บทที่ 2. ถือกำเนิด

1425 คำ
ข้านี่แหล่ะ ฮูหยินของท่านแม่ทัพ บทที่ 2. ถือกำเนิด พลันความทรงจำก่อนหน้าก็ผุดขึ้นมาในมโนความคิดของหญิงสาว นางคือ ' เยว่เสี่ยวซือ ' ผู้อาภัพแสนอับโชค นางจำได้ว่ากำลังเดินทางกลับบ้าน หลังจากที่นำต้นฉบับนิยายของเธอไปเสนอให้กับสำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง แต่ถูกปฏิเสธกลับมา ขณะนั้นฝนตกหนัก และมีฟ้าคะนองไปทั่ว จำได้ว่าขณะนั้น หญิงสาวกำลังวิ่งข้ามถนนแต่ไม่พ้น เธอจึงถูกรถยนต์คันหนึ่งที่วิ่งฝ่าสายฝนมาด้วยความเร็วสูงพุ่งเข้าชนจนถึงแก่ชีวิต ใช่ ! เธอตายแล้ว แต่ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แล้วที่นี่ที่ไหน สวรรค์หรือนรกกันแน่ ? "ที่นี่ที่ไหนคะ ?" สุดท้ายก็ถามออกมาเมื่อทนเก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ได้ "หลี่หยาง เมืองหลวงของแคว้นชิว" เสียงทุ้มของชายหนุ่มที่อยู่หน้าสุดเอ่ยขึ้น และนั่นก็ส่งผลให้ดวงตากลมใสเบิกกว้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อ หลี่หยาง เมืองหลวงแห่งแคว้นซ่งอย่างนั้นหรือ ล้อเล่นกันแรงไปแล้ว ที่นี่จะเป็นเมืองหลวงของแคว้นชิวไปได้ยังไงกัน ในเมื่อสถานที่แห่งนั้นเป็นเพียงเรื่องสมมุติที่นางแต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มันมีอยู่จริงที่ไหนกันเล่า "เจ้าป็นอย่างไรบ้างเยว่ซือ ?" หญิงนางเดียวในกลุ่มเอ่ยขึ้นเป็นพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยน หากแต่เยว่เสี่ยวซือกลับนิ่งงัน เพราะสะดุดหูกับชื่อที่นางกล่าวเรียก เยว่ซือ... อย่างนั้นหรือ บังเอิญอีกแล้ว คงไม่ใช่เยว่ซือนางกำนันคนโปรดของฮองเฮาหรอกนะ "พี่หญิงชชีชี ท่านตรวจอาการนางดูหน่อยเถิด" ชายคนเดิมกล่าวขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาเรียบเฉย จนคนที่ถูกยัดเยียดให้ป่วยนึกหมั่นไส้ จวบจนกระทั่งการตรวจสิ้นสุดลง ' พี่หญิงชีชี ' หรือ ' หยางหลิงชี ' จึงหันมากล่าวกับน้องชายของนาง "นางปรกติดีทุกอย่าง" ก็แน่ล่ะสิ นอกจากอาการปวดเมื่อยเนื้อตัวแล้ว นางก็ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรนี่นา คนบนเตียงคิดในใจมิได้เอ่ยคำใดออกมา "เยว่ซือ เจ้าจำอะไรได้บ้างไหม ?" ชายหนุ่มคนเดิมหันกลับมาสนใจร่างบางบนเตียงอีกครั้ง ในขณะที่หญิงสาวยังคงนั่งนิ่งทำหน้างงไม่ยอมตอบจนอารมณ์คนถามเริ่มครุกรุ่น เดือนร้อนถึงหยางหลิงชีต้องเอ่ยเตือน เพราะกลัวว่าคนอารมณ์ร้อนจะมีอาการโมโหในอีกไม่ช้านี้ "เจ้าตอบแม่ทัพหยางสิ" แม้จะถูกเตือนหญิงสาวก็ยังไม่ยอมตอบ แต่กลับส่งสายตาถามคนเหล่านี้ว่า ' พวกเขาเป็นใคร ' และบุรุษหนุ่มอีกคนนั้นก็พอจะเข้าใจสายตาของหญิงสาว จึงกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว "ฮูหยินน้อยเพิ่งจะฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บ คงจะยังจำอะไรไม่ค่อยได้ เช่นนั้นข้าน้อยจะแนะให้ท่านเข้าใจ ตัวข้าน้อยมีนามว่าไป๋เจิงเป็นสามีของแม่นางผู้นี้ ซึ่งก็คือหยางหลิงชี คุณหนูใหญ่แห่งบ้านสกุลหยาง ส่วนคุณชายท่านนั้น..." ไป๋เจิงกล่าว ก่อนผายมือไปยังบุรุษหนุ่มอีกคนที่ยืนทำหน้านิ่งอยู่ทางด้านหน้า "คุณชายท่านนี้คือแม่ทัพ ' หยางเฟยฉี ' แห่งเมืองหลี่หยาง อีกทั้งยังเป็นสามีของท่านด้วย" "หยางเฟยฉี มาเฟียแห่งเมืองหลี่หยาง !" ดวงตากลมใสเบิกโพลงด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินชื่อของทุกคนจนครบ โดยเฉพาะชื่อของหยางเฟยฉีผู้นั้น มือบางถูกยกขึ้นปิดปากเพื่อกั้นเสียงร้องอย่างตระหนก ยิ่งมองสำรวจคนตรงหน้าอย่างละเอียดเท่าไหร่ หญิงสาวก็ยิ่งรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงมากขึ้นทุกที ร่างกายรู้สึกหนักอึ้งราวกับจะหายใจไม่ออกเมื่อประมวลความคิดได้ และเป็นความจริงที่หนีไม่อาจพ้น นางหลงเข้ามาในนิยายที่นางเป็นคนแต่งขึ้นมาเสียแล้ว ! เมื่อหญิงสาวเงียบ ทุกคนในห้องจึงพลอยเงียบตามนางไปด้วย ก่อนที่แม่ทัพหนุ่มหยางเฟยฉีจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หลังจากหมดความอดทนกับบรรยากาศที่แสนจะน่าอึดอัดนี้ "ตกลงเจ้าจำได้หรือไม่ได้กันแน่ เอาแต่นั่งเงียบอยู่ได้" ดวงตากลมโตตวัดมองคนพูดแวบเดียว ก่อนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง โดยไม่รู้ตัวเลยว่าการกระทำนี้ส่งผลให้ความหงุดหงิดของหยางเฟยฉีพุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว "นี่เจ้า !" เสียงห้วนห้าวบอกถึงความไม่พอใจของเจ้าตัวดังขึ้นลั่นห้อง "เฟยฉี เจ้าใจเย็นก่อนเถิด" หยางหลิงชีเอ่ยปราม ก่อนที่ร่างบางจะเดินมาทรุดกายลงนั่งบนเตียงใกล้ ๆ กับเยว่เสี่ยวซือ นัยตาคู่งามจับจ้องใบหน้าหวานตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยน ไม่สนใจอาการฮึดฮัดของน้องชายเลยแม้แต่น้อย "จริงอย่างที่อาเจิงบอก เยว่ซือเพิ่งจะหายป่วย เฟยฉีเจ้าเองก็อย่าเพิ่งคาดคั้นอะไรนางเลยนะ" หยางหลิงชีกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวยิ่งนัก ทั้งที่เมื่อก่อนนางเพียงรู้สึกเฉย ๆ กับนางเท่านั้น "เยว่ซือ... คือฉัน... คือข้าอย่างนั้นหรือ ?" เสียงหวานใสปานระฆังแก้วเอ่ยขึ้นแผ่วเบา นางพยายามปรับคำพูดให้เหมือนกับทุกคนที่นี่ เพื่อไม่ให้คนอื่น ๆ นึกประหลาดในตัวของนาง เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยพูดหลังจากเริ่มตั้งสติได้แล้ว เป็นผลให้คนทั้งห้องชะงัก ต่างพากันหันมามองหน้าผู้พูดเป็นตาเดียว "มิผิด ชื่อของเจ้าคือเยว่ซือ" ' เยว่เสี่ยวซือ ' หรือ ' เยว่ซือ ' ที่ทุกคนเอ่ยเรียกแทบอยากจะยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง หลุดเข้ามาในนิยายที่ตัวเองแต่งขึ้นยังไม่พอ ยังมาอยู่ในร่างของตัวละครตัวหนึ่งอีกต่างหาก ถึงเยว่ซือผู้นี้จะเป็นนางเอกของเรื่องก็ตาม แต่นางกลับไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด ถ้านางมาอยู่ในร่างของเยว่ซือ นั่นก็หมายความว่านางเป็นฮูหยินของหยางเฟยฉี มาเฟียแห่งเมืองหลี่หยางผู้นั้น คิดแล้วก็อยากจะกลับไปยังที่ ๆ นางจากมาเสียเหลือเกิน "เกินอะไรขึ้นกับข้า เหตุใดข้าถึงได้ป่วย ?" เยว่ซือเอ่ยถาม เหมือนนางจะนึกขึ้นมาได้ว่า ในนิยายนั้น เยว่ซือเป็นแม่นางที่อ่อนหวานและอ่อนโยน อีกทั้งยังเป็นกุลสตรีที่เพียบพร้อมทุกกระเบียดนิ้ว นั่นเพราะนางเป็นนางกำนัลที่ถูกฮองเฮาชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก แต่ไม่มีตอนไหนสักตอนที่ระบุไว้ว่าเยว่ซือป่วยหนักจนถึงขั้นเสียชีวืตนี่นา "ในวันที่เจ้าออกเรือน รถม้าที่เจ้านั่งออกจากวังมาเกิดอุบัติเหตุตกลงไปยังก้นเหว คราแรกมิมีผู้ใดคิดว่าเจ้าจะรอดชีวิต แต่เฟยฉีไมิได้ย่อท้อ ระดมกำลังทหารค้นหาเจ้าทั่วทั้งหุบเขาจนเจอ เป็นโชดดียิ่งนักที่เจ้ารอดมาได้" เยว่ซือหันหน้าไปมองหยางเฟยฉีตาขุ่นเขียว พลางค่อนแคะในใจว่าไม่น่าช่วยนางเลย ต้องมาอยู่ในร่างของผู้อื่นเช่นนี้ สู้ตายไปซะยังจะดีกว่า ครู่นึงหนึ่งเยว่ซือจึงหันกลับมามองหยางหลิงชีอีกครั้ง คุณหนูใหญ่ของบ้านสกุลหยางหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างพอจะเดาความรู้สึกของเยว่ซือได้ "ท่าทางเยว่ซือจะจำเจ้าไม่ได้นะเฟยฉี" "พี่หญิงชีชี !" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยอย่างไม่ชอบใจนัก แต่ยังมิทันได้พูดคำใดอีก ' หวังหลง ' หนึ่งในสองทหารคนสนิทก็เข้ามารายงาน หลังจากได้รับการแจ้งข่าวจากองรักษ์ที่มาจากวังหลวงคนหนึ่ง "เรียนนายน้อย เผิงเหลยเจ้าเมืองฉางมาขอพบขอรับ" "ข้ารู้แล้ว" เรียวปากหยักหนาเอ่ยพูด หากสายตากลับจับจ้องใบหน้าของเย่วซื่อนิ่ง "มีแขกมาถึงจวน เฟยฉี เจ้าก็ออกไปต้อนรับเถิด ส่วนนางพี่จะอยู่ดูแลเอง" "ถ้าเช่นนั้น คงต้องรบกวนพี่หญิงชีชีแล้ว" หยางหลิงชีพยักหน้าเพียงเล็กน้อย แม่ทัพหนุ่มจึงค่อยวางใจ จากนั้นร่างสูงรวมทั้งไป๋เจิงจึงพากันออกจากห้องไปพร้อมกับผู้ติดตาม คงเหลือแค่คุณหนูใหญ่แห่งสกุลหยางและสาวใช้ที่มีนามว่าเสี่ยวไช่และเสี่ยวชีที่ยังคงอยู่ในห้อง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม