“ไปไหนต่อคะรุ่นพี่ นี่ไม่ใช่ทางกลับคอนโด” ฉันเอ่ยถามเมื่อโดนลากออกมาจากบ้านอย่างงง ๆ ตอนนั้นยังตั้งสติไม่ได้ด้วยซ้ำ ก่อนหน้านี้ 10 นาทีได้ ฉันเอ่ยลาแม่ของพี่สายรหัส
แม่ของพี่สายรหัสเดินเข้ามากอดฉัน และกล่าวกับฉันเบา ๆ ให้ได้ยินกันเพียงสองคนว่า ‘โชคดีนะคะคนสวย’
เมื่อได้ยินคำนี้ดวงตาของฉันเบิกกว้าง แม่ส่งยิ้มให้ฉัน ฉันจึงเจื่อนยิ้มให้ท่าน ได้แต่คิดและตั้งคำถามในใจว่า ‘แม่มองออกหรือเปล่า’
“ไปบ้านย่า พี่จะไปให้ย่าเป็นพยานว่าเราหมั้นกันแล้ว ง่าย ๆ ก็จะพาไปหาตังค์จากย่า” พี่สายรหัสหันมายิ้มให้ฉัน
“ถึงหนูจะชอบเงิน แต่หนูก็ไม่ซี้ซั้วรับนะคะ ไม่งั้นหนูรับเงินป๊าของรุ่นพี่ไปนานแล้ว” นี่ที่พูดไม่ได้จะพูดอะไรให้พี่สายรหัสคิดหรอกนะคะ ไม่ได้เจตนาแบบนั้นจริง ๆ
“อยากได้อะไร ไม่ต้องอ้อมค้อม” ง่ะ พูดเหมือนรู้ใจอีกแล้ว
“รุ่นพี่จะให้เหรอคะ”
“อย่ามาทำเป็นฟอร์ม เร็ว ๆ เดี๋ยวเปลี่ยนใจ”
“หนูรับแค่เงินค่ะ อย่างอื่นไม่เอา ขี้เกียจเอาไปแลกเป็นเงิน ขาดทุน”
“ต่อไปจะเลิกเรียกเฉิ่มแล้วนะ” พี่สายรหัสเอ่ย
“จะเรียกชื่อเหรอคะ”
“จะเรียกไอ้งกแทน เคเนอะ” ฉันหันขวับมองพี่สายรหัสตาขวาง และถอนลมหายใจอย่างจำยอม เพราะเขาจะเรียกฉันยังไงก็ได้ ขอแค่เขาขยันเปย์แค่นั้นแหละที่ฉันต้องการ
“เรียกอะไรก็ได้ค่ะ ตามใจรุ่นพี่เลย” ฉันบิดยิ้มมุมปากให้พี่สายรหัส “อ้อ รุ่นพี่จะเลิกทำอย่างว่าจริง ๆ เหรอคะ”
ฉันหมายถึงการมีเซ็กซ์ของเขาน่ะ
“ทำไม ไม่ดีเหรอ”
“ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ค่ะ หนูขาดรายได้แย่เลย แต่ว่าแบบนี้รุ่นพี่จะอดได้เหรอคะ หนูได้ยินรุ่นพี่ท้าแม่ของรุ่นพี่ด้วย ท้าไปแบบนั้นคงแอบทำไม่ได้อยู่ดี” คนหื่น ๆ จะเลิกได้เหรอ
ฉันคิดว่ามันค่อนข้างเป็นไปได้ยากมากเลยนะ
“ดูถูก ถึงเวลาที่จะหยุด พี่ทำได้อยู่แล้ว เซ็กซ์ไม่ใช่ทุกอย่างเสมอไป”
“แต่ที่ผ่านมาหนูคิดว่าเซ็กซ์สำคัญกับรุ่นพี่ที่สุดแล้วนะคะ”
“ก็ตอนนี้มีอะไรน่าสนุกกว่าการมีเซ็กซ์ไปเรื่อย ๆ แล้วไง”
“อะไรที่น่าสนุกคะ ถามได้มั้ย” คนอย่างพี่สายรหัสสุดหื่นมีอะไรที่เขาสนใจยิ่งกว่าการมีเซ็กซ์อีกเหรอ
“ความลับ” พี่สายรหัสหันมายักคิ้วคมเข้มข้างซ้ายใส่ฉัน
“หนูไม่อยากรู้ก็ได้ค่ะ ขอแค่รุ่นพี่มีเงินให้หนูก็พอ” ฉันเอี้ยวตัวไปที่เบาะหลังเพื่อหยิบขนมที่ซื้อมาติดรถไว้ เอามาเคี้ยวเล่น
ระหว่างนั้นพี่สายรหัสพูดบางอย่างออกมา “ทั้งชีวิตขายเท่าไหร่”
“หือ? อะไรนะคะ” ฉันกลับมานั่งท่าเดิมพร้อมปลาทาโรห่อใหญ่ ฉันฉีกซองออกตามรอย ซึ่งห่อใหญ่มาก กินไม่หมดก็มีซิปล็อก จากนั้นก็หยิบปลาทาโร่ขึ้นมากิน
“ทั้งชีวิตขายเท่าไหร่ อยู่กับพี่ตลอดไปคิดเท่าไหร่” ตอนที่พี่สายรหัสพูดเป็นจังหวะที่รถจอดติดไฟแดงพอดี
“รุ่นพี่นี่ติดพูดกำกวมนะคะ ถ้าไม่ติดว่าหนูขี้เหร่ หนูจะคิดว่ารุ่นพี่กำลังจีบหนู แต่เพราะหนูขี้เหร่ เพราะงั้นคงไม่ใช่แน่ ๆ” ฉันหันไปยิ้มบาง ๆ ให้พี่สายรหัส แล้วจับปลาทาโร่ในซองใส่ปากไปด้วย ไม่ได้รู้สึกหวือหวาอะไรกับคำพูดของเขาอยู่แล้ว
“ก็จริง จะใช่ได้ไง ในเมื่อเราไม่ใช่สเปกของพี่ จริงมั้ย” พี่สายรหัสยื่นมือมาล้วงเอาปลาทาโร่ในซองไปกินบ้าง “พี่ก็แค่คิดว่าอยู่กับคนขี้งกแบบเฉิ่มดีกว่าอยู่กับคนโรคจิตแบบยัยนั่น”
ยัยไหนล่ะ ฉันไม่ได้สนใจหรือรู้จักใครหน้าไหนมากมายขนาดนั้น ทั้งชีวิตฉันจดจำแค่ แม่ของดิส ดิส พี่ดิน พี่สายรหัสทั้งหลาย และกลุ่มของพี่ดิน อ้อ...อาจารย์ด้วย ที่เหลือฉันก็มองผ่านทั้งหมด ไม่ได้เอามาใส่สมอง
ฉันไม่ใช่คนชอบเสือกเรื่องของคนอื่น มันไม่ใช่สิ่งจำเป็นในชีวิตของฉัน
“น้ำใจคือชื่อของยัยนั่น ยัยนั่นเรียนบริหาร เป็นดาว และเป็นลูกสาวของเพื่อนของเจ้าของมหาวิทยาลัยที่เราเรียนอยู่ เหมือนพี่ที่เป็นลูกของเพื่อนของเจ้ามหาวิทยาลัยเช่นกัน แต่พูดไปเฉิ่มก็ไม่ใส่ใจอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อก่อนมันไม่เป็นไร แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้ว เพราะว่าพอเรื่องหมั้นของเรากระจายออกไป ยัยโรคจิตนั่นจะเป็นคนแรกที่มาหาเฉิ่ม คงรู้ใช่มั้ยว่ามาแบบไหน” พี่สายรหัสขับรถต่อเมื่อสัญญาณไฟเขียว
“ไม่ได้มาดีใช่มั้ยคะ” ฉันหยิบทาโร่ใส่ปากให้พี่สายรหัส
“อืม ยัยโรคจิตนั่นชอบพี่มาก ๆ ชอบจนทำให้พี่เกลียดเข้ากระดูกดำ” น้ำเสียงของพี่สายรหัสนั้นดูเหมือนจะเกลียดจริง ๆ
“เธอไม่สวยเหรอคะ”
“ก็สวย แต่พี่ไม่ชอบ คนไม่ชอบยังไงก็คือไม่ชอบถูกมั้ยล่ะ”
“งั้นมั้งคะ รุ่นพี่ว่าไง หนูว่าตามนั้น” นี่คนจ่ายตังค์นะ ใครจะกล้าขัด
“เราก็ระวังตัวไว้ด้วย มีอะไรรีบโทรหาพี่เข้าใจมั้ย เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้น ไอ้ดินได้ทวงถามข้อตกลงแน่” พี่สายรหัสเลี้ยวรถเข้าซอย “ขอน้ำหน่อย จะถึงบ้านย่าแล้ว”
ฉันหยิบขวดน้ำมาเปิดฝาแล้วยื่นให้เขา “หนูระวังตัวดีอยู่แล้วค่ะ เดือนละแสนไม่ได้หาง่าย ๆ นะคะ ใครจะปล่อยให้หลุดมือ”
“นั่นสิ ใครจะปล่อยให้หลุดมือ” พี่สายรหัสพูดพร้อมยื่นขวดน้ำคืนมาให้ฉัน
“ใครปล่อยก็โง่เต็มทีแล้วค่ะ หนูคนหนึ่งอะ ไม่ปล่อยแน่ ๆ” ฉันยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงจำนวนเงินที่ล่อตาล่อใจ
“ใช่ พี่ก็ไม่ปล่อยแน่ ๆ ใครจะโง่ปล่อยถูกมั้ย” พี่สายรหัสเลี้ยวรถเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ ขอย้ำว่าหลังใหญ่ ใหญ่มากจริง ๆ
“นี่บ้านเหรอคะ” ฉันไม่ได้สนใจคำพูดของพี่สายรหัส เพราะมัวแต่สนใจบ้านหลังโอ่อ่า
“อืม มาบ่อย ๆ เดี๋ยวก็ชินเองแหละ ปะ” พี่สายรหัสจอดรถและหันมาเอ่ยชวนฉัน
“บ้านย่าต้องมาบ่อยเหรอคะ” ฉันเอ่ยถามและเก็บขนมและน้ำ
“ปกติต้องมาเดือนละครั้ง เป็นวันรวมญาติ บ้านพี่ญาติเยอะ พวกรุ่น ๆ เดียวกันแต่ละคนไม่ค่อยมีใครปกติ เมื่อถึงเวลาที่เฉิ่มเจอ เฉิ่มไม่ต้องสนใจนะ สนใจแค่พี่ก็พอ โอเคมั้ย” คือคำอธิบายที่ฉันไม่ค่อยจะเข้าใจสักเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามทำตามที่เขาบอกแล้วกัน
“ค่ะ” ฉันส่งเสียงและพยักหน้าร่วมด้วย “อย่าลืมโอนตังค์นะคะ เรื่องที่บ้านของป๊ารุ่นพี่น่ะค่ะ”
นึกขึ้นมาได้ก็เลยต้องย้ำสักหน่อย เดี๋ยวพี่สายรหัสของฉันจะลืม
มือหนายื่นมาผลักหัวของฉันเบา ๆ และเอ่ยว่า “ไอ้งก ลงได้แล้ว ป่านนี้ย่ารอนานแล้วมั้ง”
“อย่าเบี้ยวหนูนะคะ เพราะถ้ารุ่นพี่เลิกมีเด็กจริง ๆ หนูขาดทุนเดือนละหมื่นกว่าเลยนะคะ”
“รู้แล้ว... เลิกมั่วก็ดีแล้วมั้ย” ประโยคหลังฉันฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เพราะพี่สายรหัสเปิดประตูรถลงไปแล้ว คิดว่าไม่ได้สำคัญอะไรฉันจึงไม่ได้ถามต่อ
ฉันรีบเปิดประตูแล้วรีบไปยืนข้างพี่สายรหัส ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นว่ารอบบริเวณบ้านหลังใหญ่โตมีผู้ชายใส่สูทสีดำเต็มไปหมด
ความจริงที่บ้านของป๊าของพี่สายรหัสก็มีนะ แต่ไม่มากเท่าที่นี่ บ้านของพี่สายรหัสทำธุรกิจใหญ่โตหรือไงกันนะ
มองไปมองมาอย่างกับมาเฟียแบบในหนังเลย
“อย่าลืมยิ้มนะ ย่าของพี่ชอบคนยิ้ม” พี่สายรหัสก้มลงมากระซิบฉันเบา ๆ ระหว่างทางเดินเข้าไปในโถงบ้าน
ฉันจึงรีบกระซิบกลับไปบ้าง “ยิ้มละพันได้มั้ยคะ ถ้ายิ้มละพัน หนูจะยิ้มสัก 30 ทีเลยวันนี้” ว่าจบฉันก็ฉีกยิ้มให้พี่สายรหัสหนึ่งที
พี่สายรหัสส่ายหน้าใส่ฉัน และกลับไปยืนตัวตรง “หึ... พ่อจะเอาคืนให้คุ้มเลย”
เขาพึมพำอะไรไม่รู้เลย ฉันฟังไม่ชัด และไม่ใส่ใจด้วย
เพราะตอนนี้ฉันคิดถึงแค่ยิ้มละพัน