EP.01
“...ห่อนทุกข์นางนาฏน้อง นางจันทร์
คำฮักบ่ดั่งฝัน หมายน้อง
พรากภพพ่อจากกัน ทุกข์เท่า นางเฮย
บ่สมดั่งใจต้อง ซบรักรอยตรม...”
เสียงท่องกะโลงล้านนาจบลง เวลานั้นทำให้จันทร์เจ้ารู้สึกอึดอัด เหมือนมีก้อนบางอย่างตีมาจุกแน่นที่ลำคอ ทำให้รับรู้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าว จนบางครั้งต้องปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา โดยเจ้าตัวก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น
ไม่เข้าใจทำไมเธอถึงร้องไห้ หลากครั้งที่อ่านคำโคลงบทนี้ ซึ่งเป็นแค่เพียงบทโคลงท่อนหนึ่งเอ่ยถึงเรื่องราวชีวิตของเจ้านางจันทร์งาม เจ้าหญิงจากเมืองล้านนาตะวันออกกับเรื่องราวซึ่งเล่าถึงการเดินทางสู่เมืองม่านรามัญ
สายลมละเลียดพัดเข้ามาภายในห้อง ผ่านทางบานหน้าต่างเปิดอ้า ผ้าม่านผืนบางลายดอกไม้สีหวานพัดไหวอยู่น้อยๆ
หญิงสาวหยัดกายลุกจากเก้าอี้อีกครั้ง หลังจากปิดคอมพิวเตอร์ไปแล้ว หากความรู้สึกที่ก่อเกิดขึ้นระหว่างการนั่งอ่านคำโคลงเมื่อครู่กลับยังคงวนเวียนอยู่ในกายไม่ห่างหาย
เธอไม่เคยรู้ นับตั้งแต่ได้อ่านเจอบทกลอนท่อนนี้เป็นครั้งแรก เหตุใดเธอถึงได้ชอบมันและรู้สึกสงสารแม่หญิงในนิทานล้านนาคนนี้อยู่ร่ำไป
เจ้าจันทร์งาม เมืองม่านรามัญ เจ้าแสนเมืองและเจ้าน้อยภูมินทร์ เรื่องราวภายในคำโคลงยังบรรยายได้ไม่ละเอียดเท่ากับเนื้อเรื่องความเป็นจริงของเจ้านางจันทร์งาม ซึ่งเธอเคยได้รับฟังมาตั้งแต่เด็กๆ เลย พยายามหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตในเวลาต่อมา กลับไม่ได้เรื่องราวอะไรมากนัก แม้จากหนังสือก็ไม่มี...
เพราะเหตุใดเธอถึงได้สนใจ...
แล้วเพราะอะไรเธอถึงได้รู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องราวในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อน จนอาจจะเป็นเพียงตำนานหรือนิทานซึ่งถูกสร้างขึ้นเท่านั้น มันเกิดขึ้นกับตัวของเธอเอง
ข้อนี้ก็ยากจะหยั่งรู้ได้เหมือนกัน
ร่างบางย่างเยื่องมาหยุดยังริมหน้าต่าง เพื่อจะให้ความรู้สึกอัดอั้นภายในกายทุเลาลง เธอนำผ้าม่านไปมัดรวบกับผ้าผูก ทอดสายตามองหมู่แมกไม้ที่กวัดไกวตามแรงลม ในยามเย็น แสงอาทิตย์สีส้มฉาบทาบอยู่ปลายขอบฟ้าอย่างสวยงาม
ทันใดนั้น...
‘เจ้างาม...เจ้างาม...’
เสียงเรียกชื่อจากใครคนหนึ่งดังขึ้นอย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป
จันทร์เจ้าเหลียวกลับมามองทางต้นเสียงอย่างนึกสงสัย
เสียงเรียกนั้นช่างคุ้นหูเป็นยิ่งนัก หากแต่แปลกเธอกลับบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงของใครกันแน่
“ใครกันนะ...”
สองคิ้วโก่งงามขมวดมุ่นเข้าหากัน จะว่าเสียงของบิดาก็ใช่ที่เพราะการเรียกแบบนี้ไม่ใช่ในแบบการเรียกของบิดาเธอ โดยเฉพาะในเวลานี้พ่อของเธอคงจะยังไม่กลับจากข้างนอกอย่างแน่นอน
เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชาย แม้จะคุ้นหู ทว่ากลับไร้ซึ่งคำตอบว่าคือใคร
เสียงนั้น ดังแผ่วเบา เหมือนลอยมากับสายลมแล้วค่อยๆ จางหายไป
ทว่าสำหรับหญิงสาว เธอกลับรับรู้ว่าเป็นเสียงเรียกที่...ชัดเจน
จันทร์เจ้าเดินกลับมายังเตียงอีกครั้ง รู้สึกเหมือนเส้นขนเส้นเล็กๆ จะพร้อมใจกันลุกตั้งชัน แม้จะเป็นบ้านของตนเอง ทว่าไม่อาจไว้ใจได้เหมือนกัน อย่างกับเรื่องเหนือมิติอีก ที่เธอแทบจะไม่เชื่อ หากก็ไม่เคยคิดจะลบหลู่
หญิงสาวทรุดกายลงนั่งบนเตียง ทอดสายตามองสำรวจไปรอบๆ ห้องอย่างค้นหาและสงสัย จะว่าหูแว่วไปก็ไม่ใช่เพราะเสียงนั้นมันชัดเหลือเกิน
ชัด...จนเหมือนคนพูดเข้ามากระซิบบอกที่ข้างหูกระนั้น
ก่อนหญิงสาวจะทันได้คิดสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น พลันดวงตาคู่สวยก็เบิกขึ้น เครื่องบันทึกในสมองสั่งการบอกสิ่งที่ปรากฏอยู่ภายในครองจักษุนั้นว่าคืออะไร
ดอกพุดซ้อน...
สมองประมวลผลคำและสั่งการทางความคิด พลันจมูกก็รับกลิ่นหอมของไม้ดอกตรงหน้าทันที
ใครกันนะที่เอามาวางไว้....
ก่อเกิดคำถามตามมาอีกเป็นชุด ก่อนหญิงสาวจะหยัดกายลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปยังโต๊ะคอมพ์และเอื้อมมืออันสั่นเทาไปหยิบไม้ดอกสีขาวขึ้นมาดู
กลิ่นหอมของมันระรื่นจมูก จันทร์เจ้าเผลอยกมันขึ้นสูดดม พลันสมองก็เบาโล่งเหมือนลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
‘อ้ายหื้อเจ้า เจ้างาม...’
เสียงทุ้มคุ้นหู ก่อนชายร่างใหญ่จะเอื้อมมือหนา นำดอกพุดซ้อนสีขาวสะอาด อันมีกลีบซ้อนเรียงรายกันอย่างสวยงามขึ้นทัดยังซอกหูของหญิงสาว กลิ่นหอมของมันช่างหอมเย็นเป็นยิ่งนักผสมกับกลิ่นจากกายนางที่จรุงเย้ายวนใจ
‘ขอบใจขนาดเจ้า…’
เรียวปากบางคลี่ยิ้ม พลางชม้ายมองผู้ซึ่งทัดดอกไม้ให้กึ่งยินดี
แม้แววตาที่ปรายมองจะเปี่ยมไปด้วยความปีติยินดีมากล้นเพียงใด ทว่าลึกๆ นั้นกลับแฝงเอาไว้ซึ่งแววหม่นเศร้าอยู่ดี
เจ็บปวดเหลือแสนในยามที่ชายผู้นี้ทำดีด้วย แม้จะยินดี ทว่ามันก็ยังเคลือบเอาไว้ซึ่งความไม่พึงใจอยู่ดี
ไม่มีใครเข้าใจ...ไม่มีใครล่วงรู้ ว่านางจะทนกล้ำกลืนมากเพียงไร
จันทร์เจ้าสัมผัสรู้ถึงความรู้สึกทุรนเหล่านั้น เหมือนอย่างกับร่างของแม่หญิงตรงหน้าอันปรากฏในครองจักษุจะเป็นตัวเธอเอง
ภาพที่เห็น เหตุการณ์ที่เป็นไป มันช่างเด่นชัดเป็นยิ่งนัก ชัดจนเธอเข้าใจและรับรู้อย่างแววตาของแม่หญิงคนนั้นเลย
อีกนานสักแค่ไหนจะหลุดพ้น...
ก่อนที่ภาพเรื่องราวทั้งหมดจะดำเนินต่อไป คล้ายดั่งกับหนังแผ่นเก่าประหนึ่งมันได้ฉายซ้ำเวียนวน ร่างแบบบางของจันทร์เจ้าที่รู้สึกเบาโล่ง เหมือนลอยคว้างอยู่กลางอากาศ ก็มีอันต้องถูกเหวี่ยงลงมาจากที่สูงอีกครั้ง มันวูบ คล้ายดั่งถูกสูบให้จมสู่ห้วงธรณีซึ่งแยกแตกออก เมื่อหูแว่วเสียงเรียกชื่อของเธอ เหมือนเสียงนั้นลอยมาจากที่อันไกลแสนไกล หากก็ชัดเจน
“จันทร์...ลูก เป็นอะไร”
เสียงของผู้เป็นมารดา สำหรับจันทร์เจ้าเธอได้ยินเสียงนั้นจริงๆ ทว่ามันก็เบาบางเต็มที ก่อนสติที่เหลืออยู่จะค่อยๆ ดับวูบไป