ฝนที่ตกหนักในยามสองทุ่มกว่า ทำให้การจราจรในกรุงเทพฯ ที่ตัดขัดอยู่แล้วยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เหลืออีกแค่ไม่กี่ซอยก็จะถึงซอยเข้าบ้านเขาอยู่แล้ว แต่ฝนก็ตกกระหน่ำลงมาราวกับฟ้ารั่ว ทำให้รถที่ตอนแรกเคลื่อนตัวได้บ้างหยุดชะงัก ขนาดจะกระดึ๊บก็ยังยาก และนั่นก็สร้างความหงุดหงิดให้กับสหัสวัตไม่น้อย
ชายหนุ่มถอนหายใจเบื่อหน่ายออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มองซ้ายมองขวาเผื่อว่าจะเห็นเส้นทางที่สามารถหักพวงมาลัยไปยังเลนด้านที่มันจะช่วยให้รถเคลื่อนไปได้มากกว่านี้ แต่ก็เปล่าประโยชน์ เพราะไม่ว่าจะเลนด้านไหนรถก็จอดนิ่งไม่ต่างกันทั้งนั้น
เขาสบถออกมาเบาๆ เพราะความเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหนักทั้งวัน กอปรกับต้องมาเหนื่อยหน่ายกับการจราจรบนท้องถนน ทำให้คนที่สุขุมกลายเป็นคนขี้โมโหไปได้ง่ายๆ โชคดีที่รถของเขาอยู่ด้านนอกสุดที่ติดกับขอบฟุตปาธ เพราะเมื่อเหลือบไปมองทางซ้ายมือของตนเองอีกครั้ง สายตาก็สะดุดเข้ากับตึกแถวที่มีร้านอาหารตามสั่ง เป็นร้านที่ดัดแปลงจากทาวน์เฮาส์ที่พักอาศัยสามชั้น โดยชั้นล่างสุดเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง
ตอนนี้มีลูกค้านั่งอยู่ในร้านบ้างประปราย คาดว่าคงนั่งหลบฝนพร้อมกับกินอาหารค่ำ อยู่ๆ เขาก็รู้สึกหิวขึ้นมาตงิดๆ จำได้ว่าตั้งแต่เที่ยงยังไม่ได้กินอาหารหนักอะไรเลยสักนิด เพราะแฟ้มงานและรายงานประจำปีที่มีเสนอมาให้ตรวจและลงนามกองล้นโต๊ะจนไม่อาจกระดิกตัวไปไหนได้
ครั้นเมื่อรถสามารถขยับไปได้อีกราวๆ สามเมตรเขาจึงไม่ลังเลที่จะเลี้ยวเข้าไปจอดตรงด้านหลังร้าน แล้ววิ่งฝ่าสายฝนเข้าไปนั่งในร้าน จากนั้นก็สั่งอาหารทันที...
อาหารหอมกรุ่นควันฉุยที่วางลงตรงหน้าทำให้สหัสวัตผุดรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาเอ่ยขอบคุณเจ้าของร้านที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับแม่เขาเบาๆ นางยิ้มอย่างอารีให้เขา ก่อนจะขอตัวจากไป
ชายหนุ่มหยิบช้อนส้อมที่มีจัดเตรียมไว้ในกล่องพลาสติกกันฝุ่นออกมา กำลังจะตักกินเป็นคำแรก แต่ทว่า...
ความหิวมลายหายไปกลายเป็นความหงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่ด้วยนิสัยไม่ชอบโวยวายจึงทำให้เขาสงบสติอารมณ์ได้ไม่ยาก พร้อมกับมองไปรอบๆ ร้านเพื่อจะหาตัวช่วยที่เขาพอจะบอกกล่าวได้
แต่ดูท่าจะยากอยู่สักหน่อย เพราะเจ้าของร้านผู้หญิงวัยกลางคนผู้นั้นกำลังง่วนอยู่กับการผัดๆ ทอดๆ อาหารให้ลูกค้ารายอื่น
ส่วนผู้ชายสูงวัยอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นสามีของนางก็กำลังเก็บเงินลูกค้าโต๊ะด้านนอกสุด และขณะที่เขากำลังคิดว่าจะทนๆ กินมันเข้าไปก็ได้ ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านโต๊ะไป เสียงทุ้มจึงรีบเรียกรั้งไว้ทันที
“น้องครับ”
ธมนที่เพิ่งกลับออกมาจากการล้างจานในครัวหันขวับทันทีที่ได้ยินเสียงห้วนเข้มเอ่ยเรียกจากทางด้านหลัง ก่อนจะพบกับหนุ่มหล่อคมเข้มแบบไทยแท้ที่แต่งตัวเนี้ยบไม่เข้ากับสภาพร้านแบบบ้านๆ ของเธอ
“ค่า” รับคำออกไปทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่าลูกค้าหนุ่มคนนี้หน้าตึงๆ คล้ายกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง
“พี่สั่งกะเพราไก่ ไม่ใส่ถั่วฝักยาวนะครับ” เขาบอกก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองที่จานอาหารที่ยังไม่มีร่องรอยของการตักกิน
ธมนมองตามสายตาของเขา ใบหน้าเนียนใสจืดเจื่อนนิดๆ ก่อนจะเอ่ยขอโทษขอโพยเขาไม่หยุด
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ รบกวนพี่รอสักครู่นะคะเดี๋ยวหนูไปทำมาให้ใหม่ค่ะ” ว่าพร้อมกับรีบยกจานอาหารออกไปโดยไม่รอให้เขาอนุญาต
สหัสวัตเห็นดวงตากลมโตหวานมีแววสำนึกผิด ก่อนที่เธอจะรีบเดินไปตรงจุดที่ทำอาหาร บอกบางอย่างแก่หญิงเจ้าของร้านคนนั้น แล้วนางก็รีบทำอาหารให้เขาใหม่ทันที
ผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีชายหนุ่มก็ได้กินกะเพราไก่ไร้ถั่วฝักยาวสมใจ คงเพราะความหิวและการต้องรอคอยนาน จึงทำให้เขาจัดการอาหารในจานจนหมดเกลี้ยง ก่อนจะกระดกดื่มน้ำเปล่าไม่เย็นจนหมดขวด
เมื่อเรียบร้อยก็หันไปยกมือเรียกสาวน้อยหน้าใสตาโตคนนั้น ซึ่งเขาสังเกตได้ว่าเธอแอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา คงกลัวว่าเขาจะไม่พอใจอะไรอีกหรือเปล่ากระมัง
“คิดเงินด้วยครับ” เขาเอ่ยเมื่อเธอมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะของเขา
สาวน้อยรีบส่ายหน้าจนผมหน้าม้ากระจายไปมา แล้วจึงเอ่ย
“ไม่เป็นไรค่ะ พี่ต้องรอข้าวนานไม่ต้องจ่ายหรอกค่ะ”
ที่ร้านนี้พ่อกับแม่และเธอเองบอกกล่าวกันเอาไว้เสมอว่าความพอใจของลูกค้าคือสิ่งสำคัญ การบริการต้องอย่าให้ขาดตกบกพร่อง และถ้ามีข้อผิดพลาดก็อย่าละเลยที่จะยอมรับและแก้ไข
ซึ่งก่อนหน้าที่จะนำอาหารจานใหม่มาเสิร์ฟให้เขา แม่ก็กระซิบบอกกับเธอแล้วว่าอย่าเก็บเงินลูกค้ารายนี้
“ไม่เป็นไรครับ ผิดพลาดกันได้พี่ไม่ถือหรอก รับไปเถอะครับ”
สหัสวัตเอ่ย ก่อนจะยื่นธนบัตรห้าร้อยบาทให้ แต่สาวน้อยยังคงเม้มปากแน่น และไม่ยอมเอื้อมมือออกมารับ เขาจึงจำเป็นต้องวางธนบัตรไว้บนโต๊ะพร้อมกับลุกขึ้นยืน ด้วยอยากกลับไปพักผ่อนเต็มทีแล้ว
“ขอบคุณนะครับ”
เขาว่าแค่นั้นก่อนจะเดินจากไป โดยที่ธมนได้แต่มองตามไปด้วยความไม่สบายใจเพราะทักท้วงไม่ทัน ไหนจะเงินค่าอาหารที่เขายังไม่ได้รับเงินทอนนั่นอีก...