ผลัวะ... ประตูเปิดออก เธอรีบซ่อนมันเอาไว้ที่ใต้ผ้าห่ม
“พี่รุ้ง” เด็กชายปุณณ์นั่นเอง มาด้วยเสื้อผ้าที่เลอะไปด้วยสี กระโดดขึ้นนั่งบนเตียง พร้อมกับสมุดวาดเขียนที่ถือมาด้วย
“ปุณณ์เอามาอวดพี่” เขาเริ่มด้วยการเปิดสมุดผลงานของตัว
“อุ๊ย สวยจัง วาดเอง ระบายสีเองหมดนี่เลยหรือ”
“ครับผม”
“แถ่น แท้น... นี้จ้า” ทอรุ้งดึงเอากล่องดินสอสีกล่องใหญ่ที่เธอตั้งใจซื้อมาให้ปุณณ์
“โอ้โห...” เด็กชายทำตาโต ยกมือไหว้ แล้วรับเอามันมาถือไว้
“ต้องเอาไปอวดพ่อกับแม่” ปุณณ์เลื่อนตัวลงจากเตียง วิ่งปรู๊ดหายออกไปทันที ได้ยินเสียงร้องตะโกนบอกทุกคนว่าเขาได้อะไรเป็นของฝาก
“ช่วยกันยกของลงไปที่สนามเร็ว ปาร์ตี้เรากำลังจะเริ่ม” แม่ไล่ต้อนเด็ก ๆ
“เย้ ๆ จะได้กินของอร่อย ๆ แล้ว”
ทอรุ้งเดินตามหลังน้องชายออกมา ทุกคนอยู่พร้อมหน้ากันตรงนั้นแล้ว ตอนนี้เธอจะต้องลืมทุกเรื่องราวที่เลวร้าย ชีวิตที่เชียงใหม่ต้องมีความสุขที่สุด
แสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า อากาศที่ร้อน ๆ เริ่มคลายลง ทอรุ้งเดินออกมาจากห้อง มือถือของเธอส่งเสียงดังขึ้น
โต ทอรุ้งกดรับสาย
“พี่รุ้งจ๋า เร็ว ๆ หน่อยสิ” ปลายฟ้าเรียกพี่สาว แทรกเข้ามา
“เธอมีน้องด้วยหรือ เปิดกล้องดิ๊ ฉันอยากเห็น”
“อะไรก็ไม่รู้” ทอรุ้งว่าให้ แต่ก็ยอมเปิดกล้อง
“ฮั่นแน่... คุยกับใครอยู่คะ”
“พี่โตจ้ะ”
“อ๋อ... น้องชายพี่ต๊ะหรือคะ” ปลายฟ้ารีบยกมือไหว้ เมื่อเห็นรอยยิ้มของกฤตนันท์ที่ฉีกจนปากกว้าง
“พี่โตทั้งหล่อ และน่ารักจังเลยค่ะ” ปลายฟ้าเอ่ยปากชมตามนิสัยคนปากไว
“ปั่น ให้มาตามพี่รุ้ง มัวทำอะไรกันอยู่คะ” เหมือนดาวเดินเข้ามาสมทบอีกคน
“ไฮ...” กฤตนันท์โบกมือให้เมื่อเห็นสองสาวที่หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ
“หวัดดีค่ะ” สาวน้อยเอ่ยทักทาย
“พี่เป็นแฟนพี่รุ้งหรือคะ” เหมือนดาวถามด้วยความสงสัย
กฤตนันท์ไม่ตอบได้แต่ยิ้ม รู้สึกดีใจแทนทอรุ้งที่มีครอบครัวใหญ่ อยู่กันหลายคน
“หยุดเลย เอามือถือของพี่มานี่ แล้วเดินไปบอกพ่อกับแม่ว่าพี่จะตามไป ขอคุยกับเพื่อนก่อน” ทอรุ้งแย่งเอามือถือจากมือของปลายฟ้า สองสาวทำตามแบบว่าง่าย เดินออกไปอย่างรวดเร็ว
ทอรุ้งเดินไปคุยไป
“คนเยอะแยะน่าสนุกเนอะ”
“อือ... ก็มาดิ พาแม่มาเที่ยว” ทอรุ้งเอ่ยชวน
“อาทิตย์นี้พาแม่ไปหาหมอ แล้วจะลองคุยกับหมอดูว่าอนุญาตให้ไปไหนไกล ๆ ไหมนะ แล้วที่บ้านทำอะไรกันเหรอ”
ทอรุ้งหันกล้องไปที่กลางสนาม พ่อ แม่ ปุณณ์ ปั่น และป้อนกำลังล้อมวงอยู่ที่เตาย่าง
“บาร์บิคิว”
“อิจฉาตาร้อนผ่าว ๆ อยากกินจัง บรรยากาศที่บ้านเธอก็ดีนะ”
“ใช่ ๆ เดือนนี้กำลังจะเปิดรีสอร์ตเดือนแรก ถ้าใกล้วันทำบุญแล้วจะบอกนะ”
“ฉันน่าจะไปเป็นแขกคนแรกนะ รีสอร์ตเธอจะได้เฮง ๆ”
“มาสิ รออยู่เลย”
“คุณป้ากลับไปที่สระบุรีแล้วนะ”
“อ้าว... แล้วตอนนี้เธออยู่กับแม่แค่สองคนเหรอ”
“ใช่ พี่นิ้งกับพี่ต๊ะไปเฝ้าคุณลุง เอ่อ... รุ้งเธอรู้เรื่องหรือยังว่า พี่รุจ ผู้ชายคนนั้นเข้าโรง’บาล”
ทอรุ้งหน้าเจื่อนลงไป ทำไมกฤตนันท์จะต้องเอ่ยไปถึงเขาด้วย
“อะ ไม่ถามว่าเขาเป็นอะไรเหรอ ทุกทีเห็นกระตือรือร้นเรื่องของเขาไปหมด”
“ช่างปะไร เป็นอะไรก็ช่าง”
“จริงอะ ฉันได้ยินพี่นิ้งคุยกับพี่ต๊ะ อาการก็หนักเหมือนกันนะ น็อกไปเพราะดื่มเยอะ”
“แล้วทำไมไม่ตาย” เธอปากร้ายไปแบบนั้น แต่ในใจรู้สึกเป็นกังวลและห่วงเขาไม่น้อย สั่งใจให้เกลียดเขา แต่ลึก ๆ มันไม่สามารถจะทำให้เกลียดหรือเลิกรักได้ในวันสองวันหรอก
“ปากร้ายจัง นึกว่าเธอจะเป็นห่วงเขาเสียอีก”
“คนใจร้ายแบบนั้น ฉันไม่สนใจแล้ว”
“เขาไปทำอะไรให้เธอล่ะ”
“นายโต ไม่คุยเรื่องของเขาได้ไหม ไม่อยากรู้เรื่องแล้ว”
“อ้าว เป็นงั้นไป ทีเมื่อก่อน...”
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว แค่นี้นะ หิว... จะไปกินแล้ว”
“ฉันก็หิว” กฤตนันท์มองหน้าเธอด้วยความอิจฉา เห็นปลายฟ้ายกจานของย่างมาโชว์ตรงหน้า
“โต ฉันจะกินเผื่อนายละกัน”
“โห... แบบนี้ก็ได้เหรอ”
“แค่นี้แหละ” เธอรีบกดวางสาย
“รุ้งมาเร็วลูก มานั่งเร็ว” คุณดาราเรียกลูกสาว
“น้ำจิ้มสูตรเด็ดของพ่ออร่อยจนเชลล์ชวนชิม” คุณพ่อขยับตัวให้ทอรุ้งนั่งใกล้ ๆ แล้วเลื่อนถ้วยน้ำจิ้มที่ท่านทำเองมาไว้ตรงหน้า
“เริ่มได้เลยไหมครับพ่อ” ปุณณ์ถาม เพราะนั่งน้ำลายไหลอยู่นานแล้ว
“ได้เลยสิ อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ มาปาร์ตี้กันให้สนุกไปเลย”
“ชนแก้วกันเพื่อความสุขค่ะ"
เหมือนดาวกับปลายฟ้ายกแก้วของตัวเองขึ้น
"ไชโย” สองสาวพูดขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ทุกคนจึงทำตาม
เสียงหัวเราะ พูดคุยกันครื้นเครงจึงเกิดในบ้านที่ผาสุกแห่งนี้
หน้าห้องพักของวิษรุจในโรงพยาบาล
“เข้ามาสินิ้ง” อาทิตย์มองไปยังแขกสองคนที่กำลังควงแขนกันเข้ามา
“พี่รุจหลับอยู่หรือคะ” กุหลาบแก้วถามเบา ๆ
“ตื่นแล้ว เพิ่งตื่น” อาทิตย์บอก
กุหลาบแก้วกุมมือของกัมปนาทเดินเข้าไปด้วยกัน
วิษรุจพอเห็นคนทั้งคู่ก็สีหน้าแย่ลง เขารู้สึกเจ็บปวด
แต่มันต้องทำใจใช่ไหม วิษรุจถามตัวเอง ส่งสายตาจับจ้องมองไปยังคู่รักที่เป็นต้นเหตุให้เขาต้องมานอนชอกช้ำใจอยู่แบบนี้
กัมปนาทได้แต่ยืนมองอยู่ห่าง ๆ พร้อมกับยื่นกระเช้าของเยี่ยมส่งให้กับอาทิตย์ไป
“พี่รุจคะ ทำไมยอมให้ตัวเองเป็นแบบนี้” เธอผละจากสามีตรงไปที่เขา และเอ่ยปากต่อว่าทันที รอยยิ้มและแววตาที่หวังดีเสมอส่งไปให้วิษรุจ
วิษรุจฝืนยิ้มให้ ก่อนจะเอ่ยปาก
“ผมจะขอคุยกับนิ้งตามลำพัง คุณจะว่าอะไรไหม” วิษรุจจ้องหน้ากัมปนาท
อาทิตย์มองหน้าคนนั้นทีคนนี้ที
กัมปนาทสบตากับภรรยา นิ้งพยักหน้าให้ เขาจึงเดินออกไป มีอาทิตย์เดินตามออกมาด้วย
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ อาการของรุจมันหนักขนาดนั้น แต่ผมขอโอกาสให้รุจได้ล้างใจกับนิ้งสักที เผื่อว่าอะไร ๆ จะดีขึ้น” อาทิตย์พูดกับกัมปนาท เขาห่วงวิษรุจมากกับอาการที่เป็นอยู่
กัมปนาทได้แต่พยักหน้า แต่ก็มองเข้าไปในห้องด้วยความเป็นห่วงกุหลาบแก้ว
กุหลาบแก้วนั่งลงใกล้ ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของวิษรุจ
“อย่าทำแบบนี้อีกเลยนะคะพี่รุจ นิ้งขอร้องพี่รุจอย่าทำร้ายตัวเอง” เธอเอ่ยปากขอร้องเขาพร้อมกับสายตาห่วงใย น้ำตาเริ่มคลอ
“พี่ขอโทษนะที่ทำให้นิ้งเป็นห่วง และไม่สบายใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง วิษรุจรักกุหลาบแก้วมาก ตอนนี้เขาคิดได้แล้วว่า เขาควรยินยอมให้เธอไปมีความสุขกับคนที่เธอเลือก
“นิ้งรักพี่รุจนะคะ แต่รักในฐานะพี่ชายที่แสนดีคนหนึ่งของนิ้ง พี่รุจเป็นทุกสิ่งในชีวิตของนิ้งได้...”
“แต่เป็นคนรักไม่ได้” เขายังพูดต่อท้ายด้วยอาการตัดพ้อ แต่ใบหน้าก็ฉายรอยยิ้มที่เหนื่อยเต็มทน
“นิ้งไม่อยากเสียพี่รุจไปนะคะ ไม่อยากจริง ๆ นิ้งขอโทษค่ะที่ทำให้พี่รุจเสียใจ” เธอน้ำตาไหล
“พี่มันคนไม่มีเหตุผล คิดแต่เข้าข้างตัวเอง ทั้ง ๆ ที่รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ อย่าเสียใจไปเลยนิ้ง เรื่องทั้งหมดมันอาจจะเป็นพรหมลิขิตก็ได้ ผู้ชายคนนั้นเกิดมาเป็นคู่ของนิ้ง ซึ่งก็ไม่ใช่พี่” นัยน์ตาของวิษรุจแดงก่ำ ตรงปลายจมูกของชายหนุ่มยังคงมีท่อออกซิเจนเล็ก ๆ เสียบคาอยู่
“มันก็ไม่ใช่ความผิดนะคะ ถ้าคนเราจะรู้สึกดี ๆ ต่อกัน นิ้งต้องขอบคุณพี่รุจด้วยซ้ำที่รักนิ้ง และคอยอยู่เคียงข้างนิ้งมาโดยตลอด นิ้งรับรู้ได้ถึงความรู้สึกดี ๆ ที่พี่มีให้ค่ะ แต่...” กุหลาบแก้วพูดไม่ออก รู้สึกสงสารวิษรุจจริง ๆ
“แต่นิ้งก็เลือกเขา”
กุหลาบแก้วพยักหน้า พร้อมกับน้ำตาที่หยดลงไปที่หลังมือของเขา
“นิ้งกำลังจะมีลูกกับเขาค่ะ” เธอพูดเหมือนสารภาพผิด กุหลาบแก้วยกมืออีกข้างของตัวเองลงไปบนหน้าท้องที่เริ่มนูน สายตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความสุขอย่างที่วิษรุจไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีประกายแห่งรักแฝงอยู่ในนั้นด้วย
“พี่ถามนิ้งจากใจจริง นิ้งรักเขาใช่ไหม”
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า หากได้ยินจากปากของกุหลาบแก้ว เขาอาจจะเจ็บขึ้นอีกเป็นร้อยเป็นพันเท่า แต่วิษรุจก็อยากจะได้ยินคำยืนยันเพื่อที่เขาจะได้ทำใจ
“ใช่ค่ะ นิ้งรักเขา”
คำตอบนั้นทำให้หัวใจที่แหลกเหลวยิ่งสลายไปอีก