NAF TALK
“คนดีของพี่นาฟ น่ารักจริง ๆ เล้ย” เสียงของผมเองครับ ผมนาฟ ผมกำลังเอ่ยปากชมเด็กของผมคนหนึ่ง ชื่ออะไรไม่รู้ครับ ผมจำไม่ได้ ผมเรียกแต่คนดี คนดี คนดี และคนดี มีกี่คนผมก็เรียกแบบนี้ตลอด จะได้ไม่สับสน
เป็นอันรู้กันว่าพวกเธอคือคนดีของผม
“ขอไปเข้าห้องน้ำนะคะพี่นาฟ” เด็กของผมเอ่ยเสียงหวาน ผมหอมแก้มเธอก่อนจะพยักหน้าให้เธอลุกเดินไป
“เอ่อ คนเลวครับ เมื่อไหร่คนเลวจะเลิกมีนิสัยแบบนี้ครับ ชั่วมาก ๆ ไม่ดีนะครับคนเลว เพื่อนกลัวว่าคนเลวจะลืมการเป็นคนดี” เสียงเพื่อนของผม ไอ้หวายครับ มันเป็นเพื่อนของผม มีฝาแฝดชื่อแหวน แหวนเรียนบริหาร ผมชอบเธอ ชอบเธอมาก ตามจีบเธออย่างหนัก แต่เธอไม่สนใจผมเลย คิดกับผมแค่เพื่อน เพื่อนแบบเธอผมอยากมีที่ไหนกัน ทำไมไม่คิดบ้างก็ไม่รู้
“ไปบอกพี่สาวมึงมารักกูสิ กูจะเป็นคนดีให้พี่สาวมึงได้เห็น กูจะเป็นคนดีให้แหวนแค่คนเดียว” ไอ้หวายมันเป็นน้องของแหวนไม่กี่วินาที และเพื่อนของผมมันรู้กันทั้งนั้นว่าผมชอบแหวน และมันก็รู้ด้วยว่าแหวนไม่ได้คิดอะไรกับผม
“เรื่องแหวนมันตั้งนานแล้วมั้ยนาฟฟี่ นาฟฟี่ควรมองผู้หญิงคนอื่นได้แล้ว เด็กนาฟฟี่ก็เยอะแยะ เลือกเอามาสักคนสิ หรือถ้าเลือกไม่ได้ นาฟฟี่จะเอาเรซซี่ไปเป็นคู่รักเรซซี่ก็ไม่ขัดนะฮ้า” นี่ไอ้เรซ ลูกของเพื่อนอาธัน เกิดพร้อมผม โตมาด้วยกัน ส่วนความเลววัดกันไม่ได้เพราะเลวคนละระดับกัน
“ขนลุก แต่ถ้าเอามึงก็คงดีกว่าเอาสายรหัสสุดเฉิ่มของกู” พูดแล้วก็หมดอารมณ์ดื่ม
ผู้หญิงอะไรไม่มีเสน่ห์ดึงดูด ความสวยความน่ารักสักนิดก็ไม่มี เกิดเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารจริง ๆ ไม่รู้ชาตินี้มดลูกของยัยเฉิ่มสายรหัสจะได้ใช้งานมั้ย คิดแล้วบางทีก็สงสาร
“หึ” เสียงของไอ้ดินมันแค่นขำในลำคอ ไอ้นี่เป็นพวกไม่ชอบพูด ชอบนิ่ง คล้ายพวกพูดน้อยต่อยหนัก แต่อย่างมันเรียกว่าไม่พูดเลยมากกว่า ถ้าจะพูดก็พูดกับยัยเฉิ่มที่เป็นสายรหัสของผม ซึ่งตอนนี้ยัยนั่นรับบทเป็นแม่บ้านส่วนตัวของผมด้วย
ยัยเฉิ่มทำงานดีมาก ไม่ปริปากพูดหรือรังเกียจรสนิยมของผม เธอทำตามกฏที่ผมตั้ง และไม่ได้สนใจความหล่อน่ากินของผมแม้แต่น้อย แต่ถึงแม้เธอคิดอยากกินผม ผมก็ไม่กินเธอหรอกครับ
กินไม่ลง ไม่ใช่สเปก
การได้เจอแม่บ้านส่วนตัวคนนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากไอ้ดินที่มันอ้าปากพูดกับผมเกิน 5 คำในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผมยังจำคำพูดของมันเมื่อหลายเดือนก่อนได้ดี
‘ได้ยินว่าหาแม่บ้านพิเศษ’
‘อืม อยากได้แบบไม่ปากมาก ไม่สนใจเรื่องความชอบของกู ไม่เอาเรื่องกูไปขาย ไม่วุ่นวาย และไม่คิดจะนอนกับกูให้เกิดปัญหา’ เพราะแม่บ้านคนล่าสุดสวยน่ารักจนผมอดใจตัวเองไม่ไหว สุดท้ายก็เลยเขมือบ และเป็นอันรู้กันว่าจบลงแค่ตรงนั้น ผมจึงหาแม่บ้านคนใหม่ที่รักษากฏอย่างเคร่งคัด และข้อสำคัญคือห้ามโกหกผม
‘ฝากเพื่อนของไอ้ดิสหน่อยแล้วกัน น้องคนนี้ทำงานตามแบบที่มึงต้องการได้ ไม่สนใจอะไรด้วย รวมถึงรูปลักษณ์ของน้องมึงก็คงไม่สนใจ คงอยู่ด้วยกันได้’
‘คนไหนวะ ได้เลยก็ดี กูขี้เกียจหา ให้ค้างห้องว่างของกูเลยก็ได้ ห้องฟรีอาหารฟรี จ้างเดือนละ 25,000 บาท แต่ต้องปิดปากให้สนิท และทำงานบ้านทุกอย่าง ทำกับข้าวเป็น’
‘ขอค่าเทอมด้วย จนกว่าน้องจะเรียนจบ เพราะงานมึงโหด 25,000 กับความจู้จี้ของมึงมันไม่คุ้ม’
‘ไอ้ดิน คนโลกส่วนตัวสูงอย่างมึงนี่ให้ความสนใจคนอื่นขนาดนี้เลยเหรอวะ’
‘ไม่ใช่คนอื่น เพื่อนรักของดิส เปรียบเสมือนน้องกู สรุปมึงตกลงมั้ย’
‘หน้ามึงเข้มขนาดนี้ ไม่ตกลงได้เหรอ รับก็รับ ว่าแต่เพื่อนของไอ้ดิสนี่คนไหนวะ’
‘สายรหัสมึงนั่นแหละ’
‘อย่าบอกว่าคนที่เฉิ่ม ๆ หัวหยิก ตัวดำ ใส่แว่นหนา ๆ ใส่เสื้อผ้าตัวใหญ่ ๆ เดินไปไหนมาไหนก็สะดุดตาเพราะความแปลกนั่น’
‘อืม ขอบใจนะที่รับน้องกู’
และนี่คือที่มาของการมีแม่บ้านส่วนตัวสุดเฉิ่ม และแทบไม่เคยยิ้มด้วยซ้ำ
แต่ผมชอบนะ โอเคกับการมีเธอเลยล่ะ เพราะทำให้ผมสบายขึ้น พูดบอกอะไรก็ไม่เถียง
และไม่ได้สนใจในตัวผม
ซึ่งมันแย่ตรงที่เธอดันมาชื่อคนดี ผมก็เลยต้องเรียกเธอด้วยชื่ออื่น เพราะอย่างเธอจะมาให้ผมเรียกคนดี บอกตามตรงว่าผมเรียกไม่ได้ ผมไม่ได้เหยียดนะครับ แต่ผมเป็นคนชอบของน่ารัก ๆ ส่วนยัยเฉิ่มนั่นไกลโขจากคำนี้มาก แม้กระทั่งรอยยิ้มผมก็ยังไม่เคยเห็น ผมก็เลยตัดสินใจเรียกเธอตามรูปลักษณ์ของเธอ
เฉิ่ม นั่นคือคำที่ผมเรียกเธอ
“คืนนี้ไปต่อกันมั้ยคะพี่นาฟ” เด็กของผมเดินกลับเข้ามาคลอเคลีย
“ไม่ได้ครับ พรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้า ทำเรื่องหักโหมไม่ได้ เอาไว้วันหน้านะครับ” ผมปฏิเสธไป เหมือนคนรักการเรียน แต่ความจริงแล้วเพิ่งกินอีกคนก่อนมาที่คลับ เพราะงั้นก็เลยไม่ค่อยมีอารมณ์จะทำกับอีกคน
“งั้นถ้าถึงวันนั้นเมื่อไหร่ต้องจัดให้หนักเลยนะคะ” เธอก็ยังคลอเคลียผมเหมือนเดิม
“แน่นอนอยู่แล้วครับ” ผมหอมแก้มเธอไปหนึ่งที
ผมนั่งดื่มกับเพื่อนต่ออีกสักพักใหญ่ จากนั้นก็แยกย้ายกันครับ ผมนอนที่คลับเพราะไม่อยากขับรถไปกลับ หรือจะบอกว่าขี้เกียจก็ได้
ผมไม่เอาผู้หญิงมากินมั่วซั่วไม่เลือกที่ ที่ที่ผมเอาไปกินคือที่คอนโด เพราะมีคนเก็บกวาดทำความสะอาดให้ ผมจึงกินที่คอนโดที่เดียว
แล้ววันนี้ผมก็บอกยัยเฉิ่มไปแล้วว่าจะไม่เข้าไป ยัยนั่นเป็นมนุษย์ที่ไม่พกเครื่องมือสื่อสาร เวลาจะติดต่อหรือบอกอะไรก็ต้องผ่านดิส น้องชายไอ้ดิน ซึ่งบอกตามตรงว่าผมเริ่มรำคาญ
ดูแล้วคงต้องเป็นผมที่ต้องซื้อมือถือให้ยัยนั่นพก จะได้ไม่ต้องรบกวนคนอื่น และคงต้องบังคับให้พกติดตัวตลอด ไม่งั้นยัยนั่นคงเก็บไว้ที่ห้อง หรือไม่ก็คงเอาไปขายแปลเป็นเงินมาเก็บไว้
คือผมเคยซื้อโน้ตบุ๊กให้ยัยนั่นไว้ทำรายงาน เธอจะได้ไม่ลำบาก แต่ที่ไหนได้เธอบอกไม่จำเป็นขนาดนั้น มันสิ้นเปลือง ขอยืมคอมของผมเอาดีกว่า จากนั้นเธอก็เอาโน้ตบุ๊กไปขาย ส่วนเงินเธอก็เก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
บางทียัยนั่นก็เป็นคนที่ผมเปย์มากที่สุดในเหล่าบรรดาเด็กของผม ทั้งที่ไม่ใช่เด็กผม แต่ก็นั่นแหละครับ เธอเป็นแม่บ้านส่วนตัว ให้สิทธิ์พิเศษแล้วกัน
END NAF