ทอรุ้งเดินลงมาจากข้างบน ตั้งใจจะไปเอาน้ำดื่มในครัว เธอคิดว่าดึกแล้วทุกคนคงเข้าห้องนอนไปหมด แสงไฟจากห้องนั่งเล่นยังสว่าง บทสนทนาของคุณป้า พี่ต๊ะ และพี่นิ้งดังพอได้ยิน เธอรับรู้ว่าวิษรุจป่วยจนเข้าโรงพยาบาล แวบแรกที่ได้ยินชื่อเขา เธออยากจะเดินหนี แต่ปลายเท้ากลับไม่ขยับเขยื้อนคอยฟังพี่นิ้งเล่าอาการของวิษรุจจนหมด
หมดสติไป เพราะอะไร
เธอคิดไปร้อยแปด ใจสั่งให้เลิกสนใจเขา วิษรุจทั้งใจร้ายและทำเลวกับเธอ แต่ในก้นบึ้งของหัวใจของสาวน้อย ทอรุ้งกลับหลงรักเขาแบบไม่รู้ตัว แล้วแบบนี้เธอจะถอนใจจากเขาได้หรือ
พอเห็นทุกคนในห้องต่างขยับตัวลุก ทอรุ้งก็รีบหลบเลี่ยงไม่อยากให้ใครมาเห็นเธอในสภาพนี้ ตาบวมช้ำเพราะร้องไห้เสียใจจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ
พอคล้อยหลังทุกคนเธอก็เดินออกมาจากที่ซ่อน
"เป็นอะไร ทำไมมาแอบอยู่ตรงนี้"
"โต..." เธอสะดุ้งเสียงของกฤตนันท์ ได้แต่ยืนนิ่ง
กฤตนันท์เดินเข้ามาหา ก่อนจะช้อนสายตาจ้องหน้าทอรุ้ง
"เป็นอะไร ทำไมร้องไห้" เขาถามเพราะหน้าตาของเธอดูไม่ได้
"ไม่ได้ร้องไห้"
"แล้วทำไมตาแดงบวม โกหกไม่ดีนะ แล้วบ่ายนี้เธอหายไปไหนมา ไม่เห็นกลับบ้านมากับคุณป้า" เด็กหนุ่มช่างสังเกต
"เราไปเที่ยว ชอปปิง แล้วกินขนมจีนน้ำยาเข้าไป สงสัยคนขายเอาปลาโอมาทำน้ำยาแน่ ๆ เราแพ้ปลาโอ กินเมื่อไหร่ก็จะเป็นแบบนี้แหละ"
กฤตนันท์รีบใช้มือจับปลายคางของทอรุ้งแล้วดู
"หื้อ บวมมากนะเนี่ย กินยาหรือยัง หรือจะไปหาหมอ" คำพูดและกิริยาเป็นห่วงของ กฤตนันท์ ทำให้คนได้ยินอยากจะร้องไห้
"กินแล้ว" เธอทำเสียงสั่น ๆ
"แล้วเธอจะลงมาทำไม ทำไมไม่นอนพัก"
"จะมาเอาน้ำดื่ม"
เด็กหนุ่มยื่นขวดน้ำที่อยู่ในมือให้เธอไปขวดหนึ่งเพราะเขาถือมาสองขวด
"เอ้า... เอาไป กลับขึ้นไปนอนได้แล้ว พักมาก ๆ" เขาดันหลังให้เธอเดินนำหน้า
"พรุ่งนี้เธอไปไฟลต์กี่โมง"
"สิบเอ็ดโมง"
"ให้ไปส่งไหม"
ทอรุ้งรีบโบกมือห้าม
"ไม่ต้อง ๆ ตอนนี้เป็นโอกาสของนายที่จะได้ดูแลแม่ นายอยู่ดูแลท่านเหอะ"
"เอ๊ะ... ทำตัวมีพิรุธ เธอแอบนัดใครไว้หรือเปล่าเนี่ย"
"ไม่มี ไม่มีจริง ๆ"
ทั้งสองคนเดินมาถึงหน้าห้องนอนของทอรุ้ง
"ไปถึงที่โน่น เธอติดต่อกลับมาหาฉันด้วยนะ"
"ทำไม"
"ก็ฉันเหงา" กฤตนันท์พูดไปเขินไป
ทอรุ้งถึงกับหน้าเจื่อน
"อือ..."
"อย่าลืมโพสต์รูปสวย ๆ ของรีสอร์ตพ่อกับแม่ของเธอมาด้วยนะ"
"อือ... ได้สิ"
กฤตนันท์ยกมือขึ้นมาขยี้หัวของทอรุ้ง ตอนนี้เธอไม่ได้ปัดมือของเขาออกเหมือนทุกครั้ง
"ขอบใจนะที่ดีกับฉัน" ทอรุ้งทำตาแดง
"หื้อ... พูดอะไร ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจเธอที่คอยอยู่ข้าง ๆ แล้วพาฉันผ่านเวลาที่อ่อนแอมาได้ ฉันถือเป็นบุญคุณนะ เธอเป็นคนพิเศษสำหรับฉันเลย ต่อจากนี้ไป ถ้านางสาวทอรุ้งต้องการอะไร แค่เอ่ยปาก กฤตนันท์คนนี้จะรีบไปเลย”
ทอรุ้งที่กำลังอ่อนแอ เธอโผเข้ากอดเขาแน่น
"ขอบใจนะ" เธอร้องไห้
กฤตนันท์ตกใจและแปลกใจ ทอรุ้งจะซาบซึ้งอะไรปานนั้น
เมื่อเธอร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้วสะอึกสะอื้น เด็กหนุ่มจึงยกมือขึ้นโอบกอด
"แกเป็นอะไร ที่ฉันพูดเมื่อกี้มันกินใจมากจนร้องไห้เลยเหรอ"
เขายิ้มพราวทั้งใบหน้า ยกมือขึ้นลูบเส้นผมของทอรุ้งเบา ๆ หัวใจที่อยู่ภายใต้หน้าอกนั้นเต้นส่งเสียงดัง จนกลัวว่าทอรุ้งจะได้ยิน เขาจึงผลักเธอออก
"ฮอร์โมนพลุ่งพล่านเหรอ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแบบนี้" เขาเย้า เห็นทอรุ้งร้องไห้ขี้มูกโป่ง
"ไหนดูหน้าคนขี้แยหน่อยซิ" เขาแกล้งบีบคางเธอแรง ๆ ทอรุ้งนึกถึงกิริยาแบบนี้ที่วิษรุจทำกับเธอ เด็กสาวปัดมือของกฤตนันท์ออกอย่างไม่ตั้งใจ
"โอ๊ย... อะไรวะ" กฤตนันท์ตกใจ อยู่ ๆ ทอรุ้งก็ผลักไส
"จะเข้าห้องแล้ว กู๊ดไนต์นะ" เธอเปิดประตู รีบเดินเข้าห้องแล้วปิดประตูห้องลงในทันที
กฤตนันท์ยืนงงอยู่หน้าห้อง แต่ใบหน้าร้อนออกผ่าว ๆ เขาอยากจะบอกทอรุ้งเหลือเกินว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ มันอาจจะเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิทไปสักนิด
ถ้าฉันโตกว่านี้ ฉันจะบอกเธอนะรุ้ง เขาบอกกับตัวเอง
////////////////////////////////
ทอรุ้งยืนนิ่งอยู่ที่หลังประตูอยู่นาน ก่อนจะเดินไปที่เตียง เธอทิ้งร่างลงบนเตียงอย่างอ่อนล้า หัวใจมันบอบช้ำจริง ๆ คำพูดของวิษรุจทุกคำยังก้องอยู่ในหัว
เขารังเกียจเรามากขนาดนั้นเลยหรือ
แล้วที่พี่รุจทำกับเราทุกอย่าง มันคือความใคร่ใช่ไหม ทำไปเพื่อแก้แค้น และเพื่อความสะใจ
แบบนี้ หัวใจของรุ้งที่ถูกพี่รุจย่ำยีจะไปรักใครได้อีกคะ
เธอทั้งโกรธระคนน้อยใจวิษรุจไปหมด ซบหน้าลงไปกับหมอนร้องไห้อย่างหนักหน่วงอีกครั้งหนึ่ง
เช้าวันใหม่
“ใครเห็นยายรุ้งบ้าง”
“เห็นน้อยบอกว่า ออกไปตั้งแต่เช้าค่ะ” ป้านอมตอบ
“อ้าว... จะกลับบ้านที่เชียงใหม่ไม่ใช่หรือ” คุณแจ่มจันทร์ชักสงสัย
กฤตนันท์พาแม่เดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหาร
“เดี๋ยวโตโทร. ให้ครับคุณป้า”
“ป้านอมตักข้าวต้มให้คุณเกตุด้วย”
ตื๊ด... ตื๊ด...
(“ฮัลโหล”) แค่คนปลายสายรับ
“รุ้งอยู่ไหน”
(“ก็จะไปขึ้นเครื่องไง”)
“เช้าป่านนี้น่ะ”
(“ทำไมต้องทำเสียงแบบนี้ ก็นอนไม่หลับ แล้วก็อยากกลับบ้าน”)
กฤตนันท์ทำสีหน้างง ๆ
“แล้วบอกลาคุณป้าหรือยัง”
คนปลายสายถึงกับหน้าจ๋อย จะเอาหน้าตาเยิน ๆ ไปให้คุณป้าดูได้อย่างไร ร้องไห้ตาปูดบวมไปหมด
(“ก็...”)
กฤตนันท์เดินกลับเข้ามาในห้อง
“คุยกับยายรุ้งเหรอ”
เด็กหนุ่มยื่นมือถือให้คุณแจ่มจันทร์
“ฝากบอกแม่เราด้วยนะว่าป้าคิดถึง เดินทางปลอดภัย”
(“ค่ะ คุณป้า”)
คุณแจ่มจันทร์ยื่นมือถือคืนให้กฤตนันท์
“ก็แบบนี้แหละ วัยรุ่นสมัยนี้ เอาใจยากขึ้นไปทุกวัน” คุณป้าบ่น
“ไปถึงก็โทร. มาบอกด้วย”
(“รู้แล้วจ้ะ แค่นี้ก่อนนะ อยู่ในรถแท็กซี่ เกรงใจลุงคนขับเขา”)
“อื้อ...”
จะรีบไปไหน ไฟลต์ออกตั้งสิบเอ็ดโมง กฤตนันท์คิดในใจ
“โรงพยาบาลนี้แน่เลย”
ทอรุ้งลงจากรถแท็กซี่แล้วก้าวขาเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
“สวัสดีค่ะ คุณวิษรุจ โพธิ์สามสี รักษาตัวอยู่ห้องไหนคะ” เธอเดินเข้าไปสอบถามตรงที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ พนักงานสาวรีบเช็กในคอมพิวเตอร์ให้
“ห้องสองสี่หนึ่งแปดค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ” ทอรุ้งเอ่ยขอบคุณ
เธอเดินไปยังห้องที่วิษรุจพักรักษาตัวอยู่ ในใจของเด็กสาวเต้นแรง เธอเฝ้าวนเวียนถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาว่าจะมาดูมาเยี่ยมเขาทำไม แต่คำตอบที่ให้กับตัวเองได้ก็คือ อยากมาให้เห็นกับตาว่าวิษรุจป่วยหนักจริงหรือ
เธอยืนรออยู่ที่หน้าลิฟต์
ติ๊ง... ประตูลิฟต์เปิดออก
อาทิตย์เดินคู่กันออกมากับมีนชญา
“พี่ทิตย์ไม่เป็นไรใช่ไหม เราทิ้งพี่รุจเอาไว้คนเดียว”
“พี่มีประชุมใหญ่วันนี้”
“มีนก็มีนัดกับลูกค้ารายใหญ่เอาไว้เหมือนกัน”
“ไม่เป็นไรหรอกน่ะ มันปลอดภัยแล้วแหละ เพียงแต่หมออยากให้นอนพักรักษาตัวให้ดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อย”
“ก็มีนเป็นห่วงพี่รุจนี่คะ”
“งั้นแกก็รีบไปรีบกลับ เสร็จงานก็มาเฝ้าไอ้รุจมันต่อ พี่ประชุมยาว ไม่รู้จะปิดประชุมได้ตอนไหน เรื่องงบใหญ่เสียด้วย”
“ค่ะ มีนทำงานเสร็จจะรีบมา”
บทสนทนาของสองพี่น้อง ทำให้ทอรุ้งยืนฟัง ไม่ยอมเข้าประตูไป พอสองคนนั้นเดินผ่าน เธอก็กดเพื่อให้ลิฟต์เปิดประตูรับเธออีกครั้ง
อาทิตย์หยุดเดินชะงักไปนิดหนึ่ง น้องสาวรีบหยุดแล้วหันมา
“ลืมของหรือคะ”
“เปล่า แต่มีนเห็นเด็กผู้หญิงที่เพิ่งเดินเข้าลิฟต์ไปไหม”
“อื้อ ทำไม”
“หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนพี่เคยเห็นที่ไหน”
“โธ่ พี่ทิตย์ คนสมัยนี้หน้าตาโหลจะตายไป ทำศัลยกรรมส่วนใหญ่ก็บล็อกหน้าเดียวกันทั้งนั้น รีบไปเถอะค่ะ ขืนเราสองคนช้า รถติด สรุปจะไปทำงานไม่ทันกันทั้งคู่” มีนชญาฉุดดึงมือของพี่ชาย
อาทิตย์ก็ยังทำท่าครุ่นคิด แต่คิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ว่าเคยเจอเด็กสาวคนเมื่อกี้ที่ไหน
ทอรุ้งยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้องสองสี่หนึ่งแปด
คิดดีแล้วหรือ หากว่าพี่รุจตื่นอยู่ แล้วเขาออกปากไล่เธออีกครั้ง เธอจะทำอย่างไร
ฉันอยากมาให้เห็นกับตา
เพื่ออะไร