สปันนั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก เขาจะรักใครชอบใครหลังจากนี้ไม่เกี่ยวกับเธออีกแล้ว เพราะเธอแค่จะเข้ามาคุยงานในส่วนของเธอให้เขารับรู้
จอมพลเองก็เหมือนรู้ว่าคงไม่ได้รับความเห็นใดๆ จากสปันอีก จึงกระแอมหนึ่งครั้งแล้วพูด “ปันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าถึงเข้ามาหาพี่”
“ปันมีปัญหาของลูกค้าที่ต้องรายงานให้พี่หนึ่งทราบค่ะ” สปันรายงานปัญหาให้หัวหน้าโดยตรงทราบแล้ว เธอก็ไม่ได้คุยอะไรต่ออีก ก็ลุกออกมา สวนกับพัดชาที่เปิดประตูพรวดเข้ามา
พัดชามองสำรวจนิ่งๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องทำงานของจอมพล ส่วนจอมพลเองก็รีบลุกมาโอบเอวของคนมาใหม่ ไม่เกรงใจสายตาของลูกน้องที่นั่งหน้าสลอนหน้าห้อง รวมทั้งคนที่ยืนอยู่
“หวานเวอร์แทบจะอุ้มเข้าห้อง”
“เห่อแฟนใหม่”
“แหม ก็ระดับคุณหนูพัดชาเลยนะจ๊ะ เป็นใครก็ต้องสปอยล์” เสียงเพื่อนร่วมงานพูดตอนที่สปันปิดประตูห้องทำงานแล้ว
บางคนพูดแล้วจิกตามาทางสปัน แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วนั่งทำงานต่อ ไม่นานสองคนในห้องก็ตั้งท่าพากันออกไปจากห้องทำงาน
“สปัน กุลสตรี” ก่อนจะเดินออกไป จอมพลเรียกลูกน้องทั้งสองคน “เรียกทีมเซลส์ให้ไปประชุมด่วนตอนนี้ ห้ามไปสายเด็ดขาด”
“มีเรื่องอะไรหรือคะพี่หนึ่ง” กุลสตรีถาม
“ไปถึงก็รู้เอง รีบบอกทุกคนให้ไปตอนนี้เลย”
“เรื่องอะไรอะ ปันรู้ไหม”
สปันส่ายหน้า “ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเราต้องรีบไปตอนนี้”
“เกี่ยวกับยอดขายของบริษัทหรือเปล่านะ เดือนนี้ยอดขายไม่ดีไม่ได้ตามเป้า ไม่ใช่เรียกทีมเซลส์ไปด่ากลางห้องประชุมนะ ถ้าทำแบบนั้นจริงแม่จะแกล้งหายอดไม่ได้สักเดือนหนึ่ง”
“หายอดไม่ได้เขาก็ไล่เราออกน่ะสิ” สปันพูดกลั้วยิ้ม
“ก็หางานใหม่ กลัวอะไร อีกอย่างนะปัน ที่พี่หนึ่งทำแบบนี้กับปัน อุ่นว่าปันหางานใหม่ดีกว่า มีบริษัทคู่แข่งมาจีบปันให้ไปทำงานด้วยไม่ใช่หรือ”
“ก็มีอยู่ ไม่แน่นะ ปันอาจไปจริงๆ”
“ดีเลยปัน ถ้าปันไปนะ อุ่นจะรอสมน้ำหน้าพี่หนึ่ง” กุลสตรีออกความเห็นอย่างสะใจ แต่สปันกำลังคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องเรียกพวกเธอไปด่าหรอก หากเป็นแบบนั้นจริงเมื่อครู่จอมพลคงเกริ่นแล้ว
................................................................................................
เมื่อมาถึงห้องประชุม จอมพลก็เดินไปคุยกับลูกน้องในทีมซึ่งมีสปันอยู่ด้วย พัดชามองด้วยความไม่ชอบใจที่จอมพลยังชอบแอบมองสปันบ่อยๆ
“สปันช่วยไปหยิบแฟ้มที่ห้องทำงานของฉันให้หน่อยสิ ฉันลืมหยิบมาด้วย”
สปันขมวดคิ้วมองพัดชา เธอไม่ใช่ลูกน้องของพัดชา แต่ว่าพัดชาเป็นผู้จัดการฝ่ายบัญชีการเงินและยังเป็นลูกสาวเจ้าของบริษัท นั่นทำให้เธอใช้สิทธิ์นั้นมาสั่งหรือเปล่า
“แฟ้มเอกสารอะไรคะ”
“แฟ้มยอดขายประจำเดือนที่แล้วที่พี่หนึ่งเอามาส่งให้ฉัน”
“ค่ะ” สปันรับคำแล้วเดินออกไป ท่ามกลางเสียงซุบซิบของคนในห้องประชุมที่รู้กันดีว่าจอมพลเป็นแฟนกับสปัน แต่ตอนนี้กลายเป็นแฟนกับพัดชาไปแล้ว เพราะพัดชาประกาศไปทั่ว
พัดชาเหยียดยิ้มบางๆ มองสปันที่เดินไปหยิบแฟ้มมาให้ เธอชอบจอมพลเพราะอีกฝ่ายหล่อ แม้ฐานะอาจไม่ดีเท่าเธอ แต่เขาก็ดูภูมิฐานมีความรู้ ทำให้เธอรู้สึกว่าต่อไปเขาต้องช่วยงานที่บริษัทได้ บิดามีเธอเป็นลูกสาวคนเดียว ท่านบ่นเสมอว่าไม่มีใครช่วยงาน เธอเองก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะงานในบริษัทยากเกินความสามารถ เธอมีหน้าที่ใช้เงินที่บิดาหามาให้เท่านั้น และตำแหน่งที่ทำอยู่ก็เป็นเพียงหัวโขนให้บิดา
ทว่าใครจะรู้ได้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เมื่อร่างท้วมของบิดาที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทเดินเข้ามาก่อนเวลาในสภาพใบหน้าขรึมจัด พัดชาผิดสังเกต พอเห็นผู้เป็นบิดาหย่อนกายลงนั่งก็รีบปราดเข้าไปถาม
“คุณพ่อไม่สบายหรือเปล่าคะ ทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย”
คนเป็นพ่อโบกมือไปมา หน้าตายังไม่คลายความตึงเครียด “ไม่เป็นไร วันนี้พ่อมีประชุมสำคัญ ยังไงก็ต้องอยู่ประชุมให้จบ”
พัดชาพยักหน้าช้าๆ มองบิดาอย่างสงสัย วันนี้บิดาบอกว่าให้เข้าบริษัทเพราะมีเรื่องสำคัญ แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเรื่องสำคัญอะไร เธอพยายามถาม แต่บิดาก็ไม่ยอมบอก
“พัดชา” คุณสมพงษ์เรียก “เขยิบไปนั่งเก้าอี้อีกตัว”
เมื่อถูกบิดาไล่ให้ไปนั่งเก้าอี้ว่างตัวถัดไปทั้งที่ที่นั่งเดิมนั้นเป็นที่ประจำ ก็ทำให้พัดชายิ่งสงสัยและยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้น เมื่อบิดาไม่ได้นั่งเก้าอี้ประธานแต่ขยับมานั่งเก้าอี้ของเธอแทนแล้วเว้นที่นั่งประธานไว้
‘วันนี้คุณพ่อเป็นอะไรกันนะ เก้าอี้ประธานมีไม่นั่ง อยากมานั่งเก้าอี้เธอ’
“มากันครบแล้วใช่ไหม” คุณสมพงษ์ถามขึ้น พลางกวาดตามอง
ระดับผู้จัดการขึ้นไปนั้นมากันครบแล้ว คุณสมพงษ์จึงเข้าเรื่องอย่างไม่รอช้า “ที่วันนี้ผมเรียกประชุมด่วนเพราะผมมีเรื่องจะบอกทุกคน ผมได้ทำการขายบริษัทให้กับกลุ่มอีลิทแล้ว มันอาจกะทันหันไปหน่อย แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพื่อทุกคนจะได้มีงานทำต่อไป ไม่ต้องกลายเป็นคนตกงานเพราะผมไม่สามารถพยุงบริษัทได้อีก วันนี้ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับประธานบริษัทคนใหม่ที่มาแทนผม”
มีเสียงฮือฮายิ่งกว่าผึ้งแตกรัง เพราะเป็นข่าวใหม่ ข่าวใหญ่ที่ทุกคนเพิ่งรู้
“คุณพ่อพูดถึงเรื่องอะไรคะ ขายบริษัทอะไรกัน ทำไมพัดชาไม่รู้มาก่อน”
“หุบปากแล้วฟังพ่อ เรื่องนี้สำคัญมากนะพัดชา” คุณสมพงษ์ตวาดบุตรสาว ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน พัดชากัดปากแน่น สะบัดหน้ากลับมาใจเต้นระรัวเพราะกลัวจะทนฟังความจริงต่อไม่ได้ บริษัทนี้ไม่ใช่ของบิดาอีกต่อไปแล้วงั้นเหรอ
“บริษัทของเราขาดสภาพคล่องมาสักระยะแล้ว ทางเดียวที่ดีที่สุดที่จะทำให้ทุกคนมีงาน มีเงินเดือนต่อไป คือผมต้องหาคนมาบริหารต่อ เขาเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ไฟแรง ทุกคนจะได้พบเขาวันนี้”
พอคุณสมพงษ์พูดจบ ร่างสูงของคนมาใหม่ก็ก้าวเข้ามา ทำให้ทุกคนในห้องประชุมหันไปทางประตู ทุกสายตามองเป็นตาเดียวไปที่ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมกริบมีแววมุ่งมั่นทำให้คนทั้งห้องนิ่งงันไปชั่วขณะ
“สวัสดีครับทุกคน” เขากล่าว นั่งลงที่เก้าอี้หัวโต๊ะที่คุณสมพงษ์เว้นว่างไว้ “ผมดีใจมากที่ได้มาพบกับทุกคนในวันนี้ หลายคนยังไม่รู้จักผม”
“ผมจะแนะนำให้รู้จักเองครับ” คุณสมพงษ์บอกอย่างเกรงใจ “นี่คือคุณณัฐเศรษฐ์ วิสุทธิรังสรรค์ ประธานคนใหม่ของเรา”
ทันทีที่คุณสมพงษ์พูดจบ สปันที่เปิดประตูเข้ามาทันได้ยินพอดีก็ชะงักค้าง มองด้วยความตกใจ คาดไม่ถึงว่าเพื่อนของหมอก้องคือประธานคนใหม่งั้นเหรอ มันอะไรกัน เธองงไปหมดแล้ว
แฟ้มในมือตกลงกับพื้น ทำให้ทุกคนในห้องหันมามองเธอเป็นตาเดียว สปันกลืนน้ำลายลงคอแล้วรีบหยิบแฟ้มขึ้นมา
“ขอโทษค่ะ” สปันก่นด่าตัวเองที่ไม่น่าทำเรื่องน่าอายตอนนี้เลย แล้วรีบเดินเอาแฟ้มไปให้พัดชา “แฟ้มของคุณค่ะ”
พัดชารับมาแล้วแบะปากใส่ “เสียมารยาท ทำตัวเซ่อซ่า”
สปันกัดปากแน่น “ดิฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ”
“นั่นแหละ เซ่อซ่า”
“คุณพัดชาครับ มีเรื่องอะไรกันหรือครับ” ณัฐเศรษฐ์ถามขึ้นเสียงนุ่ม แต่แววตาแข็งกระด้างเย็นชาทำให้ทุกคนในห้องเงียบกริบ ขณะที่พัดชานิ่งอึ้งไป
เขารู้จักพัดชาเพราะอีกฝ่ายเป็นลูกสาวของสมพงษ์ คนในแวดวงธุรกิจเดียวกันจึงได้ยินข่าวคราวกันมาบ้าง ก่อนจะซื้อบริษัทนี้เขาก็สืบเรื่องครอบครัวของนายสมพงษ์มาบ้างแล้ว
ขณะที่พัดชายังรับเหตุการณ์นี้ไม่ได้ แต่ว่าแพ้ทางคนหล่อเลยเม้มปากตอบเสียงแข็ง “พนักงานทำแฟ้มหล่นเสียหาย ทำให้บริษัทขายหน้า ฉันต้องขอโทษแทนคนของฉันด้วยนะคะ” เธอเคยเจอณัฐเศรษฐ์ตามงานและผับของเพื่อนแต่ไม่เคยคุยกันจริงจังเสียที เพราะเขาเย็นชา เข้าถึงยากเหลือเกิน
“ผมว่าเรื่องแค่นี้เอง ไม่เห็นต้องเสียงดังเลยนี่ครับ คุณสปันเขาก็ขอโทษแล้วด้วย”
สปันหลุบตาอยู่เลยไม่เห็นว่าร่างสูงของณัฐเศรษฐ์ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงมาหาเธอ สปันเงยหน้าตอนที่เขาเตะข้อศอกเบาๆ แล้วยิ้มให้
“ปันโอเคใช่ไหม”
“คะ”
ระหว่างที่เธอกำลังมึนงง เขาก็หันไปทางคนในห้องที่งุนงงไม่ต่างกันว่าเหตุใดท่านประธานคนใหม่ถึงดูสนิทสนมและยังรู้จักชื่อของเซลส์สาว โดยเฉพาะพัดชาที่มองตาค้าง
“ทุกคนครับ ผมว่าเราไม่ควรทำให้เพื่อนร่วมงานรู้สึกแย่ ถ้าแค่ทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ก็ต่อว่าอย่างไม่ให้เกียรติแบบนี้ก็จะทำให้เสียความรู้สึกต่อกันและมีผลกระทบต่อองค์กร อีกอย่างผมไม่ชอบเรื่องการบูลลี่ด้วย ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ที่สำคัญคุณสปันก็ขอโทษแล้ว” เขาประกาศเสียงดังฟังชัด เสียงห้าวลึกบอกว่าไม่ไว้หน้าใครหากใครคิดจะแย้ง