ตอนที่ 5 มิวตั้น

1416 คำ
ในโรงพยาบาลเอกชนในตัวจังหวัด วันนี้เป็นวันปิดเทอม วันที่ยี่สิบตุลาคม อากาศเย็นกำลังดี เพราะเข้าสู้ฤดูหนาวแล้ว “คลอดแล้วนะคะ ทารกเพศชาย คลอดเวลาเก้าโมงเช้า น้ำหนัก สามพันสองร้อยกรัม เดี๋ยวขอนำน้องไปทำความสะอาด แล้วพยาบาลจะเข็นน้องไปไว้ที่ห้องพักผู้ป่วยนะคะ” พยาบาลออกมาบอกครอบครัวของเราที่รออยู่ตรงหน้าห้องคลอด “แล้วภรรยาผมละครับ” “ปลอดภัยแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังพาไปที่ห้องพักผู้ป่วย” พยาบาลแจ้งข่าวพี่เม่น แล้วเข้าไปทำหน้าที่ต่อ พวกเราทั้งพ่อ แม่ พี่เม่นและฉัน รีบไปหาพี่ฝนที่ห้องพักฟื้นทันที พี่ฝนกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง พี่เม่นจึงไม่อยากปลุก สักพักพยาบาลก็เข็นทารกตัวอมชมพูเข้ามาไว้ที่ข้างเตียงพี่ฝน “ถ้าคุณแม่ตื่นแล้ว ให้คุณแม่ป้อนนมน้องทุกๆ สองชั่วโมงนะคะ ห้ามให้ดื่มอะไร นอกจากนมแม่นะคะ ถ้าน้ำนมไม่ไหลให้กดเรียกนะคะ พยาบาลจะมาช่วยสอนวิธีกระตุ้นน้ำนมให้” คุณพยาบาลอธิบายยาวเหยียด ก่อนจะออกไป ฉันรีบเดินไปดูหลาน แต่แม่ดึงแขนไว้ก่อน “ไปล้างมือ ทำความสะอาดก่อนจะจับหลาน ไปเลยทั้งคุณปู่ คุณพ่อ คุณอา” ทุกคนต่างรีบไปทำความสะอาดมือตามที่แม่บอก ฉันเดินมาดูหลานตัวน้อย นี่เองที่เขาเรียก ‘หัวเท่ากำปั้น’ ฉันลองกำมือดู เท่ากำปั้นจริงๆ นะแหละ ตัวเล็กกว่าขวดน้ำอัดลมเสียอีก “พี่เม่นตั้งชื่อหลานยัง” “ชื่อจริงฝนเตรียมไว้แล้ว ‘ณัฐภัทร’ น่ะ” “ชื่อเล่นล่ะพี่เม่น” มิ้มถาม “มิ้มอยากตั้งชื่อหลานบ้าง” “ให้เป็นหน้าที่ของพ่อแม่เขา ยายมิ้ม วุ่นวายจริงลูกสาวคนนี้” คุณย่ามือใหม่ดุฉัน เพราะอยากให้เป็นการตัดสินใจของคนสองคนมากกว่า “.....เม่น...” พี่ฝนตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้าอิดโรยแต่ดูมีความสุข พี่เม่นรีบไปกุมมือพี่ฝนไว้ ส่วนแม่ฉันก็รีบไปเทน้ำใส่แก้ว เสียบหลอดให้พี่ฝนดื่ม “มิ้มอยากตั้งชื่อเล่นหลานว่าอะไรล่ะ” พี่ฝนถามฉัน แสดงว่าพี่ฝนน่าจะตื่นนานพอที่จะได้ยินพวกเราคุยกัน “มิ้มอยากตั้งชื่อว่า ‘มิวตั้น’ ค่ะ” ********************* ในวันเปิดเทอมวันที่สาม การเข้าแถวตอนเช้าในฤดูหนาวนี่ดีสุดๆ ฉันชอบฤดูหนาว มันไม่มีเหงื่อ ไม่เหนียวตัว นอนห่มผ้าแบบฟินๆ เปิดเทอมหลายวันล่ะ ยังไม่เห็นพี่สิงห์เหนือเลย จะถามหลินตรงๆ ก็ไม่กล้า “เฮ้อ!!!” “ไอ้มิ้ม ถอนหายใจแรงเกินไปแล้วนะ เป็นไรเปล่าแก?” “เปล่าหรอกมน” “ไอ้หลิน พี่หยางไปไหนวะไม่เห็นตั้งแต่เปิดเทอมล่ะ?” “แกจะถามถึงพี่สิงห์เหนือก็ถามมาตรงๆ เหอะไอ้ยิ้ม” ฉันนั่งฟังคำตอบที่หลินจะตอบยิ้มอย่างใจจดใจจ่อ พรุ่งนี้ก็วันที่ยี่สิบเก้าแล้ว กลัวไม่ได้ส่งจดหมายหาตามกำหนด “ไปประกวดโครงงาน ไปตั้งแต่เปิดเทอมวันแรก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับ” “ผลเป็นไงบ้าง” เสียงนี้ไม่ได้มาจากกลุ่มของฉันค่ะ เสียงมาจากเพื่อนร่วมห้องที่น่าจะแอบฟังมานานแล้ว “ได้เหรียญเงินอะ” หลินตอบแล้ว แล้วก้มหน้ายิ้มกับโทรศัพท์ เหมือนมีคนคอยส่งข่าวตลอดเวลา แต่ไม่น่าจะใช่พี่หยางเฟย เพราะดูจากรอยยิ้มแล้ว มันเป็นรอยยิ้มของคนที่มีความรักชัดๆ ********************* หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันก็มานั่งดูน้องมิวตั้นหลับปุ๋ยอยู่ชั้นล่าง บ้านของฉันเป็นบ้านจัดสรรสองชั้น อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรแถวชานเมือง ฉันเดินทางไปโรงเรียนด้วยมอเตอร์ไซค์ไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ “ไงคร้าบ มิวตั้นของอา วันนี้งอแงไหมเอ่ย อาคิดถึงมิวตั้นจังเลย เมื่อไหร่จะตื่นมาเล่นกับอามิ้มนะ” ฉันพูดกับหลานที่หลับตาพริ้ม ในใจอยากให้หลานตื่นมากๆ เลย พี่ฝนที่นั่งอบตัวในตู้ซาวน่าสีฟ้าก็หัวเราะกับอาการของฉัน พี่พยายามทำเสียงต่างๆ เพื่อปลุกหลาน แต่เจ้าหลานตัวน้อยก็ขี้เซาซะเหลือเกิน “อีกครึ่งชั่วโมงเดี๋ยวตาหนูก็ตื่น เรานะรีบไปตลาดเถอะ” “อุ๊ย มิ้มลืมไปเลย เดี๋ยวมิ้มมานะคะพี่ฝน” ฉันลืมไปว่าพี่ฝนกำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด หน้าที่ฉันช่วงนี้คือต้องไปซื้อกับข้าวสำเร็จรูปในตลาด และหุงข้าวแทนพี่ฝน ฉันเปิดเพลงในโทรศัพท์ แล้วเสียบไว้ในช่องใส่ของหน้ารถบริเวณที่เสียบกุญแจ (เมื่อก่อนเคยเสียบหูฟังค่ะ แต่โดนพี่เม่นดุว่าอันตราย ถ้ามีรถข้างหลังบีบแตรแล้วไม่ได้ยิน อาจเกิดอุบัติเหตุได้) ฉันขับฮอนด้าสกูปี้สีน้ำเงินคันคู่ใจออกมาจากบ้าน เพื่อไปตลาดที่อยู่ถนนฝั่งตรงข้ามหมู่บ้าน ฮัมเพลงและโยกหัวเบาๆ ตามจังหวะ ขณะขับรถผ่านสวนสาธารณะในหมู่บ้าน บ้านของฉันอยู่ท้ายซอยของหมู่บ้าน ใกล้สวนสาธารณะในหมู่บ้าน บรรยากาศดีมากๆ ได้แต่ขับผ่าน แต่ยังไม่มีโอกาสมานั่งเล่นเลย ต้องหาโอกาสมาวิ่งออกกำลังกายสักหน่อยแล้วล่ะ ********************* Part สิงห์เหนือ ผมพึ่งกลับมาจากประกวดโครงงาน ที่จริงกำหนดกลับคือพรุ่งนี้เช้า แต่ผมบอกคณะครูไปว่า ผมมีธุระทางบ้าน และทุกคนเองต่างก็อยากกลับ จึงยกเลิกนัดเลี้ยงฉลองเพื่อเดินทางกลับแทน ที่จริงผมไม่ได้มีธุระอะไรหรอกครับ แค่กลัวว่าพรุ่งนี้จะมาไม่ทันเจอน้องมิ้ม เอ่อ ผมหมายถึง กลัวมาไม่ทันรับจดหมายที่มีคนฝากน้องมิ้มมา ผมอาบน้ำแต่งตัวแล้วออกมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะในหมู่บ้านเพื่อผ่อนคลายและคิดอะไรเรื่อยเปื่อย จนสายตาเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์ด้วยใบหน้ายิ้ม ขยับปากเล็กน้อย โยกหัวเบาๆ กำลังจะขับผ่านสวนสาธารณะที่ผมนั่งเล่นอยู่ไป “น้องมิ้ม!!!!” ผมตะโกนเรียกเธอ น้องมิ้มจอดรถข้างๆ สวน แล้วหันหาต้นเสียงนั่นก็คือผม น้องทำตาโตครับเหมือนตกใจที่เห็นผม “อยู่หมู่บ้านนี้เหรอ” “ค่ะ” “จะไปไหนเราอะ” “ไปตลาด” “เฮ้ย ทำไมไม่ใส่หมวกกันน็อก” “ใกล้ๆ เองพี่” น้องพูดเสียงเรียบๆ ท่าจะงอนที่ผมดุหรือเปล่าก็ไม่รู้ “งั้นพี่ไปด้วย” “ฮะ!!!!” เธออุทานด้วยความตกใจ ตอนนี้พวกเรามาถึงตลาดแล้วครับ ตอนพาน้องมิ้มเดินซื้อของ ผมก็ชวนน้องมิ้มคุยมาตลอดทาง น้องเองก็ถามคำตอบคำ หน้าแดงๆ เม้มปากไว้ตลอดเวลา คงจะรำคาญที่ผมชวนคุย “นี่เราก็คุยกันหลายครั้งแล้วนะ ทำไมยังดูเกร็งๆ เวลาคุยกับพี่” “เปล่า” “ไม่อยากคุยกับพี่เหรอ” “เปล่า” “อ๋อ รู้ล่ะ กลัวพี่หลอกถามเรื่องคนที่ฝากจดหมายมาใช่ปะ” ผมพูดตามที่คิดไว้ น้องทำท่าทางเลิ่กลั่กเหมือนเก็บอาการไม่อยู่ ผมเลยคิดว่า ท่าจะใช่อย่างที่ผมพูดไป “พี่ไม่ถามหรอก แต่ฝากบอกคนเขียนจดหมายด้วยว่า ‘พรุ่งนี้พี่จะรออ่านจดหมาย’ ฝากบอกเขาด้วยนะ” “.....” น้องเงียบ ก้มหน้า “....” ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า เดดแอร์สุดๆ “ได้ของครบแล้วค่ะ” น้องเงยหน้า แล้วพูดขึ้นมา “เคๆ ปะกลับกัน” ขณะที่ผมกำลังจะสตาร์ทรถนั้นก็มีมือมาดึงกุญแจออกจากคอรถ น้องมิ้มที่ยืนอึ้งอยู่ข้างๆ รถก็มีสีหน้าค่อนข้างตกใจ “เฮ้ย!! มึงพาสาวมาเดินตลาดเหรอ” เสียงเข้มๆ ท่าทางเกรี้ยวกราดจากคนที่พึ่งดึงกุญแจรถไปเอ่ยขึ้น “เรารู้จักกันเหรอ” ผมลุกขึ้นจากรถแล้วถามกลับไป เอาจริงๆ ผมโคตรไม่คุ้นหน้ามันเลย “มึงนี่แม่งกวนตีนว่ะ พวกมึงพึ่งยำเพื่อนกูไปซะเละ หมาลอบกัด ฉวยโอกาสตอนกูไม่อยู่” “กูเปล่า กูไม่เคยมีเรื่องกับพวกมึง” “พี่อย่ามีเรื่องกันเลยค่ะ” น้องมิ้มห้าม “เรื่องของผู้ชาย มึงอย่าเสือก” มันพูดแล้วก็ผลักน้องมิ้มจนเซนิดๆ “ไอ้สัด!!!!” ผมเหวี่ยงหมัดใส่หน้ามันสุดแรง *********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม