วันทอง
มีเรื่องเล่าขานแต่กาลก่อน ว่าอีวันทองนั้นเป็นหญิง
สองใจแพศยา มากผัวมากรัก หนำซ้ำยังโลเล ปั่นป่วนใจชายให้ขุ่นข้องหมองมัวจนบาดหมางกัน เป็นเมียของขุนแผน ทหารกล้ารูปงามอยู่แล้วทนโท่ ครั้นผัวไปออกศึก กลับปันใจพลีกายไปให้ขุนช้าง เศรษฐีหัวล้านด้วยละโมบโลภมากในสมบัติ เมื่อครั้ง
ผัวแรกอย่างขุนแผนกลับมา ก็ตีตัวออกห่างจากผัวใหม่คืนสู่อก
ผัวเก่า
ความโลเลของนางกาลกิณีผู้นี้ทำเอาสองชายทะเลาะกันใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราว ใหญ่โตเพียงใดนั้น ชาวบ้านร้านตลาดรู้กันทั่วว่าถึงขั้นเลือดตกยางออก ร้อนถึงสมเด็จพระพันวษาผู้เป็นกษัตริย์ที่ต้องมาตัดสินคดีความนี้ให้หลังจากขุนช้างขอถวายฎีกา หมายจะแย่งชิงนางวันทองคืนจากอกผัวรัก
หากแต่...ในการตัดสินคดีความนั้น นางวันทองมิอาจเลือกได้ว่าจะไปอยู่กับผู้ใด
ขุนแผนนั้นเป็นรักแรก ถึงจะชั่วช้าสามานย์ มากรักหลายใจ อย่างไรเสียนางก็รัก
ขุนช้างแม้อัปลักษณ์ เถื่อนถ่อยทุเรศเกินทน กระนั้นก็ดีกับนางมาก ข้าวของเงินทองล้วนปรนเปรอให้ไม่ขาดสาย ทั้งยังรักนางเหลือแสน จนมิอาจจะปฏิเสธเยื่อใย
นางโลเลด้วยผูกพันทั้งสองฝ่าย หากแต่ใจไม่แน่นอนแสนจะอ่อนโยนของสตรีนั้นสร้างความหงุดหงิดใจให้แก่ผู้ทรงอำนาจนัก เมื่อเห็นนางไม่ตัดสินใจสักที พลันคิดว่าเสียเวลาตน ระเบิดโทสะออกมากร้าว ด่ากราดนางไม่ไว้หน้าว่าเป็นหญิงสองใจ
วันทองอ้าปากหมายจะเถียง ทว่าเพียงคิดว่าจะทำ นางก็ถูกตัดสินให้หัวหลุดออกจากบ่าเสียแล้ว
ผิดหรือที่นางมิอาจเลือกได้ในทันที?
ผิดหรือที่นางสมัครรักใคร่บุรุษทั้งคู่ที่มีอิทธิพลกับใจนาง?
ผิดหรือที่นางใคร่อยากมีเวลาขบคิดให้ถี่ถ้วนเพื่อตัวของนางเอง?
ชายหนอชาย...ไยถึงได้เอาแต่ใจกันนัก?
ไยถึงได้คิดว่าตนนั้นอยู่เหนือทุกสิ่งสรรพทั้งปวง?
ไยถึงได้เห็นชีวิตสตรีเป็นผักปลา?
วันทองน้ำตาตกใน ไม่อยากยอมรับในชะตากรรม ทว่าปากนางถูกเย็บปิดสนิทด้วยด้ายซึ่งมองไม่เห็น
เสียงของนางนั้น...เมื่อไรจะมีคนสดับรับฟัง
เสียงของนาง...มิดังพอที่นางจะพูดให้ใครต่อใครได้ยินหรือว่าแท้จริงแล้ว...นางหาได้สองใจ
[1]๏ ครานั้นพระองค์ผู้ทรงภพ
ฟังจบแค้นคั่งดังเพลิงไหม้
เหมือนดินประสิวปลิวติดกับเปลวไฟ
ดูดู๋เป็นได้อีวันทอง
จะว่ารักข้างไหนไม่ว่าได้
น้ำใจจะประดังเข้าทั้งสอง
ออกนั่นเข้านี่มีสำรอง
ยิ่งกว่าท้องทะเลอันล้ำลึก
จอกแหนแพเสาสำเภาใหญ่
จะทอดถมเท่าไรไม่รู้สึก
เหมือนมหาสมุทรสุดซึ้งซึก
น้ำลึกเหลือจะหยั่งกระทั่งดิน
อิฐผาหาหาบมาทุ่มถม
ก็จ่อมจมสูญหายไปหมดสิ้น
อีแสนถ่อยจัญไรใจทมิฬ
ดังเพชรนิลเกิดขึ้นในอาจม
รูปงามนามเพราะน้อยไปฤๅ
ใจไม่ซื่อสมศักดิเท่าเส้นผม
แต่ใจสัตว์มันยังมีที่นิยม
สมาคมก็แต่ถึงฤดูมัน
มึงนี่ถ่อยยิ่งกว่าถ่อยอีท้ายเมือง
จะเอาเรื่องไม่ได้สักสิ่งสรรพ์
ละโมบมากตัณหาตาเป็นมัน
สักร้อยพันให้มึงไม่ถึงใจ
ว่าหญิงชั่วผัวยังคราวละคนเดียว
หาตามตอมกันเกรียวเหมือนมึงไม่
หนักแผ่นดินกูจะอยู่ไย
อ้ายไวยมึงอย่านับว่ามารดา
กูเลี้ยงมึงถึงให้เป็นหัวหมื่น
คนอื่นรู้ว่าแม่ก็ขายหน้า
อ้ายขุนช้างขุนแผนทั้งสองรา
กูจะหาเมียให้อย่าอาลัย
หญิงกาลกิณีอีแพศยา
มันไม่น่าเชยชิดพิสมัย
ที่รูปรวยสวยสมมีถมไป
มึงตัดใจเสียเถิดอีคนนี้
เร่งเร็วเหวยพระยายมราช
ไปฟันฟาดเสียให้มันเป็นผี
อกเอาขวานผ่าอย่าปรานี
อย่าให้มีโลหิตติดดินกู
เอาใบตองรองไว้ให้หมากิน
ตกดินจะอัปรีย์กาลีอยู่
ฟันให้หญิงชายทั้งหลายดู
สั่งเสร็จเสด็จสู่ปราสาทชัยฯ
[1] ขุนช้างขุนแผน ตอน ขุนช้างถวายฎีกา