"มีอะไรอีก จะมาบอกว่าตัวเองผิดที่ใส่ชุดแบบนี้มาทำงานรึไง "
"ไม่ใช่ค่ะ เอยจะมาบอกว่าเรื่องงบเที่ยวถ้าไม่เซ็นเดี๋ยวตัดงบไม่ทันปีนี้นะคะ"
"ไม่เซ็นถ้าเธอไม่ไปฉันก็ไม่เซ็นให้"
จะมีใครรู้ไหมว่าแต่ละวันเธอเจอเขาอารมณ์ในรูปแบบไหนบ้าง บางทีเขาก็เป็นนักธุรกิจที่ทุกคนรวมทั้งเธอเกรงขามบางวันเขาก็ทำตัวเป็นเด็กน้อยจนเธอปวดหัว
"ท่านประธานคะ มันกระทบกับคนหมู่มากนะคะ อย่าเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งได้ไหมคะหรือพวกเธอที่เรียกไปเมื่อคืนไม่เป็นงานคะ"
หญิงสาวพูดด้วยท่าทางหนักใจแต่เขาก็ยังทำหน้าทำตาไม่รู้ไม่ชี้ เลยคิดว่าสาเหตุต้องมาจากเรื่องนี้แน่นอนถ้าเป็นเจ้าขาเมื่อหลายปีก่อนคงไม่กล้าพูดเรื่องนี้หน้าตาเฉยแต่ไม่ใช่เธอในตอนนี้
"คุณเจ้าขา ผมเป็นประธานที่ทุกคนกลัวและเกรงขามแต่คุณกล้าพูดว่าผมใช้อารมณ์อยู่เหนือเรื่องทุกอย่างเหรอ ส่วนเรื่องที่คุณถามพวกเธอทำได้ดีมากดีจนผมอิ่มเอมแทบสำลักความสุขออกมา"
เขาเอ่ยคล้ายตำหนิเธอแต่แววตากลับมีแววเจ้าเล่ห์จนเจ้าขาเองที่ปกติตามเขาไม่ทันยังมองออก
"ขอโทษนะคะ ถ้างั้นแล้วแต่คุณเลยค่ะขอตัวนะคะ"
เธอไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขาต่อเลยเลี่ยงที่จะหลบออกไปแต่ดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่จบ
"ทำไมเดี๋ยวนี้ชอบเมินฉันเจ้าขา เธอต้องมีฉันอยู่ในสายตาตลอดและเห็นฉันสำคัญมาอันดับแรกนะ"
"คุณขุนคะ ฉันไม่ได้…"
ก๊อกๆๆๆ
"เซอร์ไพรส์!! อยู่ข้างในกันนี่เอง ขอโทษนะเห็นไม่มีใครอยู่เลยถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา"
วันนี้กนกอรตั้งใจมาหาคู่หมั้นของเธอตามที่นัดเอาไว้แต่พอมาถึงกลับไม่เจอใครเลยลองเปิดประตูเข้ามาถึงรู้ว่าพวกเขาอยู่ในห้องแถมเหมือนจะคุยงานกันอยู่ด้วยดูท่าจะยุ่งกันมากด้วย
"อร! มาได้ยังไงครับ"
"สวัสดีค่ะคุณอร"
"สวัสดีค่ะคุณเอย อรก็นั่งรถมาสิคะนี่อย่าบอกนะว่าคุณลืมนัดของเราแล้ว"
กนกอรถามด้วยน้ำเสียงน้อยใจแต่ไม่จริงจังเพราะรู้ดีว่าเขางานยุ่งเธอเลยไม่ถือสาหากเขาจะลืมนัด
"ขอโทษนะครับช่วงนี้ผมจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นี่ถ้าผมโดนใครลักหลับคงไม่รู้ตัวเพราะช่วงนี้ผมเบลอๆ "
ขุนเขาบอกก่อนจะมองไปยังเลขาสาวเหมือนจะบอกว่าที่เขาพูดมาสาเหตุเป็นเพราะเธอ แถมคำพูดต่อท้ายของเขาทำเอาคนมีชนักติดหลังถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
"พูดอะไรคะขุน ใครจะมาแอบลักหลับคุณได้คะ ถ้าคุณไปลักหลับเขาก็ว่าไปอย่าง ฮ่าๆ "
"ไม่รู้สิครับเผื่อวันนั้นผมเมามากทำอะไรไปไม่รู้ตัวอาจมีโจรมาปล้นสวาทไปก็ได้"
กนกอรเห็นว่าเขาพูดและมองไปยังเลขาคนสวยตลอดแถมแววตายังเปลี่ยนแปลงไปผิดกับตอนปีที่แล้วที่เธอเจอทั้งสองที่ไปประชุมต่างประเทศ
ต้องมีอะไรที่เปลี่ยนไประหว่างทั้งสองแน่...
"พูดไปเรื่อยนะคะ ยังไงอรก็ไม่เชื่อว่าจะมีคนกล้าทำอะไรขุนได้นอกจากขุนจะทำเขาเอง"
"เอยขอตัวนะคะเชิญคุณๆ ทั้งสองตามสบายเลยค่ะถ้าจะเอาของว่างแจ้งได้นะคะ "
เมื่อเห็นว่าเธอเป็นส่วนเกินจึงขอตัวเลี่ยงออกไปรู้ตัวเองดีว่าเธอไม่ใช่คนที่เหมาะสมกับเขาอีกอย่างยิ่งเขาพูดเรื่องนั้นเธอก็ยิ่งเหงื่อออกเพราะความกลัว
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นมันเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเพราะเธอ...
"เดี๋ยวสิคะคุณเอย ไปกินข้าวด้วยกันนะคะถ้าไปกันสองคนอรคงเบื่อขุนแน่ คุยไม่สนุกเย็นชาถามคำตอบคำ คุณเอยไปช่วยอรนะคะ"
"เอ่อ...เอยว่ามันจะไม่เหมาะสมนะคะ"
หญิงสาวตอบพร้อมกับมองไปยังเจ้านายหนุ่มเห็นเขาไม่สนใจจะพูดอะไรแล้วก็คิดไปเองว่าเขาอาจอยู่สองต่อสองกับคู่หมั้น
"โถ่ไปเถอะนะคะ ขุนช่วยกันชวนคุณเอยหน่อยสิ กินหลายคนสนุกดีจะได้เจริญอาหารด้วย"
"อรเขาชวนก็ไปสิทำไมต้องให้เจ้านายพูดขอร้องอะไรบ่อยๆ "
"ค่ะ งั้นเดี๋ยวพบลูกค้าเสร็จเอยตามไปนะคะ" เธอตอบตกลงอย่างเลี่ยงไม่ได้ก็เขาสั่งเธอเป็นแค่ลูกน้องจะทำไงได้
ก่อนจะเดินออกไปเตรียมไปคุยกับลูกค้า นอกจากจะต้องคิดถึงเรื่องพ่อแล้วเธอยังต้องคิดเรื่องวันนั้นอีกทำให้เจ้าขาเริ่มปวดหัวเหมือนไม่สบาย
" ทำไมยังชอบพูดทำร้ายจิตใจคุณเอยอยู่ตลอดเลยคะ แบบนี้เขาจะชอบไหม"
"พูดอะไรของคุณ ใครชอบใครอย่าพูดไปเอง พูดเรื่องไอ้ฝรั่งคนนั้นของอรดีกว่า"
เขาบอกเสียงดังมีพิรุธชนิดที่ใครเห็นก็ดูออก ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องถามหาเพื่อนหนุ่มคนสนิทของหญิงสาวที่มีแค่เขาที่รู้ว่าทั้งสองคบหากัน
"รีบเปลี่ยนเรื่องเชี่ยว อรเลิกกับเดวิดแล้วค่ะ เขาบอกว่ายังไม่อยากผูกมัดไม่อยากมีห่วงผูกคออรจะอยู่ทำไม"
"น้อยใจเขาเลยหนีมา ทำตัวเป็นเด็กนะอรแทนที่จะคุยกันให้เข้าใจ"
"นี่ไงอรถึงอยากให้คุณเอยไปด้วย น่าเบื่อคำพูดความคิดผู้ชาย แบบนี้น่าอยู่ครองตัวเป็นโสดแบบคุณเอยดีกว่า"
กนกอรพูดด้วยความเบื่อหน่ายผู้ชายพูดเหมือนกันหมดทุกประเทศ ไม่เข้าใจความรู้สึกความต้องการของผู้หญิงเลยสักนิด
"อย่ามาเหมารวมกับคนของผมมันไม่เหมือนกัน"
"คนของผม เหอะ! ขอให้คุณเอยหนีไปทีเถอะจะหัวเราะเยาะให้ดู"
เธอพูดล้อเลียนเสียงของเขาที่ดูเหมือนจะชอบเลขาตัวเองอยู่ไม่น้อยแต่ก็วางฟอร์มใส่หญิงสาวแถมปากแข็ง
"เชิญนั่งรอเงียบๆ เถอะผมต้องทำงานไม่ได้ว่างงานแบบอร"
"คนปากร้าย"
เธอเดินไปนั่งรอเขาที่โซฟาตัวใหญ่ไม่อยากต่อปากต่อคำกับคนปากร้ายไม่รู้ว่าเจ้าขาทนทำงานด้วยได้ยังไงตั้งหลายปี
เห็นว่าคู่หมั้นจำเป็นของเขาสงบปากสงบคำแล้วคนที่อารมณ์เริ่มร้อนระอุเพียงเพราะได้ยินว่าเลขาของเขาจะไปไกลก็โมโหหงุดหงิดใจขึ้นมาเฉยๆ พยายามสงบใจตั้งใจทำงานตรงหน้าให้เสร็จ
"ดีใจจังเลยนะครับที่วันนี้ผมมีโอกาสอยู่เจอน้อยเอย ขออนุญาตเรียกแบบนี้นะครับมันดูสนิทกันดียังไงคุณเอยก็เป็นเพื่อนกับเวลา"
นทีเจ้าของบริษัทคู่ค้าของบริษัทเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจ ปกติเขาดูแลสาขาที่ต่างจังหวัดเพิ่งย้ายเข้ามาและได้รู้จากน้องสาวที่เคยคุยงานกับขุนเขาว่าเลขาของเขาสวยมากตรงตามสเปกพี่ชายแบบเขาเลย
พอมาเห็นวันนี้ก็จริงอย่างที่น้องสาวบอก เธอสวยมาก อ่อนหวานแต่ไม่อ่อนแอ พูดจาฉะฉานน่าฟัง วางตัวดีจนยอมรับว่าเขามัวแต่มองหน้าเธอแล้วฟังน้ำเสียงหวานๆ จนไม่รู้ว่าเธอพูดใจความว่ายังไงบ้าง
"ได้ค่ะเรียกเอยก็ได้ค่ะ ยังไงเดี๋ยวเอยส่งสัญญามาให้อ่านอีกทีหลังคุณขุนเขาเซ็นเรียบร้อยนะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้วเอยขอตัวนะคะพอดีมีธุระต่อค่ะ"
"ครับ หวังว่าผมจะมีโอกาสเจอน้องเอยอีกนะครับ"
หญิงสาวเพียงยิ้มรับก้มหัวให้เล็กน้อยก่อนจะเดินจากไป นทีมองตามเธอด้วยสายตาหวานเยิ้มเคลิบเคลิ้มไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาคงต้องหาโอกาสให้ตัวเองได้ใกล้ชิดเธอบ่อยๆ เสียแล้ว ได้ยินจากน้องสาวว่าเธอโสดแน่นอนเพราะเวลาน้องสาวของเขาเป็นเพื่อนเรียนมหาลัยของเจ้าขาและสนิทสนมกับมากพอสมควร