จ้าวเป่าอิงกลับมาในห้องพัก นางนั่งนิ่งสงบอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปถามสาวใช้ที่อยู่ข้างๆ
“เสี่ยวหงส์ เจ้าเห็นรูปร่างหน้าตาของหญิงผู้นั้นชัดเจนหรือไม่”
“คุณหนู บ่าวเห็นได้ไม่ชัดเจนทั้งใบหน้า...แต่มองเห็นจากด้านข้าง นางมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่แย่เจ้าค่ะ”
จ้าวเป่าอิงนั่งนิ่งหญิงสาวนางนั้นมีรูปร่างหน้าตาที่ไม่ได้แย่อย่างนั้นหรือ?
นางเชื่อว่าหญิงสาวนางนี้ไม่น่าจะเป็นภรรยาเอกของเขา บางทีนางอาจจะเป็นภรรยาลับที่เขาเลี้ยงดูเอาไว้นอกบ้าน
เป็นเรื่องธรรมดาของชายหนุ่มที่มีรูปร่างหน้าตาดีฐานะทางบ้านร่ำรวย พวกเขามักจะเลี้ยงภรรยาลับเอาไว้นอกบ้าน หากว่าเป็นอย่างเช่นที่นางคิด นางต้องรีบหาทางกำจัดภรรยาลับของเขาออกไป เมื่อนางแต่งงานกับเขานางจะได้ไม่มีเรื่องให้ระคายตา
"เสี่ยวหงส์ เจ้าไปสืบเรื่องของหญิงนางนั้นมาเดี๋ยวนี้ สืบมาให้หมดทุกเรื่อง...อีกอย่างสืบดูด้วยว่านางมีลูกหรือไม่" นางคิดในใจว่าถ้ามีจะได้กำจัดทิ้งในคราวเดียว
"เจ้าค่ะคุณหนู"
ฝ่ายหลินชวนหลังจากได้เจอกับภรรยา เขาก็อุ้มนางเอาไว้บนตัก ซุกไปหน้ากับซอกคอของนาง สูดดมกลิ่นหอมหวานบนตัวภรรยาด้วยความคิดถึง
“ท่านปล่อยข้าลงก่อน ข้าจะไปหาอะไรให้ท่านกิน”
"อืม...ก็ได้"
หลินชวนจำใจปล่อยภรรยาออกจากอ้อมกอด หลังภรรยาเดินออกจากห้อง ชายหนุ่มบังเอิญกวาดสายตาผ่านหนังสือบัญชี เขารู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก เพียงแค่ร้านอาหารก็ทำเงินได้มากมาย ภรรยาของเขามีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ
โชคดีที่เขาในตอนนี้ใช้ความสามารถเลื่อนขั้นเป็นแม่ทัพได้ ยามอยู่ต่อหน้าภรรยาเขาจึงเงยหน้ามองนางได้อย่างเปิดเผย ในตอนนี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยเหมือนกับในอดีตอีกแล้ว
เมื่อซีเหยากลับมาที่ห้องก็เห็นสามีนั่งนิ่งมองบัญชีที่โต๊ะ เขาเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้กับนาง หญิงสาวรินชาให้กับเขา
“สามี ท่านดื่มชาเรียกน้ำย่อย รออาหารสักครู่นะเจ้าคะ” ระหว่างรินชานางก็ถามเขาไปด้วย "ครั้งนี้ท่านจะกลับมาถาวรเลยหรือไม่"
หลินชวนเห็นความคาดหวังในดวงตาของนาง ทั้งสองไม่ได้พบกันมานานมากกว่าหกปี นางย่อมคิดคะนึงถึงเขา
“อาจจะยังไม่ถาวร ครั้งนี้ฮ่องเต้เรียกตัวข้าให้เข้ามาเมืองหลวงอาจะมีราชการลับ...เจ้าอย่าเพิ่งบอกท่านแม่ว่าได้เจอกับข้า เรื่องการเดินทางในครั้งนี้ต้องมีคนรู้น้อยที่สุด” ชายหนุ่มมองภรรยาแล้วนึกขึ้นได้ว่ายังไม่เล่าเรื่ององค์ชายสี่ให้นางฟัง
“เจ้าจำคนที่เราช่วยชีวิตในตอนนั้นได้หรือไม่...ไม่น่าเชื่อที่เขาเป็นถึงองค์ชาย ในตอนแรกที่ข้าได้พบพระพักตร์ครั้งแรกก็ตกใจเกือบตาย พระองค์ทรงจำข้าได้จึงพาข้ามาไว้ข้างกาย ข้าถึงได้มีโอกาสสร้างผลงานจนได้เป็นแม่ทัพอย่างทุกวันนี้” ระหว่างที่พูดสายตาของเขามีความเลื่อมใส
“ช่างโชคดีเหลือเกิน ที่ครั้งนั้นท่านได้ช่วยพระองค์เอาไว้”
“ใช่แล้ว…ช่างเป็นเรื่องที่โชคดีเหลือเกิน…วันพรุ่งนี้ข้าจะต้องเข้าไปในวังหลวงเข้าเฝ้าฝ่าบาทตามราชโองการ”
ซีเหยาพยักหน้ารับรู้ เพิ่งพบกันเขาก็ต้องจากไปอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีกครั้ง แต่นางก็พยายามเข้าใจว่าเป็นงานของเขา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีท่าทางเศร้าโศกอยู่บ้าง
บรรยากาศในห้องดูอึมครึม หลินชวนมองดูภรรยาที่สวยขึ้นจากเมื่อหกปีก่อน นางดูเข้มแข็งขึ้นมาก ในช่วงเวลาที่เขาไม่ได้อยู่นางคงต้องเหนื่อยยากลำบาก เขารู้สึกผิดและสงสารนางเหลือเกิน
“ในช่วงหกปีที่ผ่านมาเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหนื่อยหรือไม่ที่ต้องทำงานหนักดูแลบ้านเช่นนี้”
ซีเหยารู้สึกประหลาดใจ เขาไปรบที่ชายแดนเข่นฆ่าศัตรู ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย กลับเห็นใจนางที่ต้องทำงานหาเงินเข้าบ้าน เมื่อเห็นเขามองนางด้วยดวงตาสีแดงก่ำ เหมือนกับว่าจะร้องไห้ออกมา ความเข้มแข็งที่นางกักเก็บเอาไว้ก็ดูเหมือนจะทลายลง
“สามี...ปีแรกผ่านไปไม่ง่ายเลย ในบ้านที่ไม่มีท่านอยู่...ข้ารู้สึกกลัวมาก”
สองสามีภรรยามองตากันผ่านม่านน้ำตา หลินชวนกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน ใช้ความอบอุ่นในอ้อมกอดปลอบประโลมจิตใจของกันและกัน
"อีกไม่นาน ข้าก็จะได้อยู่ด้วยกันกับเจ้าทุกวัน เจ้าไม่ต้องร้องไห้นะ"
ซีเหยาพิงอยู่ในอ้อมกอดของสามีและพยักหน้า หลังจากสงบสติอารมณ์ได้ ชายหนุ่มรู้สึกอับอายอยู่บ้าง เขาเร่งเดินทางมาเป็นเวลาหลายวัน มีฝุ่นเกาะอยู่ตามร่างกาย ยังไม่ได้อาบน้ำเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่ามีกลิ่นอะไรออกมาหรือไม่ แต่ซีเหยาไม่ได้สนใจเรื่องนั้นนางยังคงนั่งนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา จนมีคนงานมาเคาะประตูเอาอาหารมาส่ง นางจึงลุกออกจากตักของสามี
“สามี...ท่านกินข้าวกันก่อนเถอะ เร่งเดินทางมาหลายวันท่านคงไม่ได้กินอาหารร้อนๆ เลยใช่หรือไม่”
เขาพยักหน้าและกินอาหารที่นางนำมาให้จนหมด เมื่อเห็นว่าสามีกินข้าวจนอิ่มแล้ว นางก็เอ่ยถามในสิ่งที่ค้างคาใจเมื่อสักครู่
“สามี ท่านพบแม่นางคนนั้นได้อย่างไร นางบอกว่าท่านเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตนางเอาไว้...หมายความว่าอย่างไรหรือ”
หลินชวนฟังคำถามของภรรยาแล้วก็ส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจ
“ข้าแค่ผ่านทางไป เห็นรถม้าของนางเสียหายจากเหตุดินถล่ม ท่านแม่ของนางได้รับบาดเจ็บที่ขา เดินทางต่อไม่ได้ ข้าจึงให้คนพามาพักรักษาตัวที่นี่ เรื่องก็มีอยู่เท่านี้...ข้าก็ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางถึงได้ทึกทักว่าข้าเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของนางได้"
เมื่อท่าทางไม่ใส่ใจของหลินชวนที่มีต่อนางร้ายในนิยาย ซีเหยาก็นึกโล่งใจ