''จะเริ่มเขียนม๊อดอะไรดีนะ..ปืน..ดาบ..หรือจะเป็นพวกปีกหรือชุดดี'' เทพกำลังคิดสิ่งที่จะออกแบบ
''อืม..เเต่หลังจากเกมเปิดเกมทุกเกมคนก็จะเล่นน้อยลงเเล้วนี่เราจะสร้างทำไมกันนะ'' เทพกังวลเกี่ยวกับอนาคต
''เพราะหลังจากที่เกม Tales Of New World เปิดคอมพิวเตอร์จะไม่ได้ใช้เล่นเกมอีกต่อไป..เเต่จะใช้ซื้อขายกันเเทน'' เทพนึกถึงตอนที่เกมเปิดให้ผู้เล่นประมูลเเละขายของในเกมกันในเว็บโดยจะหัก 50% เป็นของเว็บเเละส่วนที่เหลือก็จะเป็นของผู้ขายซึ่งของในเกมจำพวกอุปกรณ์ที่ใช้ต่อสู้จะเป็นของล็อคที่ไม่สามารถให้กันได้ต้องใช้เว็บนี้เพื่อขายเท่านั้น
''อ่อใช่..เราซื้อมาเพื่อใส่พอร์ตผลงานให้กับตนเองเพื่อยื่นเข้ามหาลัย'' พอเทพนึกได้ความเหนื่อยใจก็มาทันที
''ว่างๆ..ค่อยสร้างดีกว่าตอนนี้ก็..'' เทพมองจอคอมเเละอุปกรณ์เกมเมอร์ของตน
''ขอเล่นเกมก่อนละกัน'' เทพกล่าวจบก็เริ่มโหลดเกมมาเล่น
เทพเล่นเกมจนเป็นเวลา 4 ทุ่มถึงจะเข้านอน
เช้าวันถัดไป
''พรุ่งนี้พวกไอดอลเเละของคงจะมาถึง..เเล้วนี่พวกเขาใช้อะไรส่งของกันมาเนี่ยไวมาก'' พ่อของเทพกล่าวด้วยความตกใจเมื่อ่านเอกสาร
''พ่อก็ลองโทรไปถามเขาดูสิครับ'' เทพกล่าวก็ใช้ส้อมเสียบเบคอนเข้าปาก
''ว่าเเต่วันนี้ลูกจะเข้าบริษัทไหม?'' พ่อของเทพเงยหน้ามามองเทพ
''วันนี้ไม่ครับ..ไว้พรุ่งนี้ผมจะเข้าไป'' เทพกล่าวพร้อมกับเสียบเบคอนเข้าปากไปอีกชิ้น
''พี่เทพ..ถ้าเกมนี้เปิดพี่เทพจะเล่นใช่มั้ย'' ฟ้าถามพี่ชายของตน
''ใช่..ฟ้าจะเล่นด้วยหรอ?'' เทพหยิบเเก้วน้ำส้มเเล้วยกดื่ม
''ช่าย..เเต่ฟ้าจะไปเล่นกับเพื่อนนะ'' ฟ้ากล่าวจบก็ตามด้วยตาสายตาพิฆาตของเทพ
''ผู้หญิงหรือผู้ชาย'' เทพผู้หวงน้องเริ่มออกอาการ
''ผู้หญิง'' ฟ้ากล่าวจบก็เเสดงสีหน้าสงสัย
''ก็เเล้วไป..ถ้ามีปัญหาอะไรบอกพี่ได้'' เทพกล่าวให้ความคุ้มครอง
''งับ'' ฟ้าตะเบ๊ะใส่พี่ชายจอมขี้หวงของตนเเล้วยกเเก้วน้ำส้มดื่นจนหมดเเล้ว
เทพอมยิ้มด้วยความดีใจเพราะในอดีตก่อนที่เทพจะย้อนเวลามาฟ้าที่เป็นน้องสาวของตนไม่จับต้องเกมเด็กขาดเพราะพี่ชายของตนนั่นก็คือเทพนั่นเอง..เพราะเทพทำให้พ่อเข้าโรงพยาบาลเเล้วเสียชีวิตไปในที่สุดเพราะเรื่องเกมเเต่คราวนี้ฟ้าจะมาเล่นเกมกับตนด้วยเทพจึงดีใจมาก
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จวันนี้เทพก็ไม่ได้ไปทำกิจกรรมอะไรใช้เวลาอ่านความเคลื่อนไหวของเกม Tales Of New World เเทนว่ามีการรับสมัคพักพวก หาเพื่อน หาคู่กันไปเเละยังมีการเเบ่งความรู้จากการสปอยจากเกมกันด้วย
เเละเเล้วเวลาก็ผ่านไปอีกวัน
ณ ห้างดังเเห่งหนึ่ง
''นี่ๆ..พรุ่งนี้ที่ห้างนี้จะมีกิจกรรมจากเกม Tales Of New Wolrd ด้วยเเหละ''
''ใช่เเล้วน่าสนใจมาก''
''ได้ข่าวมาว่าเขาจะเเจกเครื่องเล่นเกมด้วยนะ''
''ฉันมาเเน่..เพราะไม่มีตังค์ซื้อ''
''ฮ่าๆ..ฉันก็จะมาเหมือนกัน'' ผู้คนมากมายเเวะอ่านป้ายกิจกรรมที่ห้างจะจัดพรุ่งนี้ก็ยืนพูดคุยกันเเละเริ่มถ่ายป้ายกิจกรรมไปเเชร์กันในเพื่อนฝูง
''เดี๋ยวนะ..มีไอดอลมาด้วยหนิ''
''ไหนๆ..นี่มันถงเวยนี่'' หลายคนดูภาพพรีเซนเตอร์ของเกมเเล้วเริ่มพูดคุยกันต่อ
''ถงเวยจะมาพรุ่งนี้หรอจริงดิ!!''
''ฉันรีบไปบอกเพื่อนฉันที่เป็นเเฟนคลับเธอดีกว่า''
''ฉันด้วยๆ'' หลายคนยืนพิมพ์ชวนเพื่อนในโทรศัพท์เพื่อมางานในพรุ่งนี้
''กรี๊ด''
''ห้ะ'' ผู้คนที่ยืนอยู่หน้าป้ายพรีเซนเตอร์เกมหันไปทางเสียงกรี๊ด
''นั่นมัน..ถงเวยนี่''
''พูดยังไม่ทันขาดคำเลยมาซะละ''
''ว้าว..เธอสวยมาก'' หลายคนมองดูถงเวยจนตาเยิ้มเธอใส่เสื้อสีขาวรัดรูปเเละกางเกงขาสั้นถึงขาอ่อนสีขาวตามด้วยเข็มขัดเเบรนด์เนมมันดูเข้ากับรูปร่างของเธอมากถงเวยเป็นไอดอลจีนที่กำลังดังในหนังเรื่องใหม่ด้วยความสวยเเละรูปร่างของเธอ
''โอ้เเม่จ้าวว'' ผู้ชายหลายคนลากเสียงยาว
''สัดส่วนสุดยอด..เอวประมาณยี่สิบสองเองมั้งเเต่ดูสะโพกนั่นสิเเถมยังขาที่ยาวเรียวเละผิวสุดจะขาวของเธอมันสุดยอดมาก'' ชายที่กล่าวออกมาชูนิ้วโป้งให้ความหมายว่าสุดยอด
''ตัวจริงสวยกว่าในจอเยอะเป็นบุญตาจริงๆ'' ชายหลายคนกำลังเคลิ้มกับหุ่นของถงเวยเเต่เเล้ว
''เอ๊ะนั่นใครทำไมยืนคุยกับถงเวยได้'' ชายหายคนสังเกตเห็นว่ามีชายคนนึงเดินไปพูดคุยกับถงเวยเเล้วถงเวยก็เดินตามไป
''เป็นไปได้ยังไง..ทำไมบอดี้การ์ดไม่ห้าม'' มีคนเริ่มสงสัยชายคนที่พูดคุยกับถงเวย
ตัดมาทางเทพ [เทพคุยเป็นภาษาจีนนะครับ]
''สวัสดีครับ'' เทพกล่าวทักหญิงสาวที่กำลังเดินมาทางตน
''สวัสดี..คุณ?'' ถงเวยกล่าวต้องการคำตอบ
''ผมเป็นพนักงานของบริษัทครับให้มาพาไปที่ห้องประชุม'' เทพกล่าวจบก็ตามด้วยเเรงกดดันของบอดี้การ์ด
''อื้ม..ไปสิ'' ถงเวยกล่าวจบเทพก็เดินนำไปที่ห้องประชุมของบริษัท
'เธอมีอัธยาศัยที่ดี' เทพเริ่มวิเคราะห์กับคนที่ตนจะต้องร่วมงานด้วย
ในลิฟต์ที่กำลังขึ้นไปชั้นที่ทางบริษัทนัดประชุม
''คุณต้องการลายเซ็นไหม'' ถงเวยกล่าวถามเทพด้วยความสุภาพ
''ผมต้องการอย่างอื่นมากกว่า'' เทพหันไปกล่าวกับถงเวยตามด้วยบริการ์ดที่หันมามองเทพดัง ''ขวับ''
''อะไรหรอคะ?'' ถงเวยถามด้วยความสงสัย
'สายตาแบบนั้น' เทพมองดูสายตาที่ถงเวยมองตน
''เดี๋ยวผมค่อยบอกละกัน'' เทพกล่าวจบประตูลิฟต์ก็เปิดทันที
''ไปกันครับ'' เทพกล่าวพร้อมกับเดินนำไป
เมื่อเทพเดินผ่านพนักงานหลายคนก้มหัวเคารพทำให้ถงเวยตกใจเล็กน้อยหรือจะเคารพตนเพราะเทพเป็นเเค่หนักงานถ้าเป็นอย่างนั้นเเสดงว่าบริษัทให้ความสำคัญกับตนมากทำให้ถงเวยรู้สึกดี
''ในห้องนั้นครับ'' เทพแบมือไปทางห้องประชุม
''ขอบคุณมาก'' ถงเวยยิ้มให้เทพเเล้วเดินเข้าห้องประชุมไป
''ว่าเเต่คุณต้องการอะไร?'' ถงเวยกล่าวถามเทพที่กำลังจะเดินจากไป
''เดี๋ยวค่อยบอกหลังคุณออกมาเเล้วกันครับ'' เทพหันมายิ้มให้ถงเวยเเล้วเดินจากไป
'เขาเป็นเเค่พนักงานจริงๆหรอ..พูดจีนได้คล่องขนาดนั้น..เเถมยังหน้าตาดีด้วย' ถงเวยเริ่มสงสัยในตัวเทพเเต่เเล้วเธอก็ต้องส่ายหน้าเดินเข้าห้องประชุมไปเธอมาเรื่องงานเรื่องรองไว้ก่อน
[กลับมาภาษาไทยจ้า]
''อ่า..คุณถงเวยมาล่ะว่าเเต่ไหนล่ามเราละเนี่ย'' ผู้ถือหุ้นยืนต้อนรับถงเวย
เเล้วพูดพร้อมกัน ''หนี..ห่าว''
''หนีห่าว'' ถงเวยยิ้มเเล้วตอบกลับเเล้วเดินไปนั่งที่ของตน
''เมื่อไหร่ท่านประธานจะมาละเนี่ย''
''เห็นว่าเรียกลูกชายของตนไปคุยหน่ะ''
''ไม่รู้คุยเรื่องอะไรเเต่นี่มันเวลาประชุมนะ'' ผู้ถือหุ้นเริ่มไม่พอใจกับท่านประธานของตน
''ขอโทษที่มาช้า'' เเละเเล้วคนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง
''สวัสดีครับท่านประธาน'' ทุกคนลุกขึ้นทำความเคารพ
''nǐ(คุณ)'' เมื่อถงเวยเห็นคนที่เดินตามหลังคนที่ทุกคนเคารพก็เกิดความสงสัยทันที
''หืม'' ท่านประธานหันไปมองถงเวยเเล้วมองคนที่ถงเวยมองก็คือลูกชายของตนนั่นเอง
'มันไปทำอะไรไว้อีกหละ' พ่อของเทพมองเทพด้วยความสงสัย
ถงเวยมองเทพเหมือนรู้ความจริงอะไรบางอย่างเเต่เทพก็มองกลับด้วยสายตาที่รู้ความจริงบางอย่างเช่นกัน
''ล่ามหละ'' อาเดชเมื่อเทพปิดประตูก็กล่าวถามทันที
''มีลูกฉันเเล้วไม่ต้องใช้ล่ามเเล้วเเหละ'' พ่อของเทพกล่าวด้วยความภูมิใจ
จากคำกล่าวของพ่อของเทพทำให้ถงเวยหันไปมองเทพด้วยสายตาที่รับรู้ความจริงส่วนเทพก็หันมามองถงเวยด้วยสายตาเดียวกันทำให้ถงเวยรู้สึกสงสัยเขารู้อะไร
'หรือว่า' ถงเวยอ้าปากตะลึงเล็กน้อยหรือตนจะเเสดงออกมากเกินไป
''อีกอย่าง..ไม่ต้องใช้ล่ามเราก็สื่อสารกันได้จริงไหมครับคุณถงเวย'' เทพกล่าวจบก็เดินไปนั่งที่ของตนเเล้วมองถงเวยพร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
''อ่า'' ถงเวยตกใจเล็กน้อยก่อนจะกลับมาทำหน้าตาสงสัย
''เขาจะไปฟังเรารู้เรื่องได้ยังไง?'' อาเดชหันไปถามเทพ
''จะให้ผมพิสูจน์ไหม?'' เทพกล่าวจบก็เริ่มคิดบางอย่างก่อนจะกล่าวออกมา
''ไอดอลหน้าใหม่ไม่เห็นจะเก่งเลยใช้มุมกล้องช่วยทั้งนั้นเเถมยังเเสดงติดขัดหลายฉากจนต้องเเก้หลายรอบด้วยเหอะ'' เทพกล่าวจบถงเวยก็ออกอาการโมโหทันที
''nǐ!!'' ถงเวยลุกขึ้นอย่างโมโห
''อ้าว..โมโหอะไรกันครับ'' เทพถามด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม
''อะ'' ถงเวยเหมือนจะรู้สึกตัวว่าโดนเทพทดสอบ
''ผมบอกเเล้วว่าเราสามารถสื่อสารกันได้โดยไม่ต้องใช้ล่าม'' เทพกล่าวจบหลายคนก้เกิดความสงสัยขึ้นทันที
''ได้ยังไง??'' หลายคนงงหรือว่าเทพมีพลังพิเศษ?
''เธอฟังภาษาไทยออกเเละน่าจะพูดไทยได้ด้วย'' เทพกล่าวพร้อมกับมองหน้าถงเวย
''ชิ'' ถงเวยส่งเสียชิออกมาตามด้วยเทพ ''ขอโทษที่ว่าเธอ''
'เธอเป็นคนฉลาด..เเต่ฉันฉลาดกว่า' เทพยิ้มด้วยความภูมิใจที่ตนเหนือกว่า
''เเล้วหลานรู้ได้ยังไงว่าเธอฟังภาษาไทยออก'' อาเดชหันไปถามเทพด้วยความสงสัย
''เพราะตั้งเเต่เธอมาผมเห็นเเค่บอดี้การ์ดยังไม่เห็นผู้รับผิดชอบงานทางบริษัทนั้นเเละล่ามของเขาเลย'' เทพพักหายใจก่อนจะกล่าวต่อ
''เเละด้วยปฏิกริยาเมื่อกี้ที่เธอเเสดงออกเมื่อผมเข้ามาในห้องประชุมซึ่งผมเดาว่าพวกคุณน่าจะคุยกันว่าผมที่เป็นลูกชายของประธานบริษัทเเละท่านประธานบริษัทที่เป็นพ่อของผมเรียกผมไปคุยอะไรบางอย่าง'' เทพพักหายใจรอบที่สองเเล้วกล่าวต่อ
''เเต่เมื่อผมเข้ามาเธอเเสดงท่าทางเหมือนกับว่าทำไมเป็นนาย?..อะไรประมาณนี้ครับ'' เทพกล่าวจบทุกคนในห้องก็มองเทพด้วยสีหน้าตกใจเเละชื่นชม
''ลูกเก่งมาก'' พ่อของเทพกล่าวชมลูกชายของตน
''ขอบคุณครับ'' เทพหันไปพยักหน้าให้กับพ่อของตน
''ผมอยากฟังคุณพูดไทย'' เทพหันไปกล่าวกับถงเวย
''จะ..เริ่มได้ยัง'' เสียงพูดติดขัดเเละไม่ค่อยชัดออกมาจากปากของถงเวย
''ฮะ'' เมื่อถงเวยพูดจบเทพก็ยิ้มออกมาเพื่อความสะใจส่วนทางถงเวยเมื่อเห็นรอยยิ้มของเทพก็หันหน้าหนีด้วยความไม่พอใจ
''เเล้วผู้รับผิดชอบงานหละ'' เทพกล่าวจบถงเวยก็หันกลับมามองเทพ
''คุณเรียกเขามาได้เเล้วผมเชื่อว่าเขาน่าจะอยู่เเถวนี้'' เทพกล่าวเเล้วมองไปที่นอกห้องประชุมซึ่งสามารถมองได้เพราะผนังห้องเป็นกระจกใส
''ใคร?'' ถงเวยถามด้วยสีหน้าสงสัย
''ถ้าคุณยังเเสดงต่อผมจะให้คะเเนนการเเสดงคุณติดลบละนะ'' เทพกล่าวด้วยความมั่นใจ
''อ่า..คุณรู้ได้ยังไง'' ถงเวยยอมเเพ้
''ถึงเธอจะฉลาดมากก็จริง..เเต่คงไม่ให้เธอที่เป็นไอดอลมาทำงานคนเดียวหรอกจริงไหม'' เทพบิดขี้เกียจเล็กน้อย
''คงเป็นแผนของใครสักคนในบริษัท New World สินะ..คงจะเพื่อทดสอบพวกเราหรือทดสอบใครสักคนในห้องนี้ละมั้ง?'' เทพกล่าวจบก็เอามือลูบคางตนเองเล็กน้อย
'คนคนนี้น่ากลัวเกินไปเเล้ว' ถงเวยกลืนน้ำลายดังอึก
''ฮ่าๆมากันเเล้วสินะ'' เมื่อเทพเห็นกลุ่มคนใส่สูทเดินมาทางห้องประชุมก็หัวเราะเล็กน้อย
''นอกจากเธอเเล้ว..คนพวกนี้คงจะฟังภาษาไทยรู้เรื่องด้วยสินะ'' เทพกล่าวจบกลุ่มคนใส่ชุดสูทก็เดินเข้ามาก้มขอโทษเเล้วมานั่งที่ของตน
''เริ่มคุยกันเลยดีกว่าครับ'' เทพตัดเรื่องที่โดนทดสอบกับเรื่องอื่นๆไปก่อนตอนนี้คือเวลาประชุมต้องเเยกเเยะ