4 ปีที่แล้ว
บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ ผู้คนต่างอยากเข้าทำงานที่นี่ ที่ซึ่งมีสวัสดิการสำหรับคนที่หาเงินในเมืองใหญ่ เหนื่อยและเข้มข้นแต่ผลตอบรับก็ทำให้ยิ้มได้
ผู้บริหารเป็นหนุ่มใหญ่ที่ลักษณะน่าเกรงขามสำหรับผู้คนที่พบเจอพูดคุย เหล่าพนักงานต่างไม่มีใครกล้าสบตากับเขา
เขาเนี๊ยบทุกระเบียบนิ้วไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผม หรือกฎระเบียบต่างๆ ต้องรักษาเอาไว้หากผิดแม้แต่ข้อเดียวนั่นคือสิ้นสุดการว่าจ้างทันที
"ผมไม่ต้องการเลขาที่ส่งสายตายั่วยวนผมตั้งแต่ยังไม่เริ่มงาน เวลางานผมไม่อยากต้องมานั่งระวังตัวเองว่าจะทำให้คุณไม่สามารถทำงานให้ผมเต็มประสิทธิภาพได้ เชิญคนต่อไปได้เลยครับ"
ได้ยินแบบนั้นหญิงสาวที่แต่งตัวสุดเซ็กซี่เมื่อรู้ว่าท่านประธานมาสัมภาษณ์เลขาเองกับตัวถึงกับหน้าเสีย ลุกออกไปจากตรงนั้นให้เบาและทำตัวเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้โดนผู้หญิงด่ายังไม่เจ็บเท่าผู้ชายด่าเลยแถมด่าแบบผู้ดีด้วย
เหล่าคณะกรรมการและหัวหน้าบุคคลต่างพากันปาดเหงื่อกันเป็นแถว แต่ก็เข้าใจเจ้านายของตนนัยหนึ่งที่เขาต้องการจะสื่อ
เลขาที่มาทำงานทุกคนต่างไม่มีใครทนความหล่อเหลาของท่านประธานได้เลย มันยากที่จะหาคนที่เก่งบุคลิกดีและมีภูมิคุ้มกันเสน่ห์ของท่านประธานไปในตัวด้วย
และสิ่งที่สำคัญเลยคือต้องโสด สามารถไปไหนกับท่านประธานได้ทุกที่ และสามารถเรียกใช้ได้ทุกเวลาซึ่งมันไม่สามารถมีใครทนและมีคุณสมบัตินี้ได้เลย มีอย่างก็ต้องเสียอย่างทุกคนแต่ทุกคนก็อยากเข้ามาลองด้วยเงินเดือนที่สูงลิ่วและโบนัสประจำปีที่สุดแสนพิเศษ
เที่ยวต่างประเทศฟรี 10 วันโบนัสคูณ 1 ปีของเงินเดือนที่เกือบครึ่งแสนแค่ได้ยินทุกคนก็ร้องว้าวตัวสั่นระริกอยากทำงานนี้แล้วแต่จะมีสักกี่คนที่จะทนได้นานเกินสองเดือน
"คุณเจ้าขา มณีจันทรา ชื่อเล่นเอย เกียรตินิยมอันดับ 1 มนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม ทำงานได้ทุกอย่างตามคำสั่งเจ้านาย "
ชายที่ใส่แว่นดูมีอายุอ่านใบสมัครของเจ้าขาก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่แต่งตัวจะบอกว่าเรียบร้อยมันก็ใช่ จะบอกว่าเฉิ่มเชยก็ได้เหมือนกันดูทรงแล้วคนนี้ก็คงจะไม่ผ่านตาท่านประธานเช่นเดิมถึงจะโปรไฟล์ดีแต่...
"ค่ะ ดิฉันทำได้ทุกอย่างที่เขียนในใบสมัครเลยค่ะ"
เจ้าขายิ้มรับอย่างกระตือรือร้นพร้อมทำงานแบบสุดๆ หลังจากหางานมานับปีตั้งแต่เรียนจบมา เดินเตะฝุ่นและโดนที่บ้านดูถูกอยู่ก็หลายครั้งโดยเฉพาะแม่เลี้ยงและน้องสาวต่างมารดาของเธอ
"แต่ไม่มีประสบการณ์? "
หญิงสาวมองไปยังชายหนุ่มที่นั่งเอนหลังมองดูเธอด้วยสายตาเย็นชาอยู่ ก่อนจะยิ้มรับแม้เขาจะมองมาที่เธอด้วยแววตาไร้อารมณ์ก็ตาม
"รับดิฉันเข้าทำงานสิคะ ดิฉันจะได้มีประสบการณ์รับรองว่าดิฉันเป็นพนักงานที่ดีแน่นอนค่ะ" มั่นใจเข้าไว้ยัยเอย...
"อะไรที่ทำให้คุณมั่นใจว่าเราจะรับคุณเข้าทำงานที่นี่"
ชายคนนั้นที่เจ้าขายังไม่รู้ว่าเขาคือท่านประธานที่เธอจะทำงานด้วยถามขึ้นอีกครั้งซึ่งเป็นคำถามที่เธอเจอมาเป็นปีแล้วเลยทำให้ตอบได้คล่องแคล่ว
"ดิฉันมั่นใจว่าดิฉันทำได้ตามที่ท่านประธานตั้งกฎเอาไว้ค่ะ "
"เรามาดูกันว่าคุณจะทำได้ตามที่พูดไหม อ้อ...เปลี่ยนการแต่งตัวใหม่ด้วยเวลาไปพบลูกค้าผมอยากให้เขามองว่าเราเป็นมืออาชีพไม่ใช่เด็กเล่นขายของ"
เขาบอกก่อนจะเดินออกไปทันที ทำให้เหล่ากรรมการและฝ่ายบุคคลคนอื่นๆ ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุดท่านประธานก็เลือกเลขาได้แล้ว แต่ก็ต้องมาคอยลุ้นอีกทีว่าคนนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน
"หมายความว่า ดิฉันได้เข้าทำงานแล้วใช่ไหมคะ! "
"ครับ เริ่มงานวันจันทร์นี้ได้เลยนะครับ"
"ขะ ขอบคุณค่ะ"
กรี๊ดดดดดดดดดดด.....
หลังเดินออกมาจากบริษัทที่เป็นตึงใหญ่สูงตระหง่านอยู่ใจการเมืองแล้วกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจจนอยากออกไปรำรอบหมู่บ้านแก้บน
"แม่ขา เอยมีงานทำแล้วนะคะแม่ แม่ดีใจและเอาใจช่วยให้เอยอยู่ที่นี่ได้นานๆ ด้วยนะคะแม่ขา"
หญิงสาวแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่แสนกว้างใหญ่ของเมืองหลวงที่วุ่นวายแล้วบอกกับแม่ผู้ล่วงลับป่านนี้คงสุขสบายที่สวรรค์ที่ไหนสักแห่ง
เธอจะลบคำสบประมาทที่สองแม่ลูกนั้นว่าให้เธอให้ได้ แค่คิดว่าต้องกลับไปบ้านหลังนั้นเธอก็ใจห่อเหี่ยวลง นานแค่ไหนแล้วที่เธอเป็นคนรับใช้ให้พวกเขาโดยที่พ่อเธอเองก็ไม่พูดหรือสงสารเธอเลย
ถ้าได้ทำงานที่นี่เธอจะย้ายออกมาเช่าห้องเล็กๆ อยู่เพื่อความสะดวกและไม่ต้องทนเป็นทาสรับใช้คนพวกนั้นอีกต่อไป คิดได้แบบนั้นภารกิจต่อไปของเจ้าขาจึงเป็นการเดินหาดูห้องราคาถูกๆ ไม่ไกลจากที่ทำงานมากนัก
แต่ก็หายากเสียเหลือเกินเพราะบริษัทอยู่ในย่านธุรกิจทำให้ค่าครองชีพแถวนี้แพงมาก แต่ถ้าได้เงินเดือนตามที่ตกลงกันไว้เธอก็เช่าห้องแถวนี้ได้สบาย
เจ้าขาจึงรวบรวมเงินก้อนสุดท้ายที่ได้รับจากประกันชีวิตของแม่เอามาเช่าห้องราคา 4,000 บาทไม่รวมน้ำไฟอยู่ และเริ่มขนของเข้ามาอยู่ในวันถัดไป
ภารกิจต่อไปคือต้องเดินหาซื้อเสื้อผ้าราคาไม่แพงมากแถวประตูน้ำมาใส่เพื่อปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ตามที่ท่านประธานที่เธอเพิ่งรู้ว่าเขาเป็นประธานหลังจากที่เขาบอกว่ารับเธอเข้าทำงานแล้ว
"ทำไมแกจะย้ายออกแล้วไม่บอกฉัน แล้วต่อไปงานบ้านใครจะทำใครจะดูแลพ่อแกฮ้ะนังเด็กเนรคุณ"
"น้าราตรีก็ทำและดูแลพ่อสิจ๊ะ หรือไม่ก็ให้เด่นดูแลพ่อ"
"กรี๊ด! ไม่เอานะคะคุณแม่เด่นต้องเรียนมหาลัยนะคะไม่มีเวลามาทำงานบ้านสกปรกๆ แถมทำอาหารดูและคุณพ่ออีกด้วยค่ะ ยี้!! "
เจ้าขามองดูแม่เลี้ยงและน้องต่างแม่อย่างระอาพ่อทำงานรับราชการมาหลายปีหาเงินให้พวกนี้ผลาญกันจนหมดพอมาตอนนี้พ่อแก่และช่วยเหลือตัวเองไม่ค่อยได้กลับไม่มีคนอยากดูแล
เธอไม่เคยได้รับอะไรสักอย่างทั้งเสื้อผ้าของเล่นหรือแม่แต่โทรศัพท์เธอก็ต้องทำงานพิเศษเพื่อหาซื้อมาด้วยความลำบาก ตอนนี้จะมาร้องขออะไรจากเธอ เธอเองก็ไม่มีให้เช่นกันอย่าหาว่าเธอใจดำเลยเธอทนมามากพอแล้ว
"งั้นก็ตามสบายเลยค่ะขอตัว"
"เออไปเลยยัยเด็กเนรคุณไม่รู้จักบุญคุณข้าวแดงแกงร้อนของบ้านนี้ อยู่ๆ ก็ย้ายของออกจากบ้านหนีตามผู้ชายไป เจ้าข้าเอ๊ย!! มาดูเร็วเด็กเหลือขอทิ้งพ่อที่นอนป่วยไปอยู่กับผู้ชายท้องรึเปล่าก็ไม่รู้ มาดูเร็วๆ "
เธอไม่ฟังและเดินก้าวต่อไปด้วยเท้าที่มั่นคงกระเป๋าใบเดียวคือสมบัติที่เธอหิ้วออกจากบ้านในวันนั้น มันมีของเธอเพียงเท่านี้จริงๆ ต่อให้ผู้คนซุบซิบนินทาหรือพูดอะไรตลอดทางชุมชนเล็กๆ นอกชานเมืองแต่เธอก็ไม่สนใจ
เธอจะต้องทำให้คนพวกนี้อิจฉาเธอจนกระอักตายไปเลย เธอจะต้องทำให้แม่ที่อยู่บนฟ้าเห็นว่าเธอเป็นคนเก่งและดีได้โดยไม่ต้องมีพ่อที่ไม่เคยสนใจไยดีเธอก็ได้