ตอนที่ 8 ฉันถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมย/3

1710 คำ
ท่ามกลางสายตาของนายบ่าวต่างพากันนั่งมองอาการแปลกประหลาดของผู้หญิงที่เพิ่งจะช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากการตามล่าของทหาร “นะ...นี่...นี่เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่าเจ็บไข้ไม่สบายอย่างนั้นเหรอ” เสียงนั้นถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง หมับ! มือเรียวสวยของมี่อิงยื่นไปจับมือของอีกฝ่ายพร้อมเอ่ยขึ้น “เธอช่วยตบหน้าฉันแรงๆ หน่อยจะได้ไหม” หญิงสาวบอกความต้องการของเธอออกไป ห๊ะ! เสียงของอีกฝ่ายอุทานออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น “จะ..จะให้ข้าตบหน้าเจ้าทำไม..เราสองคนมิได้มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อนเหตุใดจึงจะให้ข้าทำร้ายเจ้าเช่นนั้น” เสียงของอีกฝ่ายถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ “เอาเถอะนะ! บอกว่าให้ตบก็ตบเถอะ...แค่อยากรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังฝันหรือมันคือเรื่องจริงกันแน่” มี่อิงตอบกลับไปพลางยื่นใบหน้างามให้อีกฝ่ายตบก่อนจะยกนิ้วจิ้มไปที่แก้มของตัวเอง “เอาแบบแรงๆ เต็มเหนี่ยวเลยนะไม่ต้องออมมือ” หญิงสาวกำชับกลับไป “ต้องการเช่นนั้นจริงๆ นะเหรอ...ถ้าเจ็บขึ้นมาเจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ” เสียงของอีกฝ่ายบอกกลับมา “เออนะ! ไม่เป็นไรฉันเป็นคนอนุญาตเธอเอง...ลงมือเลย” มี่อิงคะยั้นคะยอพลางยื่นหน้าออกไป มือบอบบางค่อยๆ ยกขึ้นพลางเหลือบสายตามองใบหน้าด้านข้างที่เห็นจากแสงไฟในยามค่ำคืนสลัวๆ ไม่ค่อยแจ่มชัดเสียเท่าใดนักว่าแท้จริงแล้วหน้าตาของอีกฝ่ายเป็นเช่นไร พร้อมเงื้อมือจนสุดแขนกระหน่ำฝ่ามือลงไปบนใบหน้าตามความต้องการของอีกฝ่ายอย่างเต็มแรง ฉาด!!! ฝ่ามือกระหน่ำลงบนใบหน้าของมี่อิงอย่างหนักหน่วงและแม่นยำ เล่นเอาอีกฝ่ายหน้าหันไปอีกทางเกือบจะฟุบไปกับผนังด้านข้างของรถม้าเลยทีเดียวเล่นเอามี่อิงถึงกับมึนและอาการชาบนใบหน้าเกิดขึ้นตามติดมาทันที “โอโห่! เธอมือหนักเป็นบ้าเลย...หน้าชาจนร้อนไปหมด” มี่อิงพูดพลางยกมือของเธอลูบใบหน้าข้างที่ถูกตบไปมาด้วยความรู้สึกทั้งชาทั้งเจ็บ “อุ้ย!ข้าขอโทษนะ..ก็เจ้าเป็นคนบอกว่าให้ตบแรงๆ ไม่ต้องออมมือ ข้าก็เลยมีแรงเท่าไรจึงออกไปจนสุด” เสียงนั้นพูดอ่อยๆ พร้อมส่งยิ้มแห้งๆ กลับมา จ้าวมี่อิงพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันครั้นได้ยินเช่นนั้น มือเรียวยังคงลูบใบหน้าของเธอไปมาเบาๆ พลางครุ่นคิด “เราไม่ได้ฝันไปจริงๆ ด้วย แต่ว่า...นี่คือความจริงอย่างนั้นเหรอ...ว่าฉันดันมาหลงอยู่ในยุคโบราณสมัยถังไท่จงฮ่องเต้เสียด้วย ถ้าในเมื่อมันเป็นเรื่องจริงแล้วฉันจะกลับไปยุคของตัวเองได้อย่างไง วันมะรืนจะต้องกลับไปขึ้นบินตามตารางไฟท์ด้วย แล้วหลงอยู่ที่นี่จะกลับไปได้อย่างไงเนี่ย! โอ้ยสวรรค์ช่วยมี่อิงด้วย ลูกไม่อยากอยู่ที่นี้” หญิงสาวรำพึงอยู่ภายในใจ เฮ้อ! เสียงถอนหายใจดังออกมาอย่างแรงพร้อมทิ้งตัวลงเอนร่างไปทางด้านหลังพิงกับผนังรถม้า “ปวดกบาลให้ตายเถอะ!” มี่อิงสบถออกมาทันใดพร้อมปิดเปลือกตาลงพยายามครุ่นคิดหาวิธีกลับบ้าน ก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นพร้อมหรี่ตามองลงไปที่มือของอีกฝ่ายที่กำลังสะกิดอยู่ที่หน้าขาของเธออยู่ในขณะนี้ “นี่...ข้ายังไม่รู้จักชื่อของเจ้าเลยชื่ออะไรเหรอ ส่วนข้าแซ่เฉียน ชื่อจินเอ๋อ” เสียงของอีกฝ่ายแนะนำตัวเองก่อน ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้น แม่นางน้อยคนงามลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมมองอีกฝ่าแสงไฟสลัว “ฉันแซ่จ้าว ชื่อมี่อิง เรียกฉันว่าอิงอิงก็ได้” หญิงสาวแนะนำชื่อและแซ่ของตัวเองกลับไป ห๊ะ! นี่เจ้ามาจากสกุลจ้าวอย่างนั้นเหรอ” คุณหนูจากตระกูลเฉียนเอ่ยออกมาด้วยความตกใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายแนะนำตัวเองออกมาเช่นนั้น ติดตามด้วยเสียงของบ่าวปากไวดังแทรกขึ้นมาทันที “เป็นสกุลจ้าวของมหาเสนาบดีจ้าวฟ่านกั๋วหรือไม่” บ่าวอี๋นั่วเอ่ยนามของขุนนางใหญ่ของต้าถัง ในขณะที่มี่อิงไม่รู้ว่าชื่อที่อีกฝ่ายพูดถึงคือคนสำคัญที่มีอิทธิพลและมีอำนาจภายในราชสำนักและถือได้ว่าเป็นหนึ่งในขุนนางใหญ่ซึ่งเป็นที่ปรึกษาและถวายรับใช้องค์ฮ่องเต้อย่างใกล้ชิดด้วยความซื่อสัตย์และจงรักภักดีเหนือสิ่งอื่นใด “พวกเธอเข้าใจอย่างไงก็อย่างนั้นแหละ!” หญิงสาวตอบกลับไปสั้นๆ เพราะขี้เกียจอธิบาย และนั้นเป็นประโยคที่ทำให้สองนายบ่าวตกตะลึงและตกใจในคราเดียวกัน โดยเฉพาะแม่บ่าวรับใช้ถึงกับทรุดกายลงนั่งกับพื้นรถม้าทันใดครั้นได้ยินเช่นนั้น “ขอคุณหนูได้โปรดอภัยให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ ที่มีตาหามีแววไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเป็นเช่นไรจึงใช้ถ้อยคำไม่ดีและเสียมารยาทต่อหน้าคุณหนูเช่นนั้น ยกโทษให้บ่าวด้วยเถิดเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้จากสกุลเฉียนรีบขอโทษเป็นการใหญ่พร้อมก้มศีรษะคำนับมี่อิงด้วยสำนึกผิดอย่างจริงใจ ท่ามกลางอาการตกใจของคนสวยที่เห็นบ่าวรับใช้ปฏิบัติต่อเธอเช่นนั้น “โอ้ยตายแล้ว!ถึงขนาดก้มหัวคำนับกันเลยเหรอ นี่เธอลุกขึ้นเร็วเข้า!” พูดพลางรีบยื่นมือรับสองแขนเอาไว้ทันที เฮ้อ! มี่อิงถอนหายใจออกมาอย่างแรงพร้อมเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องก้มหัวคำนับฉันแบบนี้อีกนะ เรื่องแค่นี้ใช่ใหญ่โตเสียที่ไหน ถ้ายังขืนทำอีกละก็ฉันจะไม่ให้อภัยเธอเลยนะลุกขึ้นเถอะ” มี่อิงพูดพลางออกแรงฉุดร่างสาวใช้ตรงหน้าให้ลุกขึ้น “ขอบพระคุณคุณหนูเจ้าค่ะที่ยกโทษให้ บ่าวจะจดจำให้ขึ้นใจและจะไม่ผิดพลาดอีก” อี๋นั่วกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้งในขณะที่มี่อิงได้แต่ส่ายหน้าไปมาที่เห็นกิริยาและคำพูดของอีกฝ่ายกล่าวออกมาเช่นนั้น “ฉันก็แค่คนจากสกุลจ้าวแตกต่างจากพวกเธอตรงไหนกันเชียว ก็คนเหมือนกันทั้งนั้น พวกเธอไม่ต้องทำท่าทางแบบนั้นอีกแล้วนะ ฉันจ้าวมี่อิงถือพวกเธอทั้งสองคนเป็นเพื่อน” หญิงสาวบอกอีกฝ่ายกลับไป ทั้งนายและบ่าวต่างหันกลับมามองหน้ากันครั้นได้ยินเช่นนั้น ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินประโยคเช่นนี้ออกมาจากปากคุณหนูของตระกูลใหญ่ที่มีอำนาจมากที่สุดในฉางอาน “ดีใจยิ่งนักที่เจ้าคบหาข้าในฐานะสหาย ไม่คิดว่าสกุลจ้าวจะมีไมตรีเช่นนี้” คุณหนูจินเอ๋อเอ่ยออกมา ในขณะที่คนฟังเต็มไปด้วยความแปลกใจเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดออกมาเช่นนั้น หากแต่ยังมิทันจะเอ่ยถามสิ่งใดรถม้าก็เดินทางมาถึงจวนสกุลเฉียน และจอดนิ่งสนิทอยู่ตรงประตูทางเข้า “ถึงจวนแล้วเจ้าค่ะคุณหนู” อี๋นั่วบอกคุณหนูของนาง พร้อมเสียงของคุณหนูเจ้าของจวนเอ่ยขึ้น “เจ้าเข้าไปพักในจวนของข้าก่อนเถอะนะอิงอิง แล้วค่อยคิดหาวิธีกันต่อไปดีหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรเสียออกไปตอนนี้ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม่ทัพจางยังคงอยู่ไม่ไปไหนเป็นแน่” ครั้นมี่อิงได้ยินเช่นนั้นเธอจะทำอะไรได้นอกจากต้องทำตามคำแนะนำของอีกฝ่ายอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง “ก็ได้! ฉันขอหลบอยู่ชั่วคราวแล้วจะรีบหาทางกลับไปที่ประตูเมืองอีกครั้ง” มี่อิงตอบตกลงโดยไม่เสียเวลาคิด “อือ! ตามข้ามาเถอะเข้าไปพักในจวนก่อน” คุณหนูจินเอ๋อพูดพร้อมส่งยิ้มให้อย่างมีไมตรี ร่างเล็กค่อนข้างอวบลงจากรถม้านำหน้าไปก่อนติดตามด้วยร่างระหงของสาวสวยยุคใหม่ก้าวลงจากรถม้าตามหลังมาติดๆ ก่อนจะยืนมองโคมไฟสีแดงแขวนอยู่ตรงหน้าจวนสกุลเฉียนต้อนรับเทศกาลชีซีจนทำให้ทั่วบริเวณสว่างไสว เห็นอะไรต่อมิอะไรได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น “โอโห่! นี่ประตูจวนหรือพระราชวังกันแน่..ทำไมมันถึงได้ใหญ่โตอลังการงานสร้างขนาดนี้เนี่ย” มี่อิงเอ่ยออกมาทันที เมื่อเธอเห็นประตูทางเข้าจวนขนาดใหญ่มีความสูงกว่าห้าเมตร และกำแพงสูงบ่งบอกว่านี่คือจวนของขุนนางแห่งต้าถัง ท่ามกลางเสียงหัวเราะเบาๆ ด้วยความขบขันของคุณหนูสกุลเฉียนครั้นนางได้ยินเช่นนั้นพร้อมเอ่ยขึ้น “จวนของข้ายังไม่ถึงครึ่งจวนสกุลจ้าวของเจ้าเลยนะ เหตุใดจะ...” จินเอ๋อพูดได้เพียงเท่านั้น พลันต้องหยุดชะงักครั้นนางหันกลับไปมองหน้าเพื่อนใหม่ที่มาจากสกุลจ้าวด้วยอาการตกตะลึงพรึงเพริด ใบหน้างดงามของสาวสวยยุคใหม่ในศตวรรษที่ 21 ซึ่งมีเลือดผสมถึงสามชาติแต่มีสายเลือดจีนในตัวเกินครึ่ง ยืนมองเพื่อนใหม่ของเธอและสาวใช้ด้วยความสงสัย ดวงตากลมโตสีขาคู่สวยถูกตกแต่งด้วยอายไลเนอร์จนดวงตาคมเข้มรับกับสีอายแชโดว์ผสมกริตเตอร์ซึ่งเป็นเครื่องสำอางยุคใหม่ทำให้เปลือกตาเป็นประกายวิ้งวับอยู่ตลอดเวลา ยิ่งรับกับบรัชออนสีชมพูนู้ดและลิบสติกสีกลีบบัวเนื้อเมทด้วยแล้ว สี่สาวงามที่ว่าแน่ยังต้องหลีกทางให้กับคนสวยตัวจริง เพราะสวรรค์ช่างกลั่นแกล้งนำคนสวยตัวแม่จากยุคปัจจุบันให้มาสัมผัสกับโลกอดีตเกือบสองพันปีก่อนมาเดินเล่นเทศกาลชีซีข้ามศตวรรษกันเลยทีเดียว ท่ามกลางแสงจากโคมไฟที่สาดแสงส่องตรงมาที่ร่างของมี่อิงจนเห็นใบหน้าและรูปร่างได้อย่างชัดเจนพร้อมเสียงของอี๋นั่วดังแทรกขึ้นมาทันที โอโห่!!!!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม