สปันเบิกตากว้างมองคนพูด เขาเจ้าเล่ห์ขนาดนี้เลยหรือเนี่ย แต่ก็เป็นเรื่องจริงอย่างที่เขาพูด เขาเป็นเจ้านายของเธอนี่นา “ก็ได้ค่ะ”
ในเมื่อเขาอยากไปเยี่ยม สปันก็ไม่รู้จะห้ามอย่างไร เขามีน้ำใจมาส่งและยังต้องการมาเยี่ยมบิดาอีก จะใจดำขับไล่กลับไปก็ดูไม่ดี ทั้งที่รู้สึกว่าแปลกประหลาดแต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่
สปันเดินนำไปที่ห้องพักโดยมีร่างสูงสมาร์ตของณัฐเศรษฐ์เดินตามหลัง สปันรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่พุ่งมาที่เธอ แต่เมื่อสังเกตสายตาเหล่านั้นดีๆ จึงพบว่าพวกเขาไม่ได้มองเธอ
หมอ พยาบาล และเจ้าหน้าที่เหล่านั้นเขามองคนที่เดินตามหลังเธอต่างหาก จริงสิ เธอลืมไปได้อย่างไรว่าเขาเป็นเจ้าของโรงพยาบาล ดังนั้นการที่เจ้าหน้าที่เหล่านั้นมองไปที่เขาและบางคนก็ยกมือไหว้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
สปันหันไปมองเขา ในมือเขายังมีกระเป๋าโน้ตบุ๊กของเธอ
“ปันถือกระเป๋าเองดีไหมคะ”
เขาเลิกคิ้วสูง “ทำไมยังมีปัญหาอะไรอีกเหรอ ผมถือมาถึงที่นี่แล้ว” ณัฐเศรษฐ์ถามด้วยความสงสัย จู่ๆ สปันก็หันมาขอกระเป๋าคืน
“คุณณัฐเป็นเจ้าของโรงพยาบาล ส่วนปันเป็นเซลส์ขายยา ปันกลัวคนเข้าใจผิดค่ะ”
“เข้าใจผิดว่าเรามีซัมติงกันแล้วปันจะมาขายยาที่นี่ไม่ได้อีกงั้นเหรอ”
สปันหน้าแดง “ก็จริงไหมล่ะคะ” เสียงหวานพึมพำ สายตาคนเหล่านั้นยังมองไม่วางตาจนเธอรู้สึกไม่สบายใจ “ถ้าใครเอาไปเม้าธ์ละแย่เลย ปากคนยาวยิ่งกว่าปากอีกาซะอีก”
ณัฐเศรษฐ์อมยิ้ม สปันจะกลัวขายยาไม่ได้อีกทำไม ในเมื่อเขาเพิ่งซื้อบริษัทยาของเธอไป และเขาก็ต้องสั่งซื้อยาจากที่นั่นเพื่อป้อนโรงพยาบาลของเขาอยู่แล้ว ซึ่งโรงพยาบาลมีตั้งหลายสาขา
“ปันลืมไปหรือเปล่าว่าผมเพิ่งซื้อบริษัทยาที่ปันทำงานอยู่มาเป็นของผม”
“ปันไม่ลืมค่ะ แต่ยังไงปันก็ต้องมาขายยาให้คุณหมอที่นี่เหมือนเดิม ถ้าเกิดมีใครไม่ชอบปันมันก็จะคุยกันยาก ปันไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน”
“เพื่อนร่วมงานหรือคนที่มีผลประโยชน์ให้กันแน่ เอาดีๆ”
“คุณณัฐ” สปันแหวที่เขารู้ทัน
“ผมแซวเล่น ถ้าอย่างนั้นปันจะให้ผมทำยังไง”
“ทำยังไง” สปันทวนคำพูดของเขาแล้วก็ส่ายหน้า เพราะเธอก็นึกไม่ออกว่าตัวเองต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่ เพราะเขาก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย สรุปคือสปันเลยไม่รู้จะบอกอย่างไรดี
“ผมกับปันเราเป็นเพื่อนกันได้ ทำไมต้องกลัวคนมองไม่ดีด้วย หรือว่าปันชอบผม เลยกลัวคนรู้”
สปันเบิกตาโตปฏิเสธเสียงหลง “ไม่จริงนะคะ ปันไม่ได้คิดแบบนั้นสักหน่อย คุณณัฐเป็นเจ้านาย ปันจะคิดแบบนั้นได้ยังไง เราเป็นแค่เจ้านายกับลูกน้องเท่านั้นเอง” สปันตอบเร็ว แต่ยิ่งตอบได้คล่องก็ยิ่งรู้สึกเหมือนคนทำความผิดที่รีบลนลานหาคำแก้ตัว
“ถ้าปันคิดแบบนั้นก็ไม่ต้องกลัวใครเอาไปเม้าธ์ ใครจะพูดอะไรก็ปล่อยเขาไป แค่ไม่ให้เราได้ยินก็พอ”
“คะ” สปันมองหน้าเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ แค่เม้าธ์ไม่ให้เราได้ยินก็พอ นี่เขาต้องเจอกับอะไรมาบ้างถึงได้เย็นชาไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดคนแบบนี้ สปันอยากรู้ขึ้นมาเสียแล้ว
“รีบไปเยี่ยมคุณพ่อปันเถอะ เดี๋ยวคุณพ่อคุณแม่จะรอ”
“เรียกคุณลุงคุณป้าดีกว่าไหมคะ” สปันเสนอ
“เรียกคุณพ่อคุณแม่เหมือนปันนั่นแหละง่ายดี” เขาตอบ
สปันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ แต่คร้านจะเถียงด้วยอีก จึงรีบเดินให้ห่างจากเขา
ตอนที่มาถึงห้องพักของบิดา มารดากำลังเตรียมอาหารเย็นพอดี ส่วนบิดานั้นกินข้าวกินยาไปแล้ว ส่วนน้องชายก็นั่งอยู่ที่โซฟา
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” สปันยกมือไหว้บิดามารดา
สายตาของทุกคนในห้องมองมาที่สปันก่อนจะเคลื่อนย้ายไปที่ใครอีกคน สปันไม่ได้มาคนเดียว หากแต่พาหนุ่มหล่อมาดดีมาด้วย สปันเห็นสายตาเป็นเครื่องหมายคำถามจากทุกคนจึงรีบอธิบาย
“คุณพ่อคุณแม่คะ นี่คุณณัฐเศรษฐ์เจ้านายปันค่ะ คุณณัฐคะ นี่คุณพ่อคุณแม่ของปันค่ะ”
“สวัสดีครับ ผมณัฐเศรษฐ์ครับ” คนหล่อยกมือไหว้อย่างนอบน้อม ทำให้ผู้สูงวัยทั้งสองรีบยกมือรับไหว้
“ไหว้พระเถอะจ้ะ”
“คุณพ่อคุณแม่คะ คุณณัฐเป็นเจ้านายของปัน แล้วก็เป็นเจ้าของช่อดอกไม้ที่เราหาเจ้าของไม่เจอด้วยค่ะ” สปันบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากนะคะ” คุณรัญญาพูด
“ไม่เป็นไรครับ เล็กน้อยเท่านั้น”
คุณรัญญายิ้มตอบ แต่สายตาลอบมองสำรวจแปลกใจกับท่าทางเจ้านายของบุตรสาว ขณะที่สปันรีบบอกราวกับกลัวจะถูกเข้าใจผิด “คุณณัฐเป็นเพื่อนกับหมอก้องด้วยนะคะคุณแม่”
“บังเอิญจริงๆ”
“ใช่ค่ะ โลกกลมมาก” สปันตอบมารดา แต่ยังบอกไม่ครบเรื่องที่ณัฐเศรษฐ์เป็นถึงเจ้าของบริษัทยาที่เธอทำงานและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ด้วย เธอไม่อยากให้บิดามารดาตกใจ ตั้งใจว่าตอนเขากลับไปแล้วอยู่ตามลำพังกับคนในครอบครัว เธอค่อยบอกทุกคนอีกที
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะครับ” บิดาของสปันพูด พลางมองคนมาเยี่ยมด้วยสายตาพิจารณา ปกติบุตรสาวไม่เคยพาหนุ่มมาแนะนำ แต่ครั้งนี้กลับพามา “เป็นเจ้านายของปันหรือครับ แต่ยังดูหนุ่มแน่นอยู่เลย”
ณัฐเศรษฐ์ยิ้มบางๆ
“คุณณัฐเศรษฐ์คะ นี่น้ำค่ะ” นางรัญญานำขวดน้ำมาให้พร้อมหลอด
“ขอบคุณครับ” คนถูกชมว่าหนุ่มแน่นหันไปขอบคุณผู้สูงวัย “ผมมีของมาเยี่ยมด้วยครับ” เขายื่นกล่องรังนกให้คนป่วย เขาแวะซื้อที่ร้านค้าในโรงพยาบาลก่อนจะขึ้นมาเยี่ยม
“ขอบคุณมากครับ ที่จริงไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่ลำบากเลยครับ ปันบอกว่าคุณพ่ออาการดีขึ้นมากแล้ว ผมว่าอีกไม่นานก็กลับบ้านได้แล้วนะครับ”
“เรียกผมว่าลุงดีกว่าครับ อย่าเรียกว่าพ่อเลย”
“ผมขอโทษครับ คุณลุง ผมไม่ได้ตั้งใจพูดให้คุณลุงไม่สบายใจ แล้วคุณหมอบอกไหมครับว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร”
“คุณหมอบอกว่าคงเร็วๆ นี้ ผมเองก็อยากกลับบ้านแล้วครับ คิดถึงบ้านที่ต่างจังหวัดด้วย”
“บ้านที่ต่างจังหวัด” ณัฐเศรษฐ์ถาม นี่เป็นเรื่องใหม่ที่เขาเพิ่งรู้
“ใช่ครับ ครอบครัวเราเดิมทีอยู่ที่จังหวัดน่าน บ้านที่กรุงเทพฯ เป็นบ้านเช่าให้ยายปันอยู่กับน้องชาย ผมกับคุณรัญญาเพิ่งมาอยู่ตอนที่ผมมารักษาตัวที่นี่”
“คุณพ่อท่านตั้งใจว่าถ้าหายดีแล้วก็จะกลับน่านเลยค่ะ” สปันเสริม
“ถ้าคุณพ่อคุณแม่กลับน่านแล้ว ผมอยู่ดูแลพี่ปันได้ครับ คุณพ่อไม่ต้องห่วง”
ณัฐเศรษฐ์เลยหันไปทางน้องชายของสปัน เด็กหนุ่มมองเขาครู่หนึ่งก่อนจะยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
ณัฐเศรษฐ์รับไหว้ สายตาเด็กหนุ่มที่มองเขาเหมือนไม่ค่อยชอบใจเท่าไร สงสัยคิดว่าเขามาเกาะแกะพี่สาว ณัฐเศรษฐ์อมยิ้ม เด็กหนุ่มนั่นคิดถูกแล้ว ฉันจะจีบพี่สาวนาย
“คุณลุงครับ ช่วงนี้ต้องกินของบำรุงร่างกายเยอะๆ เพื่อฟื้นฟูสุขภาพ ถ้าขาดเหลืออะไรบอกผมได้ทันทีเลยนะครับ”
“ผมคงไม่รบกวน”
“ไม่รบกวนเลยครับ ผมยินดี”
“ยายปันทำงานกับคุณณัฐเศรษฐ์นานหรือยังครับ” คุณปรเมศเปลี่ยนเรื่อง
ณัฐเศรษฐ์ยังไม่ทันตอบ สปันก็ชิงพูดขึ้นก่อน เธออยากจะบอกกับบิดามารดาด้วยตัวเองว่าเขาเป็นเจ้านายใหญ่ที่บริษัท “คุณณัฐคะ ไหนว่าต้องรีบกลับบ้าน”
ณัฐเศรษฐ์หันหน้ากลับมาเลิกคิ้วสูง เขาน่ะเหรอรีบกลับบ้าน
“คุณณัฐจะกลับเลยใช่ไหมคะ ไปค่ะ ลาคุณพ่อคุณแม่ของปันเลยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องเกรงใจ” สปันจัดการให้เขารีบกลับไป เพราะยิ่งเขาอยู่ก็ยิ่งทำให้ทุกคนสงสัยมากขึ้น
ณัฐเศรษฐ์ยิ้มบางๆ พร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ “งั้นผมลากลับก่อนนะครับคุณลุงคุณป้า”
“ครับ” บิดาของสปันบอก
“เดี๋ยวปันไปส่งคุณณัฐก่อนนะคะคุณพ่อคุณแม่” สปันบอกจบก็รีบเปิดประตูรอ ณัฐเศรษฐ์เห็นท่าทางร้อนรนของสาวน้อยก็ยอมเดินออกไป
ตอนที่ประตูปิดลง สปันก็เผลอระบายลมหายใจออกมา
“ปันดูตื่นเต้นที่ผมไปเจอคุณพ่อคุณแม่ของปัน”
“ปันไม่เคยพาผู้ชายมาเจอคุณพ่อคุณแม่ คุณณัฐเป็นคนแรก แล้วเห็นสายตาคุณพ่อคุณแม่ปันไหมคะ ท่านมองคุณณัฐไม่วางตาเลย ปันกลัวท่านเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดว่า”
“เข้าใจผิดว่าคุณณัฐ...” สปันหยุดพูด เธอประหม่าเกินกว่าจะบอกเขาว่าการที่เขามาแบบนี้มันเหมือนเขาจีบเธอ แต่เธอรู้ดีว่ามันไม่ใช่ เพราะเขามีคนที่คบอยู่แล้ว
ร่างสูงของชายหนุ่มที่มีเสน่ห์แห่งบุรุษเพศเต็มเปี่ยมขยับเข้าใกล้สาวสวย เขาจ้องมองสปันด้วยสายตาชนิดหนึ่งที่ทำให้คนมองต้องผงะแล้วกัดปากแน่น
“ผมไม่ได้เป็นเกย์ ไม่ได้ชอบหมอก้อง ผมเป็นรุ่นพี่เขา แต่สนิทเหมือนเพื่อนกัน”
คำพูดของเขาที่บอกมาทำให้สปันอ้าปากค้าง มองเขาอย่างมึนงง มือหนาที่สวมนาฬิการาคาแพงขยี้จมูกเธอเบาๆ ราวกับจะเรียกสติที่ตกตะลึงให้กลับคืนมา