“พี่ปันใจร้าย ขอให้แฟนทิ้ง”
“ปากหรือเนี่ย ไม่ต้องกินแล้ว เอาข้าวคืนมาเลย”
เกิดศึกชิงข้าวกล่องจนคนเป็นแม่ต้องเดินมาห้ามทัพ “สองคนนี้ยังไงกันนะ โตแล้วยังเล่นเป็นเด็กอยู่อีก” คุณรัญญาบ่น พลางส่ายหน้าช้าๆ ทำให้สปันกับปืนเลิกเถียงกัน
“ปืน พ่อหิวน้ำ”
เมื่อถูกบิดาเรียกใช้ ปืนเลยรีบไปรินน้ำใส่แก้วให้บิดาแล้วนำหลอดไปจ่อใกล้ๆ กับริมฝีปาก “ขอบใจมากลูก” คุณปรเมศบอกแล้วปืนจึงกลับไปเทข้าวกล่องใส่จาน
คุณปรเมศมองครอบครัวที่อยู่พร้อมหน้าทำให้คนป่วยมีกำลังใจขึ้น ต่อไปเขาจะทำตามที่แพทย์สั่งทุกอย่าง จะได้ไม่ต้องกลับมานอนโรงพยาบาลอีก และทุกคนจะได้ไม่ต้องลำบากเหน็ดเหนื่อย
สปันนั่งกินข้าวมันไก่อยู่ เสียงไลน์ก็ดังขึ้น ดวงตาคู่สุกใสก้มมองพอเห็นชื่อคนที่ส่งมาก็กดเปิดอ่าน จอมพลส่งข้อความมา ในข้อความที่อ่านจบคือการบอกเลิก สปันหัวใจชาหนึบไปชั่วขณะหนึ่ง เพราะคิดไม่ถึงว่าจอมพลจะไลน์มาบอกเลิกง่ายๆ แบบนี้
‘พี่เจอคนที่พี่คิดว่าใช่แล้ว’
สปันเม้มปากเข้าหากัน อ่านข้อความบอกเลิกนั้นอย่างไตร่ตรองครู่หนึ่ง ข้อความในนั้นบอกว่าเธอกับเขาไปด้วยกันไม่ได้ และเธอเองก็ไม่ได้ยอมรับเขาเป็นแฟนเสียที ทำให้เขาไม่สามารถรอได้เพราะเขาเจอคนที่ใช่มากกว่า
สปันอ่านแล้วพิมพ์ตอบกลับไป ‘ปันเข้าใจค่ะ ถ้าพี่หนึ่งเจอใครที่ใช่กว่าปัน ปันก็ยินดีด้วย’
สปันพิมพ์จบก็วางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ น่าแปลกที่เธอไม่ได้เสียใจอย่างที่เคยสงสัยตัวเองว่าถ้าเลิกกับเขาแล้วจะเสียใจไหม แต่กลับค้นพบว่าโล่งอกด้วยซ้ำ มันก็จริงอย่างที่จอมพลบอกว่าเธอกับเขาไปกันไม่ได้ เธอไม่เคยให้คำว่าแฟนกับเขา แต่เขาเองที่โมเมเรียกเธอว่าเป็นแฟนจนทำให้คนที่ทำงานเข้าใจไปแบบนั้น
เรื่องนี้สปันไม่โทษเขาฝ่ายเดียว เพราะตอนนั้นเธอยอมรับว่าดูๆ เขาอยู่ เธอทบทวนเหตุการณ์หลายอย่างตลอดหกเดือนที่คบกันมา เวลาไปกินข้าวเธอก็แชร์กับเขา เวลาไปดูหนังเขาออกค่าตั๋วเธอออกค่าป๊อปคอร์น สปันไม่เคยให้เขาเลี้ยงอะไรฟรีๆ เลยคิดว่าโชคดีที่เธอไม่ได้ให้เขาออกค่าใช้จ่ายให้ ไม่อย่างนั้นคงรู้สึกแย่มากกว่านี้
“พี่ปันทำไมหน้าเครียดจัง” ปืนถาม
“พี่ไม่เป็นไร แค่เมื่อกี้เผลอไปกินพริกในน้ำจิ้มเข้า”
“กินน้ำตามเยอะๆ จะได้หายเผ็ด ต่อไปพี่ปันต้องดูดีๆ นะ เดี๋ยวก็แสบท้องหรอก”
สปันรับแก้วน้ำมาดื่ม ใช่ ต่อไปเธอจะต้องดูคนที่จะเข้ามาในชีวิตดีๆ ความสุขของเธอคือการได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัว มีคนที่ห่วงใยอย่างแท้จริง ส่วนจอมพลเป็นแค่คนที่แวะผ่านเข้ามาในชีวิตให้เธอได้เรียนรู้เท่านั้น สปันบอกตัวเองแล้วกินข้าวมันไก่ต่อจนอิ่ม
บทที่2 ขอจีบ
เช้าวันต่อมาสปันมาทำงานเป็นวันแรก ร่างบอบบางในชุดทำงานสีครีมสุภาพกับกระโปรงยาวเสมอเข่ามองดูเรียบร้อยทว่าคล่องแคล่ว สปันดูอีเมลลูกค้าที่สอบถามปัญหาเกี่ยวกับจำนวนที่ส่งของไม่ครบ ร่างบางเลยลุกจากโต๊ะเพื่อไปคุยกับฝ่ายคลังสินค้าเพื่อสอบถามถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
สปันได้ข้อมูลมาแล้วว่าเนื่องจากรถขนส่งไม่พอ เธอจึงพิมพ์อีเมลตอบกลับลูกค้าไป กระนั้นก็ต้องรายงานเรื่องนี้ให้หัวหน้าทราบ นั่นก็หมายความว่าต้องเข้าไปพบจอมพลคนที่บอกเลิกผ่านไลน์
สปันถอนใจเฮือก จอมพลมาทำงานแล้ว เธอเห็นเขาเดินเข้าห้องทำงานไปก่อนแปดโมง เรื่องที่เขาบอกเลิกกับเธอนั้น สปันยังไม่ได้เล่าให้กุลสตรีฟัง แต่คิดว่าคงปิดไม่ได้ เพราะจอมพลบอกเองว่าเขาเจอคนที่ใช่แล้ว ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าคนคนนั้นคือพัดชาหรือไม่
“ปัน” เสียงเพื่อนรักเรียกทำให้เจ้าของชื่อหันไปมอง “คนในบริษัทเม้าธ์กันใหญ่ว่าพี่หนึ่งเลิกกับปันแล้ว เรื่องนี้จริงหรือเปล่าปัน”
“จริง เมื่อวานพี่หนึ่งไลน์มาขอเลิกกับปัน”
“ฮะ ไลน์มาขอเลิกเนี่ยนะ”
สปันพยักหน้า “ใช่ ไลน์มาขอเลิก ก็ดีแล้วละ ไปกันไม่ได้ปันก็ไม่อยากรั้งเขาไว้ พี่หนึ่งบอกว่าเจอคนที่ใช่กว่า ก็เลยขอเลิก”
“ทำไมเขานิสัยแย่แบบนี้”
“ช่างเขาเถอะ ปันเองก็ไม่ได้เสียใจอะไร”
“ทำไมปันพูดง่ายแบบนี้”
สปันไม่อยากอธิบายมากไปกว่านี้ ว่าที่จริงแล้วเธอก็ไม่ได้รักจอมพล แค่เขามาขอคบหาก็เลยลองคุยดูเท่านั้น เธอไม่อยากปิดโอกาสตัวเอง แต่ว่าเมื่อไปกันไม่ได้ก็เลิกกันไป ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“ไปกันไม่ได้จะให้ทำยังไงล่ะอุ่น ปันไม่ใช่คนที่ใช่ของเขา”
“คนที่ใช่ของเขาคือต้องรวยแบบคุณหนูพัดชาใช่ไหม จำได้ไหม ตอนปีก่อนที่ปันเข้ามาทำงานใหม่ๆ พี่หนึ่งเขามาตามจีบปันจนทำให้ใครหลายคนมองว่าปันผ่านโปรเพราะยอมเป็นแฟนกับพี่หนึ่ง ปันต้องอดทนมากมาย แต่สุดท้ายเขาก็มาขอเลิกกับปันง่ายๆ”
“พี่หนึ่งคงคิดว่าตอนนี้ปันไม่ใช่สำหรับเขาแล้ว”
“ก็เพราะมียายคุณหนูพัดชามาเป็นตัวแปรน่ะสิ” กุลสตรีสงสารเพื่อนเพราะรู้ว่าสปันไม่ได้ทำอะไรผิด สปันไม่ได้มีคนใหม่ และระหว่างที่คบหากับจอมพลก็ไม่ได้มีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งอะไรกัน เธอใกล้ชิดกับสปันมากจึงรู้เรื่องนี้ดีที่สุด
“แต่คนเอาไปซุบซิบให้ทั่วว่าปันถูกทิ้งนะ”
“อย่าไปสนใจเลย เขาเหนื่อยก็หยุดพูดไปเอง ตอนนี้เราต้องเร่งหายอดให้บริษัทก่อนนะ เดือนนี้ยอดขายตกมาก ถ้าไม่ได้ยอดตามเป้าเราอาจถูกเรียกเข้าห้องเย็นก็ได้”
กุลสตรีทำหน้าขนลุกขึ้นมาทันที เพราะเธอถือข้างสปันเต็มที่ และถ้าเดือนนี้ยอดตกมีหวังถูกจอมพลเล่นงานคดีเก่าไปด้วย ที่ผ่านมาเธอมียอดขายดีทำให้จอมพลเกรงใจ
“ปันไม่คิดมากแบบนี้ก็ดี อุ่นว่าจริงๆ แล้วปันก็ไม่ได้รักไม่ได้ชอบอะไรพี่หนึ่งหรอกจริงไหม ถึงได้ดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไม่เหมือนคนเพิ่งเลิกกับแฟน” กุลสตรีมิวายถามต่อ แต่คราวนี้สปันไม่ตอบ ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆ
“ไม่เอา ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว มันผ่านไปแล้ว เดี๋ยวปันต้องไปคุยงานกับพี่หนึ่งก่อนนะ ฝ่ายจัดส่งส่งของให้ลูกค้าไม่ครบ ปันต้องไปบอกพี่หนึ่งก่อน”
สปันบอกจบก็เดินตรงไปห้องทำงานของจอมพล ขณะที่กุลสตรีมองด้วยความเป็นห่วง คนเพิ่งเลิกกันจะมองหน้ากันติดไหมนะ แต่เอาเข้าจริงกุลสตรีก็เบาใจ เพราะไม่อยากให้สปันคบหากับจอมพลตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เนื่องจากอีกฝ่ายดูเจ้าชู้และชอบวางท่าจนน่าหมั่นไส้
................................................................................................
สปันเคาะประตูสองทีก่อนเข้าไปในห้องทำงานของจอมพล เมื่อเข้าไปแล้วก็พบว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์ที่โต๊ะทำงานด้วยสีหน้าเบิกบานแจ่มใส เธอเลยจะเดินออกไป แต่ว่าเขาโบกมือห้ามแล้วกวักมือให้นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ผมก็คิดถึงพัดชาเหมือนกัน เดี๋ยวเจอกันครับ รักนะครับ”
สปันหลุบตาลงไม่อยากฟังบทสนทนาที่เขาคุยอยู่ เลยไม่เข้าใจว่าเขาเรียกให้เธอนั่งรอทำไม หรือว่าอยากให้ฟังเขาคุยกับแฟน ซึ่งมันทำให้เธอปวดใจ ปวดใจที่ว่าทำไมเผลอไปคบหากับคนแบบเขาได้นะ ตาถั่วจริงๆ เลยสปัน
กระทั่งรอจนเขาเรียกถึงได้เงยหน้าขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่คุยกับเขาตามลำพังหลังจากที่เธอลางานไปสามวัน
“ปัน” จอมพลเรียกพลางมองสำรวจคนตรงหน้า สปันเป็นคนสวยจัด แต่ว่าที่บ้านมีปัญหาทางการเงินทำให้เขาไม่อยากยุ่งด้วยอีก เขาอยากได้คนที่จะมาร่วมสร้างชีวิต ไม่ใช่คนที่จะมาเป็นภาระ
“ปัน คุณโอเคใช่ไหม เรื่องที่พี่ไลน์ไปบอกเลิก”
สปันยิ้มบางๆ ก่อนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ความรู้สึกที่เหลือตอนนี้คือรังเกียจคนตรงหน้าเหลือเกิน “ค่ะ ปันโอเค”
“ก็ดี เพราะพี่ไม่อยากเสียลูกน้องมือดีแบบคุณไป พี่ดีใจที่ปันเป็นคนใจกว้างเข้าใจอะไรง่ายๆ”
“ค่ะ” สปันตอบแล้วหลุบตาลงไม่อยากเห็นหน้าเขา
“พี่กำลังคบหากับคุณพัดชา เราสองคนเข้ากันได้ดี อาจจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ พี่หวังว่าปันจะเข้าใจ จะยินดีกับพี่ด้วย”
“พี่หนึ่งกับคุณพัดชาเพิ่งคบกันไม่ใช่หรือคะ ทำไมถึงจะแต่งงานกันแล้วล่ะคะ”
“คุณพัดชาเป็นผู้หญิงที่พี่ตามหามานาน พี่รักเธอ”