ตอนที่ 4

1462 คำ
ทั้งสองคุยกันมาเรื่อยอย่างถูกคอจนรถมาจอดเทียบที่ร้านไทยเดิมของวีณา พอรถจอบเทียบหน้าร้านเท่านั้น ซันมาร์ก็เปิดประตูรถเดินนำออกมาก่อน หลังจากนั้นบอดี้การ์ดที่กรูเข้ามาล้อมรอบตัวเขาแทบไม่ทัน หญิงสาวเห็นแล้วนึกปวดหัวแทนเขาจริงๆ ที่มีคนมาห้อมล้อมขนาดนี้ ไม่รู้จะระแวดระวังอะไรนักหนา ร้านไทยเดิม เป็นร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงมากในจาร์มา ตัวร้านเป็นอาคารเก่าแต่ดูหรูหราตั้งอยู่ข้างๆ โรงแรมจูไมดาของอับดุลลา ที่ร้านมีลูกค้าเดินพลุกพล่านเข้าออกไม่น้อย วีณาเคยบอกว่าต้องเปิดร้านช่วงเช้าด้วยเพราะลูกค้าเยอะมาก ที่ร้านจึงรับลูกจ้างเยอะมาก เพื่อที่จะผลัดกันทำงานช่วงเช้าและเย็น กว่าจะปิดร้านก็เลยเที่ยงคืน บางทีลูกค้าสั่งอาหารพิเศษเพื่อจัดเลี้ยงต้องทำกันจนไม่ได้ปิดร้านเลยก็เคย แต่ช่วงเช้าอย่างนี้ลูกค้าจะยังไม่มากเท่าตอนเย็น วีณาจึงมานั่งรอหลานสาวสุดที่รักที่หน้าร้าน เมื่อตระการตาเปิดประตูเข้าไปวีณาจึงรีบลุกมาต้อนรับ และมองคนที่หิ้วกระเป๋ามาส่งอย่างแปลกใจ “สวัสดีจ้า หลานสาวคนสวย” วีณาเดินมากอดหลานสาวเอาไว้ “การเดินทางเป็นยังไงบ้าง” “เรียบร้อยค่ะ” ตระการตาตอบรับ “แล้วกิด้าล่ะคะ” “ยังไม่ตื่นน่ะสิ เมื่อคืนมัวแต่ตื่นเต้นจัดห้องแสนรกให้เป็นระเบียบรอต้อนรับพี่สาว” วีณาบอก ทั้งหล่อนและกิดาการตื่นเต้นมากจริงๆ ที่ ตระการตาจะมาพักด้วย จึงเตรียมตัวเตรียมข้าวของกันเป็นการใหญ่ โดยเฉพาะกิดาการนี่แทบจะเลือกชุดไว้เที่ยวกับพี่สาวไว้ล่วงหน้าเลยทีเดียว “อ้าว ซันมาร์” วีณาหันไปทักคนตัวสูงที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “ไปยังไงมายังไงนี่” “พอดีเจอกับตาร์ที่แอร์พอต แล้วการ์ดของผมไม่สุภาพใส่เธอ นิดหน่อย เลยขอไถ่โทษด้วยการมาส่งในจาร์มา บังเอิญจริงๆ ที่เป็นหลานสาวคุณ” “อ้าว แย่จริง” วีณาว่า “เพื่อนของซันมาร์ก็เป็นซะอย่างนี้แหละ ใช้การ์ดมาเป็นสิบเอาเท่ไปๆ มาๆ คนลำบากดันเป็นคนโดนคุ้มกัน” วีณาบ่นลอยๆ นึกถึงชีคฮาซีมเพื่อนสนิทของชายหนุ่มที่ลากบอดี้การ์ดจากบริษัทตนเองมาฝึกงานกับเพื่อนหนุ่มด้วยการให้ดูแลรักษาความปลอดภัยให้ฟรีๆ ก่อนที่จะไปทำงานให้ลูกค้าที่มาจ้าง เวลาซันมาร์มาที่ร้านหรือมาเจรจาธุรกิจที่โรงแรมทีไร พวกการ์ดฝึกหัดเหล่านี้ก็จะตามมาเป็นพรวน ใครเห็นก็นึกว่ามาเฟียบุก จนมีช่วงหนึ่งนักข่าวเขียนข่าวแซวซันมาร์ว่าเป็นเจ้าพ่อใหญ่ใน จาร์มาด้วยซ้ำ “ไม่เป็นไรหรอกครับ บางทีก็สนุกดีเหมือนกัน” ชายหนุ่มบอก “เฮ้อ สนุกไปเถอะ เห็นอย่างนี้แล้วเวียนหัว ว่าแต่รู้จักกันแล้วใช่ไหมสองคนนี้” “ใช่ครับ” เขาตอบรับ สายตาสอดส่องไปทั่วร้าน ก่อนจะเอ่ยถาม “แล้วกิด้าล่ะครับ” เขาถามหากิดาการอีกครั้ง เพราะตอนที่ตระการตาถาม หล่อนคุยกับวีณาเป็นภาษาไทย “ยังไม่ลงมาเลยค่ะ เมื่อคืนมัวแต่จัดห้องดึกเลยตื่นสายหน่อย แล้วคุณจะทานข้าวที่นี่รึเปล่าวันนี้” วีณาถาม เพราะซันมาร์มาที่นี่เมื่อไหร่เห็นต้องฝากท้องที่นี่เป็นประจำ “วันนี้ต้องไปเตรียมประชุมก่อนครับ แต่พรุ่งนี้ผมจะพยายามหลบการ์ดมาเที่ยวตามที่นัดกับกิด้าไว้แน่ๆ” “เอางั้นก็ได้” วีณายิ้มเอ็นดู ซันมาร์ก็เหมือนเป็นลูกชายอีกคน แม้จะอายุแค่ต้นสามสิบ แต่เขาเป็นหุ้นส่วนธุรกิจใหญ่ของอับดุลลาสามีของหล่อน และเป็นเจ้าของธุรกิจข้ามชาติอีกหลายอย่าง เมื่อหล่อนและลูกสาวเข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ซันมาร์ที่เป็นเพื่อนรุ่นน้องของอับดุลลา เขาอาสาเป็นคนติวเรื่องเรียนให้กับกิดาการเพราะเคยเรียนสาขาเดียวกันกับที่กิดาการเลือกเรียน ทั้งสองคนจึงสนิทสนมกันพอสมควรและซันมาร์ก็ไปมาหาสู่ครอบครัววีณาบ่อยๆ ทั้งมาฝากท้องที่ร้านไทยเดิม และมาติดต่อธุรกิจที่โรงแรม “งั้นผมลานะครับ บายครับตาร์ ไว้เจอกันพรุ่งนี้” เขาโบกมือให้ ตระการตาโบกมือตอบเพื่อนใหม่ ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากร้านไป “ขานี้เขาค่อนข้างสนิทกับครอบครัวน้าน่ะ ยัยกิด้าเห็นว่าพี่สาวจะมาเลยนัดเขามาเป็นไกด์พาเที่ยว แต่น้าว่าคงสนุกพิลึกละถ้ามีการ์ดตามไปเดินเที่ยวเป็นสิบ” เจ้าของร้านไทยเดิมวิจารณ์อย่างขบขัน “ตาร์ก็ว่าอย่างนั้นแหละ ตอนมานี่ก็ขนลุกจะแย่ ไม่รู้ว่าจะโดนฆ่าหมกป่า เอ๊ยตึกแถวนี้รึเปล่า” “แล้วก็กล้ามากับเขา ให้น้าเดานะ คงงกค่าแท็กซี่ไว้ซื้อกระเป๋าหลุยส์ใช่มั้ย ถึงกล้ามากับคนแปลกหน้าอย่างนี้” ผู้เป็นน้าเดาเพราะรู้จักนิสัยหลานสาวดี ตระการตาชอบเขียมกับเรื่องเหล่านี้เสมอ ประหยัดทางไหนได้ก็ประหยัด แต่พอไปช็อปปิ้งเมื่อไหร่ แม่หลานสาวคนนี้ก็จะใช้เงินที่เขียมมาตลอดนั่นแหละซื้อของอย่างแหลกราญบานตะไท “แหม อย่าแซวกันซีคะ ไม่ให้ตาร์กล้ามาได้ไง หมอนี่บอกชื่อแซ่มาพร้อม ราวกับว่าพอรู้แล้วตาร์จะรู้จักแล้วกล้าให้มาส่ง ตาร์เลยเออออมาด้วยเลย ไม่ได้คิดอะไรมาก มีรถมาส่งถึงร้านฟรีดีจะตาย” “เมื่อไหร่จะเลิกเค็มนะหลานฉัน” “เมื่อได้แต่งงานกับเศรษฐีพันล้านมั้ง” คนอ่อนวัยกว่าพูดติดตลก “งั้นน้าจะรีบหาให้นะ จะได้เลิกสักที” “โอย ไม่เอาละค่ะ ไปหากิด้ากันดีกว่า” ตระการตาหัวเราะรับ คำแซวแล้วตัดบท ไม่อยากพูดเรื่องหาแฟน หรือแต่งงานอะไรให้เสียดแทงใจ ที่หนีมาจากเมืองไทยก็หนีเรื่องพวกนี้มา มาเจอที่นี่อีกคงไม่ไหวเหมือนกัน “งั้นตาร์ ทานข้าวเช้าก่อนนะลูก แล้วค่อยไปห้องกิด้านะ” “ตาร์ยังไม่หิวเลยค่ะ ไปหากิด้าเลยดีกว่า คิดถึงจะแย่” “แหม ปากหวานอีกแล้ว อย่ามัวแต่เที่ยวกับน้องจนเพลินนะ อยู่กับน้าบ้าง น้าคงไม่ได้ไปไหนด้วยร้านตอนนี้วุ่นๆ ยังไงไม่รู้” ร้านวุ่นๆ ของวีณาคือลูกค้าเข้าร้านมากจนจะรับมือไม่ไหว จึงต้องวางแผนเปิดอีกสาขานั่นเอง “ค่ะ จะอยู่จนน้าเบื่อเลยดีมั้ย และก็จะทำงานที่ร้านด้วย อย่าลืมจ่ายค่าจ้างงามๆ ให้ตาร์ด้วยนา” “แล้วจะทำงานอะไรในร้านล่ะ มีแต่จะช่วยวุ่นวายปะไร เรากับ ยัยกิด้าน่ะพอๆ กัน ขานั้นนะอยู่ที่ร้านช่วยกินอย่างเดียว แล้วเรื่องเงินน่ะน้าให้อยู่แล้วไม่รับจะโกรธด้วย มาอยู่นี่ห้ามควักตังค์ตัวเองออกแม้แต่บาทเดียวเชียว ไม่งั้นคนแก่จะงอน” ผู้เป็นน้าว่า “โห จะไม่ให้ช่วยทำงานได้ไงล่ะคะ มาอยู่ฟรีกินฟรีแล้วจะให้รับเงินด้วย” ตระการตาแซว แม้จะรู้ดีว่าวีณาต้องดูแลทุกเรื่อง เพราะวีณาไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยและวีณาก็รักตระการตาเหมือนลูก เงินทองที่หามามากมายไม่ให้กิดาการก็ให้ตระการตากับน้องๆ หล่อนนี่แหละใช้ แต่การมาครั้งนี้ตระการตาไม่ได้มาเที่ยว เพราะตั้งใจจะทำงานตั้งรกรากอยู่ที่นี่เลย จึงต้องการหางานทำไม่ใช่ว่ารับเงินจากวีณาไปตลอด อย่างน้อยหล่อนต้องหางานทำ เพื่อความอยู่รอด “เอาน่า เลี้ยงหลานคนเดียวน้าคงไม่ถึงกับจนหรอก น่าเสียดายที่ยัยตาล ยัยเตยไม่ได้มาแจมด้วย ไม่งั้นจาร์มาคงแตก” วีณาอดนึกถึงตติยาภา และตติยากรไม่ได้ แม้จะรู้ว่าทั้งสองไม่มีเวลาว่างมาก็ตาม “ก็ชวนแล้วละค่ะ แต่ทั้งสองคนนั้นน่ะว่างซะที่ไหน ยายตาลก็เป็นหมอที่บ้างานสุดๆ จนไม่มีเวลาว่างมาเที่ยวหรอกค่ะ ส่วนยัยเตยก็ติดเรียนที่มหาวิทยาลัย แต่ถ้ามีโอกาสไปต่างประเทศแล้วละก็ คงไปกรี๊ดดาราที่ชอบที่เกาหลีโน่นแหละ” ผู้เป็นพี่บอกยิ้มๆ “เฮ้อ ลูกหลานแต่ละคน เต็มๆ ทั้งนั้น” วีณาบ่นไม่จริงจังนัก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม