''อั่ก'' ชายหนุ่มผิวขาวร่างสูงใหญ่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่สำลักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่เต็มตัวไปหมดไม่ว่าจะเป็นแผลที่ถูกยิง ถูกบาด ถูกเเทง ถูกต่อย
''ราชันเเห่งโลกใหม่งั้นเหรอ'' ชายชุดดำใส่หน้ากากสีดำกล่าวเยาะเย้ย
''นอกจอไม่เห็นจะเท่าไหร่เลยนี่หว่า'' ชายชุดดำหน้ากากดำคนข้างๆกล่าวเสริม
'พวกเอ็งรุมนี่หว่า' ชายหนุ่มที่ถูกเย้ยพยายามลืมตามองพวกคนที่ทำร้ายตน
''จัดการให้จบๆ'' เสียงหนึ่งดังออกมาจากรถทรงสปอร์ตสีเเดงที่เพิ่งขับมาจอดดูสภาพของชายหนุ่มใกล้ตาย
'กง..789' ชายหนุ่มผมขาวมองดูป้ายทะเบียนรถทรงสปอร์ตคันนั้นซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นคนสั่งฆ่าตนนั่นเอง
''ปัง'' เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับภาพวูบดับไป
''ฮึก..อึก'' เด็กหนุ่มผิวขาวร่างผอมกำลังจับอกของตนด้วยความเจ็บปวด
''อ่า'' เด็กหนุ่มร่างผอมลุกขึ้นนั่งเเล้วสำรวจร่างกายของตนอย่างรวดเร็ว
เเล้วก็เกิดความสงสัยขึ้นทันที ''แผล..หายไปไหนหมด?''
เด็กหนุ่มผิวขาวร่างผอมลุกขึ้นไปดูตนเองในกระจก
''ไม่จริงน่า'' เด็กหนุ่มผิวขาวร่างผอมเมื่อมองดูตนเองในกระจกก็ตกใจจนอ้าปากค้าง
'จริงๆฉันควรตายไปเเล้วสิ'
'เกิดอะไรขึ้น..' เด็กหนุ่มพยายามนึกสิ่งที่นึกได้เเละได้ข้อมูลว่าตอนนี้ตนอยู่ในช่วงปิดเทอมหนึ่งของม.6 เเละกำลังจะเปิดเทอมในอีก 2 อาทิตย์
''นี่คือตัวฉันเมื่อสิบปีก่อน'' เด็กหนุ่มผิวขาวยกมือขึ้นทาบกระจก
''ฉันได้ย้อนเวลากลับมา?'' เด็กหนุ่มพูดกับตนเองหน้ากระจก
''ฉันได้โอกาสนี้จริง..ฉันจะทำมันให้ดีที่สุด'' เด็กหนุ่มหลับตาคิดถึงอดีตที่ตนได้ทำไว้
มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ ซึ่งประสบการณ์ถือเป็นสิ่งสำคัญมากเพราะต่อให้เรามีความรู้จนเต็มเเก้วเเต่ถ้าเราไม่สามารถเอาความรู้ไปประยุกต์ใช้..เราก็จะไม่สามารถก้าวข้ามตนเองไปได้
เเต่ในระหว่างที่เด็กหนุ่มกำลังยืนหลับตาคิดถึงเรื่องในอดีตอยู่ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา ''ก็อกๆ''
''พี่เทพ..ตื่นรึยัง?'' เสียงใสกล่าวหลังประตู
''พี่ตื่นเเล้ว..เดี๋ยวตามลงไป'' เด็กหนุ่มตอบกลับเสียงใสพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนูเเล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องของตน
เทพพอเข้าไปในห้องน้ำก็ทุบผนังดัง ''ตึง''
''ฮึก..พี่ขอโทษ'' เทพมีน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาจำนวนมาก
เมื่อชีวิตที่เเล้วก่อนจะย้อนเวลากลับมาเทพได้ทิ้งครอบครัวตนเองเเล้วหนีไปอยู่กับเพื่อนในเกมเเทน เพราะว่าครอบครัวไม่สนับสนุนให้เล่นเกมจนมีปากเสียงกันถึงขั้นที่เครื่องเล่นเกมโดนทุบโดยพ่อของเทพ จริงๆเทพก็เข้าใจว่าครอบครัวของตนเป็นห่วงตนมากเเต่ตอนนั้นเทพเป็นเหมือนกับเด็กติดเกมไปซะเเล้วตอนนั้นเทพจึงคิดเเค่ว่า ครอบครัวของตนนั้นเป็นตระกูลที่มีการงานโดดเด่นเป็นถึงเจ้าของห้างชื่อดังในจังหวัด คนเป็นพ่อซึ่งเป็นเจ้าของหรือประธานใหญ่ของห้างจึงอยากให้ลูกสานต่อเเต่คนเป็นลูกไม่สนใจเอาเเต่เล่นเกมนั่นเอง
ซึ่งตอนนั้นเทพคิดเข้าข้างตนเองอย่างเดียวว่าตนไม่ผิด..เกมนี้มันสามารถหาเงินได้เทพคิดอย่างนั้นตนจึงหนีไปอยู่กับเพื่อนในเกม ซึ่งหลังจากนั้นผ่านไปสองเดือนตนก็ประสบความสำเร็จในเกม ขายอาวุธได้เงินเป็นเเสนบาท ตนจึงอยากจะกลับไปหาครอบครัวเเล้วพิสูจน์ให้เห็นเเต่พอกลับไปก็พบว่าพ่อของตนนอนอยู่โรงพยาบาลเเละกำลังจะจากไป
ที่พ่อของตนเข้าโรงพยาบาลเกิดจากการกดดันของคนในตระกูล ผู้ถือหุ้นบริษัท เเละลูกชายคนโตของตนที่จะให้สานต่อกลับหนีตนไปจึงเกิดความเครียดเเล้วทรุดลงไปในที่สุด ก่อนที่พ่อของเทพจะจากไปเทพได้ก้มกราบขอโทษพ่อตนเองซึ่งพ่อตนเองก็ให้อภัยก่อนจะจากไปด้วยการยิ้มเเล้วมีน้ำตาไหลออกมาในเวลานั้นเทพก็ร้องไห้ไม่หยุดเป็นเหมือนคนบ้าไปเลยวันนึง
หลังจากนั้นเทพก็คิดที่จะทำตามที่พ่อบอกคือสานต่อบริษัทเเต่พอจะไปสานต่อกลับพบว่าตำเเหน่งของพ่อที่เป็นประธานใหญ่กลับถูกปลด..ส่วนตำเเหน่งนั้นก็ถูกยกให้กับน้องชายของพ่อที่ร่วมมือกับผู้ถือหุ้นกดดันพ่อของตน เทพทำอะไรไม่ได้เลยเพราะตนไม่มีความรู้เรื่องการบริหารหรือกฏหมาย จึงต้องยอมปล่อยไปเเต่โดยดีหลังจากนั้นผ่านไปหนึ่งวันทรัพย์สินเงินทองทั้งหมดของครอบครัวเทพก็ถูกยึดไปทั้งหมดเหมือนคนล้มละลายเเต่ยังดีที่เทพขายของในเกมได้จึงสามารถอยู่ได้ไปสักพัก
เทพจึงโทษตัวเองตลอดมาที่ทำให้ครอบครัวของตนลำบาก พ่อตาย เเม่เเละน้องสาวต้องลำบาก เทพจึงหันกลับมาตั้งใจเรียนเเละได้กลายเป็นโปรเเกรมเมอร์ไปในที่สุดซึ่งในชีวิตนี้เทพจะทำอย่างไรเมื่อครอบครัวของตนห้ามเทพเล่นเกม..
''มันมีหลายวิธีที่จะจัดการปัญหานี้..เเต่ว่า'' เทพยกยิ้มขึ้นมุมปาก
''ลงมาได้เเล้วลูก!!'' เสียงคนเป็นเเม่ตะโกนเรียกลูกตนเอง
''ค้าบบ!!'' เทพตอบกลับไปเเล้วรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยเเล้วลงไปนั่งกินมื้อเช้ากับครอบครัว
''ยังเหลือเวลาอีก 20 นาที'' เทพใส่ชุดสูทเซ็ตผมเเล้วเดินลงไปข้างล่างเพื่อไปกินอาหารเช้า
''ทำไมวันนี้ช้านักละลูก?'' เเม่ของเทพกล่าวถามขึ้นเมื่อเห็นเทพเดินลงบันไดมา
''พอดีท้องเสียหน่ะครับ'' เทพตอบกลับไปเเล้วเดินไปนั่งที่ประจำของตนเอง
''ข้ออ้าง..เเกไม่อยากไปบริษัทก็บอก'' เสียงชายเเก่ดังขึ้นเมื่อเทพนั่งที่นั่งของตน
''วันๆเอาเเต่เล่นเกม'' เสียงชายเเก่บ่นไม่หยุด
''วันนี้ผมจะไปดูงานจริงๆครับ'' เทพมองหน้าพ่อของตนเเล้วกล่าวตอบกลับไป
''สัญญา'' เทพกล่าวจบก็เริ่มกินอาหารที่อยู่ในจาน
''ให้มันจริงเถอะ'' พ่อของเทพกล่าวจบก็เริ่มกินอย่างจริงจัง
''พร้อมเเล้วครับ'' เทพกล่าวเมื่อตนดื่มน้ำส้มในเเก้วจนหมด
''ถ้างั้นไป..พ่ออยากรู้จริงๆว่าเเกจะตั้งใจจริงหรือเปล่า'' พ่อของเทพกล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินนำออกจากบ้านไป
''วันนี้มีประชุม..เกี่ยวกับโครงการนำเข้าเครื่องเล่นเกมใหม่ชื่อเกม..'' เมื่อเข้ามาในรถพ่อของเทพก็ยื่นเอกสารให้เทพอ่าน
''Tales Of New World'' เทพรับเอกสารเเล้วยกยิ้มขึ้น
''ทำไมรู้?'' พ่อของเทพยังไม่ทันกล่าวชื่อเกมเเต่เทพสามารถตอบได้
''ก็ปัจจุบันมีเกมนี้เกมเดียวนี่ครับที่จิตสำนึกของเราสามารถเข้าไปในเกมได้..เเละอีกอย่างพ่อใช้คำว่าเครื่องเล่นเกมเเทนที่จะเป็น อุปกรณ์เล่นเกม หรือคอมพิวเตอร์'' เทพกล่าวจบก็เริ่มอ่านเอกสาร
''พูดซะยาวพ่อรู้นะว่าเเกก็เล็งเกมนี้อยู่..ถ้าเเกเรียนรู้งานได้ดีฉันจะอนุญาติให้เเกเล่นเกมนี้ได้'' พ่อของเทพกล่าวจบก็สตาร์ทรถยนต์พร้อมกับขับออกไปทางบริษัท
'หืม' เทพที่กำลังนั่งอ่านเอกสารที่พ่อของตนให้ก็เริ่มเอ๊ะใจขึ้นมา
'ทำไมจำง่ายอย่างนี้ละ?' เทพอ่านเอกสารหน้านึงจบก็ลองนึกดูผลปรากฏว่าเทพสามารถจำได้หมดทุกตัวอักษรในหน้านั้น
''เป็นอะไรไป..อย่าบอกนะเเค่เอกสารเเค่นี้เเกก็ขี้เกียจอ่านเเล้ว'' พ่อของเทพหันมามองเทพก็กล่าวตามที่ตนเข้าใจ
''พอถึงห้องประชุมเดี๋ยวพ่อก็รู้เองครับ'' เทพหันไปยิ้มเห็นฟันให้กับพ่อของตน
'อืม..ถ้าเราความจำดีอย่างนี้การเคลียร์บอสในเกมก็คงไม่มีปัญหาเเล้วหละ'' เทพนึกถึงค่าสเตตัสของบอสในเกม สกิล เเละการคูลดาวน์ของสกิลบอสในเกมก็ยิ้มมุมปากทันที
'ส่วนตอนนี้ก็ต้องจำไอพวกนี้ไปก่อนละนะ' เทพเริ่มตั้งใจอ่านเอกสารสิบกว่าเเผ่นที่พ่อของตนให้มาผลก็ยังเหมือนเดิมอ่านเเค่แปปเดียวก็สามารถจำได้ทั้งหน้า
''ถึงเเล้ว'' พ่อของเทพกล่าวจบก็เปิดประตูออกจากรถไปเเล้วยื่นกุญเเจรถให้กับพนักงานหน้าบริษัทเพื่อให้พนักงานนำรถไปจอด
พ่อของเทพเป็นถึงประธานใหญ่เเต่ไม่มีคนขับรถให้ ซึ่งเทพเคยถามพ่อไปเเล้วว่าทำไมไม่จ้างคนขับรถ พ่อของเทพตอบกลับมาว่า ถ้าเเค่ขับรถยังต้องให้คนอื่นขับให้ อย่างอื่นพ่อคงทำไม่เป็นเเล้วละ
''สวัสดีครับท่านประธาน'' เสียงทำความเคารพของพนักงานมากมายเมื่อพ่อของเทพเดินผ่าน
''อ่าวๆ..สวัสดีครับท่านประธาน'' มีชายเเก่รุ่นพ่อของเทพเดินมาทำความเคารพ
''อืม..เข้าห้องประชุมกันเลย'' พ่อของเทพพยักหน้าเเล้วเดินนำเข้าไปในห้องประชุม
'อาเดช..' เทพกล่าวชื่อนึงออกมาเมื่อเห็นหน้าของชายเเก่ที่เข้ามาทำความเคารพพ่อของตน
''เอาละ..วันนี้เราจะพูดถึงสินค้าที่จะนำเข้ามาในห้างของเรา...'' ฝ่ายสินค้าเริ่มอธิบายเกี่ยวกับเครื่องเล่นเกมที่เป็นเเคปซูล
''อืม..ราคามันตกอยู่ที่เครื่องละสองหมื่นบาท'' ผู้ถือหุ้นคนนึงกล่าวออกมาเมื่อทราบราคา
''ผมว่าเราควรรับสินค้ามาเเค่ 50 เครื่องเพื่อมาดูยอดขายกันก่อนเเล้วค่อยรับเพิ่มเข้ามาอีกถ้ายอดขายดี'' เสียงผู้ถือหุ้นคนนึงกล่าวความคิดของตนออกมา
''ใครเห็นด้วย?'' อาเดชถามผู้ถือหุ้นเเละพนักงานที่เกี่ยวข้องหลายคนยกมือขึ้นมาเพื่อเเสดงความคิดเห็นว่าสมควรเป็นอย่างนี้
''อ่า..ลืมถามท่านประธานรุ่นต่อไปเลยสิเรามาฟังความเห็นจากลูกชายของท่านประธานใหญ๋กันมั่งดีกว่า'' อาเดชมองมาทางเทพ
ซึ่งเทพก็มองอาเดชเเล้วส่งยิ้มกลับไปพร้อมกับลุกขึ้นกล่าว ''ขอบคุณที่ยังเห็นผมอยู่ในที่ประชุมครับ''
''ผมมีความคิดเห็นว่า..เราควรรับมาสองร้อยเครื่องครับ'' เทพกล่าวจบก็มีเสียงฮือฮาขึ้นในห้องประชุม
ท่านประธานที่กำลังหลับตาฟังอยู่ก็เปิดตาเเล้วมองลูกชายของตนด้วยความสงสัยทันที
'หรือมันจะเอาไปเอง 5 เครื่อง' พ่อของเทพมองเทพเเล้วคิดในกรณีที่เลวร้าย
''ห้างของเราเป็นห้างดัง..ผมยังเสนอให้ทางเกม Tales Of New World มาจัดงานเกมที่ห้างของเราด้วยครับ'' เทพเริ่มกล่าวความคิดของตนออกมา
''ผมเชื่อว่าเกมนี้จะเป็นที่น่าจับตาเเละน่าเล่นที่สุดในวงการเกม..เพราะว่าเกมนี้สามารถนำจิตสำนึกของเราเข้าไปในเกมได้ครับเเละยังมีระบบที่น่าสนใจในเกมอีก''
''ผมเชื่อว่าถ้าเราจัดงานเกมนี้ขึ้นมาในภายหลังเราอาจจะได้ร่วมงานกับทางบริษัท New World อีกด้วย'' หลังจากเทพกล่าวจบก็มีเสียงค้านจากอาเดชทันที
''เป็นไปไม่ได้..บริษัทนี้ตั้งอยู่ที่ประเทศจีนเเค่เรื่องสื่อสารกันก็ยากเเล้วจะทำให้เขาสนใจเราอีกยิ่งยากกว่าเดิม'' อาเดชลุกขึ้นท้วง
''เรื่องการสื่อสารผมขอจัดการเองครับส่วนเรื่องการทำให้เขาสนใจ..ผมขอคุยกับทางนั้นอีกทีเเล้วกันครับ'' เทพกล่าวจบก็มีสีหน้าเย้ยเเละดูถูกใส่เทพ
''หลานพูดจีนได้งั้นหรอ..ถึงจะไปสื่อสารกับเขา'' อาเดชกล่าวดูถูก
จริงอยู่ที่เทพนั้นพูดได้เเค่ภาษาอังกฤษเเถมยังพูดได้เเค่ครึ่งๆกลางๆเท่านั้น..เเต่เขาย้อนเวลากลับมาซึ่งก่อนเขาจะย้อนเวลากลับมาเขาได้ศึกษาเเละพูดภาษาจีนจนคล่องเพราะในอนาคตจีนจะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่พอสมควรคนส่วนใหญ่จึงต้องเป็นภาษาจีนเพื่อการงานเเละการเงินที่ดี
เทพยิ้มมุมปากเเล้วหันไปกล่าวกับอาจอมท้วงของตน ''Shì shénme ràng nín rènwéi wǒ bùnéng shuō(อะไรที่ทำให้คุณคิดว่าผมพูดไม่ได้)'' เมื่อเทพกล่าวจบก็เกิดความสงสัยขึ้นในห้องประชุม
''หลานท่องมาใช่ไหม?'' ถึงตนจะไม่เข้าใจในสิ่งที่หลานตนเองพูดเเต่ตนก็พยายามจับผิด
''Làngfèi shíjiān(เสียเวลา)'' เทพกล่าวจบก็เดินไปหาฝ่ายเจรจาของบริษัททันทีปล่อยให้ในห้องประชุมเกิดความสงสัยว่าเทพกล่าวอะไร