชาย
มือใหญ่จับหัวไล่มนไว้มั่น จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ขณะร่างบอบบางไม่มั่นคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานพนักพิงหลังสูงสีดำตัวใหญ่ของเขา พี่ใหญ่เริ่มต้นเล่าเหตุการณ์เมื่อยี่สิบปีก่อน ด้วยท่าทีและน้ำเสียงเอาจริงเอาจัง ไม่ได้มีท่าทีล้อเล่นหรืออารมณ์ดีอย่างที่แสดงออกกับไพลินเลยแม้แต่น้อย
ปากสั่นไม่รู้จะพูดอะไรออกมา รู้แต่ว่าสะเทือนใจ ย่ำแย่ กับสิ่งที่ได้ฟังจากปากพี่ใหญ่ เธอไม่ใช่ลูกแม่นวล ไม่ใช่น้องพี่ใหญ่ แต่เป็นเด็กกำพร้าที่แม่นวลอุปการะไว้ เพราะพ่อแม่เสียชีวิตพร้อมกัน นี่...นี่...มันอะไรกัน โลกแทบแตกดับ น้ำตาพรั่งพรู ราวสายฝนในฤดูฝน หัวใจเปียกปอน ร่ำร้องยากจะเยียวยา
พี่ใหญ่ดึงร่างบอบบางเข้าไปโอบกอด ปล่อยให้ไพลินร้องไห้อย่างที่เธอต้องการร้อง เสื้อเชิ้ตสีขาวพี่ชายเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา ดันร่างเล็กออกจากอ้อมแขน ยกนิ้วโป้งเช็ดน้ำตาใต้ขอบบวมแดงน้องน้อย พลางจูบซับด้วยปากบางได้รูป เขาสับสนไม่ต่างจากไพลิน จากที่คิดจะบอกหรือไม่บอก สุดท้ายทนกระแสความเรียกในหัวใจไม่ไหว ต้องสลายความรู้สึกอัดอั้น โดยการเล่าความจริงทั้งหมดต่อเธอ แม้ห่วงอยู่ว่าหญิงสาวจะรับกับเรื่องนี้ได้หรือไม่ แต่เธอเข้มแข็งกว่าที่เขาคิด แม้จะมีน้ำตาบ้าง
แต่เขาก็ตัดสินใจบอกไปแล้ว...คืนคำไม่ได้
ไพลินปล่อยให้พี่ใหญ่ใช้ปากจูบซับน้ำตาให้กับเธอ อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็อยู่เคียงข้างเธอทุกเวลา แม้ยามนี้ด้วย
“ขอพี่จูบได้ไหม” พี่ใหญ่เอ่ยปากขอด้วยซุ้มเสียงสุภาพ มีแววการออดอ้อนอยู่ในที “พี่จูบลินได้แล้วใช่มั้ย” ปกติพี่ใหญ่เป็นคนเด็ดเดี่ยว ดุดัน ร้อนแรงในเรื่องเพศ ทว่ากับน้องสาวคนนี้เห็นกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ดังนั้นเขาควรนุ่มนวลกับเธอให้มากที่สุด
ไพลินไม่ตอบได้แต่สะอึกสะอื้นน้ำตานองหน้า ทว่ากลับถูกนิ้วแกร่งเชยคางมน ใบหน้าอาบด้วยน้ำตา จึงแหงนมองผู้ชายตรงหน้าด้วยภาพพร่าเรือน เขาหล่อ น่ากิน สุดเซ็กซี่ ไม่ว่าตอนที่เธอมีสติ หรือไม่มีสติอย่างในเวลานี้ เขายังคงทุกอย่างไว้ไม่แปรเปลี่ยน
ความโอบอ้อมอารีที่มาจากตัวเขา พร้อมครอบครัวส่งผลถึงการได้รับรู้เรื่องราวของตัวเองในวันนี้ ผ่อนคลายได้มากทีเดียว อย่างน้อยในวันที่เธอไม่เหลือใคร กลับมีผู้ใจดีมีเมตตาชุบเลี้ยงเธอให้ได้ดี มีลมหาย และเป็นคนดีของสังคม เธอรักพี่ใหญ่ ต่อจากนี้เธอจะเป็นของเขาทั้งตัวและหัวใจ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้คนที่ใบหน้าเปียกปอน ถึงกับเขินอาย พวงแก้มซับสีเลือดฝาด จนคนมองยิ้มน้อยๆ มุมปาก
แม้ไพลินไม่เอ่ยปากอนุญาต แต่คนอยากจูบใจแทบขาด คงต้องฉวยโอกาส ปลอบขวัญน้องน้อยด้วยจูบเร่าร้อน ปากได้รูปประกบปิดปากสั่นระริกจากแรงสะอื้น การปลอบขวัญอันอ่อนหวานนุ่มนวลในทีแรก กลับค่อยๆ แทรกความร้อนแรง ปลุกเร้าขึ้นทีละนิดตามลำดับ มือที่อยู่นิ่งๆ พลันยกขึ้นช้อนใต้คางบังคับให้ไพลินแหงนหงายรับจูบจากพี่ชายผู้รักน้องเท่าลมหายใจ
จากที่เคยอดทน เก็บกดอาการทุกอย่างไว้ได้ พอสารภาพและเล่าความจริงออกมาอย่างหมดเปลือก คนที่ทำตัวเป็นคนสุขุม นุ่มลึก สุภาพนุ่มนวลพลันแปรสภาพเป็นอย่างอื่นได้ในพริบตา น้องสาวถูกดูดลิ้นดูดปาก จูบไว้มั่นไม่ยอมปล่อยด้วยมือและปากพร้อมทั้งลิ้นพี่ชาย ที่พยายามพันเกี่ยวกับลิ้นเล็กคนเป็นน้อง
เขาถอนลิ้นออกมาด้วยอาการเสียดาย สองมือประคองพวงแก้มร้อนผ่าวแดงก่ำไพลินไว้ จ้องมองดวงหน้าหญิงสาว ราวจะกลืนกินด้วยไอร้อนแห่งแร่งปรารถนาที่พวยพุ่ง
“ไม่เป็นพี่ชายได้ไหม” เขาเอ่ยขอเสียงทุ้มเจือไฟในแววตาสีน้ำตาลคมเข้มนุ่มลึก มีเงาไพลินอยู่ในดวงตาคู่นี้อย่างเด่นชัด
“แบบนี้อบอุ่นดี”
“อยากได้แค่ความอบอุ่นหรือ”
“เอ๋...ยังไงคะ”
“พี่ทำให้ร้อนได้นะ อุ่นอย่างเดียวคงไม่พอ”