ลุ้นรัก

1853 คำ
“ปันเข้ามาคุยกับพี่ในห้องหน่อย” จอมพลออกมาตามโดยไม่สนใจสายตาของคนในทีมเซลส์ที่ต่างมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น “พี่หนึ่งมีเรื่องอะไรคะ” สปันถามเมื่อเข้ามายืนตรงหน้าเขาแล้ว “พี่จะคุยเรื่องงาน” สปันลังเล แต่เขาอ้างเรื่องงานเธอเลยต้องคุยด้วย อีกอย่างในบริษัทมีคนเยอะแยะ เขาคงไม่กล้าทำอะไรเธอหรอก “ปัน พี่อยากคุยเรื่องของเรา พี่ไม่อยากให้เรามองหน้ากันไม่ติดแบบนี้ทั้งที่เคยรู้สึกดีๆ ต่อกัน เราจะกลับมาคบกันใหม่ได้ไหม” เขาเอื้อมมือหมายจะฉวยจับมือบาง ขณะที่สปันรีบชักมือกลับ แต่เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเดินเข้ามา ณัฐเศรษฐ์มองภาพนั้นครู่หนึ่งก่อนยิ้มขรึม “ผมขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้รออนุญาต ผมอยากคุยเรื่องงานกับคุณจอมพล ผมออกไปรอก่อนก็ได้ถ้าคุณมีแขก” “เอ่อ ท่านประธานคะ เดี๋ยวปันออกไปก่อนก็ได้ค่ะ” สปันบอกแล้วมองหน้าคนมาใหม่ ทำไมจู่ๆ หัวใจเธอก็แป้วไปนะ เมื่อเขาไม่มองหน้าเธอ กระทั่งเดินออกมาแล้วปิดประตูลง เธอก็ยังมองห้องนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย หนึ่งในนั้นมีความรู้สึกที่ว่าเธอกลัวณัฐเศรษฐ์เข้าใจผิดร่วมด้วย “ช่างเถอะ จะคิดมากทำไม” สปันบอกตัวเองให้หยุดคิดเรื่องที่ไม่ควรคิด ทว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือมีข่าวซุบซิบเรื่องของเธอออกมามาก เมื่อสปันเดินไปที่ห้องแล็บยาเพื่อคุยเรื่องยาตัวใหม่ ตอนนี้ที่สำคัญคือเธอต้องทำงานหายอดขายเพื่อให้ได้ค่าคอมมิชชั่นเยอะๆ เพราะต้องนำไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้บิดา สปันไม่เคยสนใจเรื่องซุบซิบในออฟฟิศ เพราะว่าเธอต้องคุยกับลูกค้าทั้งวันแค่นี้ก็หมดเวลาแล้ว แต่เมื่อมาจนถึงหน้าห้องแล็บที่จะคุยงานก็ต้องชะงักเท้า มองด้านในที่เปิดประตูทิ้งไว้ เสียงจากคนที่คุ้นเคยกำลังคุยเจื้อยแจ้ว ธิดานั่นเอง “สารู้หรือยัง ยายปันกำลังตกกระป๋อง พี่หนึ่งเขาเขี่ยทิ้งแล้ว ไปคบกับคุณพัดชาแทน สมน้ำหน้า คราวนี้จะได้รู้จักคำว่าเจียมตัวซะบ้าง” “สาก็ได้ยินเรื่องที่เขาเลิกกัน แต่ว่าน้องปันเขาก็ดูปกติดีนี่นา ไม่เห็นมีท่าทางเสียใจที่เลิกกับพี่หนึ่งเลย บางทีก็ดูไม่เหมือนคนคบกัน เหมือนพี่หนึ่งตามจีบน้องปันฝ่ายเดียว” คนชื่อสาออกความเห็น เพราะไม่เคยเห็นสปันทำท่าสนิทสนมกับจอมพลเท่าไรนัก มีแต่จอมพลที่ตามตื๊อและทำตัวเป็นเจ้าของสปัน ธิดาแบะปากไม่พอใจ “สาจะไปรู้อะไร ต้องฟังวงในอย่างพี่ นั่งทำงานอยู่ในชั้นเดียวกันพี่เห็นทุกอย่าง ยายปันน่ะขี้อ่อยจะตายไป แล้วที่ว่าไม่เสียใจน่ะ ไม่จริงสักนิด ยายปันร้องไห้เสียใจจนตาบวมไม่มาทำงานไปสามวันเลย สาไม่สังเกตเหรอที่หายไปตั้งหลายวันน่ะ หนีไปทำใจนะนั่น” ธิดาใส่ไคล้ทันที ทั้งที่รู้ว่าสปันหยุดไปเพราะบิดาป่วย แต่เธอก็คิดว่าอย่างไรเสียสปันคงหนีไปหลบเลียแผลใจด้วยนั่นแหละ “สาเห็นหายไปก็นึกว่าออกไปหาลูกค้า” “หยุดไปตั้งสามวัน หายไปทำใจมาจ้ะ” ธิดาใส่สีตีไข่ต่อ “สวยขนาดนั้นเดี๋ยวก็หาคนใหม่ได้ ได้ข่าวว่าท่านประธานคนใหม่สนใจน้องเขาอยู่ไม่ใช่เหรอ เขาลือกันให้แซ่ดว่าในห้องประชุมท่านประธานมองน้องปันตาเยิ้มเลย” ธิดาแบะปากด้วยความไม่ชอบใจ “ท่านประธานคงยังไม่รู้ว่ายายปันมีซัมติงกับผู้จัดการของตัวเอง พี่จะบอกอะไรให้ ที่ยายปันมียอดขายดีๆ ก็เพราะพี่หนึ่งช่วยโอนยอดให้ แต่ตอนนี้ถูกทิ้งแล้วก็เลยพยายามหาทางอ่อยท่านประธาน หลุดจากผู้จัดการก็มาฟาดท่านประธานเพื่อหาที่ยึดใหม่ เพื่อยอดจะได้ไม่ตกแล้วก็เก็บแต้มด้วย” ธิดาบอกอย่างหมั่นไส้ เพราะตอนที่ประชุมอยู่เธอก็เห็นว่าท่านประธานคนใหม่มองสปันตลอดเวลา ใครในห้องก็เห็น “ท่านประธานจะชอบจริงเหรอ คุณอัจฉราบ่นให้สาฟังอยู่ น้องปันรถเสียไม่มีใช้ ปกติรถยนต์ของบริษัทจะให้เซลส์เอาไปใช้ได้ คุณอัจฉราจะขอให้น้องปันใช้ ท่านประธานยังไม่อนุมัติเลย” ธิดาเบิกตาโต “จริงเหรอสา ถ้าท่านไม่สนใจก็ดี พี่ได้รับความอยุติธรรมาเยอะแล้ว ต่อไปถ้ายายปันไม่มีคนหนุนหลังก็ดี” ธิดาบอกอย่างมีความสุข เพราะไม่อยากเห็นสปันได้ดีกว่า “พี่ว่าท่านประธานคงมีสาวๆ สวยๆ ให้เลือกเยอะ คงไม่สนใจยายปันหรอก” “ไม่รู้เหมือนกันนะคะพี่ธิดา แต่สาได้ยินข่าวของท่านประธานมา ได้ยินว่าคบแต่ไฮโซสาวสวยเซ็กซี่ทั้งนั้น แต่ละคนนะ ขาวสวยหมวยอึ๋มมาก ที่จริงน้องปันก็สวยเซ็กซี่นะ” “นมใหญ่ก็ไม่รู้ว่าไปผ่านมีดหมอมาหรือเปล่า อีกอย่างถ้าท่านประธานจะคบก็คบเล่นๆ ไม่ได้คบจริงจังหรอก ได้แล้วก็เลิก” คนช่างเม้าธ์ก็เม้าธ์กันอย่างสนุกปาก สปันกำมือแน่น ทีมเซลส์ที่สปันทำงานมีสามกลุ่ม สปันดูแลกลุ่มยาคุมกำเนิด ส่วนกุลสตรีดูแลกลุ่มยาแก้ปวด และธิดาดูแลกลุ่มยาแก้แพ้ ธิดามียอดอยู่รั้งท้ายและมักถูกจอมพลตำหนิเป็นประจำ ฝ่ายนั้นเลยโทษว่าเป็นเพราะเธอ ทั้งที่เธอก็ไม่ได้ทำอะไรให้ ถ้าให้เดาก็คงเพราะธิดาไม่ชอบหน้าเธอมากกว่า ธิดามักหาโอกาสคุยเรื่องสปันกับพนักงานคนอื่นเสมอว่าใช้เส้นสาย ทั้งที่เธอขยันหายอดด้วยตัวเอง แต่ธิดามักชอบนั่งแต่ในออฟฟิศไม่ออกไปหาลูกค้า สปันปล่อยวางมาตลอด กระทั่งถึงวันนี้ที่รู้สึกว่าเส้นความอดทนขาดผึง ร่างบอบบางเดินเข้าไปแล้วพูดขึ้น “พี่สาคะ ผลแล็บยาของปันได้หรือยังคะ ปันมียาตัวใหม่จะให้พี่สาทดสอบหน่อย” ธิดาตกใจที่จู่ๆ คนที่พูดถึงก็โผล่พรวดเข้ามา “สา ฉันไปก่อนนะ” “เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ธิดา” สปันเรียกไว้ “อยู่ฟังด้วยกันก่อนสิคะ เรื่องนี้เกี่ยวกับพี่ธิดาด้วย” “เกี่ยวอะไรกับฉันไม่ทราบ” สปันไม่สนใจ หันไปหานักวิจัย “พี่สาคะ คือปันได้คำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ค่ะ ปันอยากได้ยาที่ใช้กดต่อมอิจฉา ถ้าเราคิดยาตัวนี้ออกมาได้ ตั้งใจว่าจะให้พี่ธิดาลองกินคนแรกว่าใช้ได้ผลไหม” ธิดาอ้าปากค้าง ถลึงตาใส่สปันทันที “แกกินเองสิยากดต่อมอิจฉาน่ะ” “พี่ธิดาทำหน้าตาท่าทางแบบนี้เหมือนตัวอิจฉาในละครหลังข่าวเลยค่ะ อ๊ะๆ อย่าเสียงดังนะคะ ในห้องแล็บเขาห้ามเสียงดัง ไม่งั้นปันไปฟ้องคุณอัจฉรานะคะ” ใครก็รู้ว่าอัจฉราเป็นคนเคร่งครัดมาก ไม่ชอบให้พนักงานทำผิดกฎ ทุกคนในบริษัทต่างรู้ดี พอสปันอ้างมาแบบนี้ ธิดาเลยได้กระทืบเท้าเร่าๆ ถลึงตาใส่ “เธออย่าคิดว่าตัวเธอจะชนะคนอื่นตลอดนะ ฉันจะรอดูวันที่เธอตกต่ำ” “คงจะไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ” “มั่นใจเหลือเกินนะ” “ค่ะ ปันมั่นใจ ท่านประธานยังตามจีบปันอยู่เลย แต่ปันไม่เอา” สปันแกล้งพูดให้ธิดาโมโหเล่น เพราะไม่คิดว่าจะมีใครได้ยิน ธิดากำมือแน่น แล้วสะบัดหน้าเดินหนีไปด้วยความคับแค้นใจ ขณะที่สปันไหวไหล่ไม่สนใจแล้วคุยงานกับพี่สาต่อ “พี่สาคะ ปันอยากได้สูตรยาคุมตัวนี้” คนฟังรู้สึกหน้าม้านที่สปันไม่ได้ติดใจถามเรื่องที่เธอแอบเม้าธ์สักนิด บางทีเรื่องที่ธิดาเล่ามาอาจไม่เป็นความจริงก็ได้ สปันกินผู้จัดการตัวเองและยังคิดอ่อยประธานคนใหม่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ข่าวใหม่คือท่านประธานจีบสปัน แต่สปันไม่เล่นด้วยต่างหาก ณัฐเศรษฐ์ยืนสีหน้านิ่งเรียบไม่บอกอารมณ์ เขาหมุนตัวกลับออกไปจากมุมห้องตรงนั้นพร้อมกับสุรีย์เลขาฯ ส่วนตัว ................................................................................................ ไซต์งานโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสสายสีเหลือง ส่วนต่อขยายไปทางถนนศรีนครินทร์ ตรงช่วงก่อสร้างที่เป็นสถานีพักรถและซ่อมรถกำลังมีเสียงเอะอะของกลุ่มคนงานดังอื้ออึง ทันใดนั้นเองก็มีร่างของคนงานล้มตึงลงมาเพราะตกจากบันไดที่กำลังปีนขึ้นไปทำงาน “เฮ้ย คนงานตกบันได” “ไอ้พีเป็นไรวะ” เสียงเพื่อนสนิทวิ่งเข้าไปดูพลางร้องตะโกนถามคนที่ล้มลงแต่ไร้คำตอบ ร่างของคนชื่อพีตกจากบันไดที่ปีนขึ้นไปได้ห้าก้าว แต่โชคดีที่สวมหมวกนิรภัยทำให้ศีรษะไม่แตก แต่ว่าสิ่งที่เพื่อนๆ ตกใจจนลนลานคืออาการชักเกร็งพร้อมกับตาเหลือกลานของคนที่ล้มไปนอนกับพื้นดิน เพื่อนอีกคนที่ทำงานใกล้ชิดตะโกนบอกหัวหน้าทันที “หัวหน้าครับ ทางนี้มีคนชักครับ” หัวหน้าหนุ่มที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายสกอตกับกางเกงยีนส์ สวมหมวกนิรภัยและรองเท้าเซฟตี้ปราดมาดู โฟร์แมนที่ดูแลอีกทีไม่อยู่ตรงนั้น แต่ชายหนุ่มในชุดเสื้อลายสกอตคือคนอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุเลยเข้ามาดูก่อน “เกิดอะไรขึ้น” “นายช่างครับ ไอ้พีมันชักครับ มันมีโรคประจำตัวเป็นลมบ้าหมู” นายช่างที่คนงานเรียกมีชื่อว่าอัศวิน เขาเป็นวิศวกรโยธาที่ดูแลไซต์งานนี้อยู่ เขากำลังจะกลับออกไปพอดีเพราะได้เวลาเลิกงานหนึ่งทุ่ม แต่ว่าได้ยินเสียงเอะอะเข้าเสียก่อนเลยวิ่งมาดู ไม่คิดว่าจะมีคนงานได้รับอุบัติเหตุ “พาไปโรงพยาบาลก่อน” คนงานวิ่งไปที่รถกระบะเก่าๆ แต่ว่าอัศวินโบกมือ “เอารถผมไป” เขาบอกคนงานที่วิ่งหน้าตาตื่นไปหาโฟร์แมนเพื่อหาคนที่จะขับรถพาผู้ป่วยไปโรงพยาบาล แต่ถูกนายช่างวิศวกรเรียกจนต้องชะงักกลับมา “นายช่างว่ายังไงนะครับ” “เอารถผมไป เดี๋ยวผมจะไปเอารถตอนนี้ ส่วนคุณ” อัศวินชี้บอกคนที่อยู่ใกล้ที่สุด “จับเขานอนตะแคงแล้วไม่ต้องหาอะไรยัดปากเขานะ ถอดเสื้อเขาออก ให้เขาหายใจได้สะดวก เดี๋ยวผมไปเอารถมารับตรงนี้” อัศวินบอกเสียงชัดเจนรัวเร็ว เป็นห่วงคนงานที่นอนชักเกร็งจนหน้าซีดขาว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม