มหานครเซี่ยงไฮ้
อาคารสูงระฟ้ามากมายผุดพรายขึ้นภายในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของจีน มีท่าเรือที่มีจำนวนเรือคับคั่งที่สุดในโลก และมีคนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นมากที่สุดในจีน ที่ผสมผสานความเป็นเมืองเก่าและเมืองใหม่ได้อย่างลงตัว ที่เป็นทั้งศูนย์กลางการพาณิชย์และการเงินที่สำคัญ
เอกลักษณ์อันโดดเด่นของมหานครแห่งนี้นั่นก็คือหอไข่มุก (The Oriental Pearl Tower) หรือไข่มุกเอเชีย เป็นสัญลักษณ์ของนครเซี่ยงไฮ้ เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในเอเชียและสูงเป็นอันดับ 3 รองจากแคนนาดาและรัสเซีย สูง 468 เมตร ภายในหอไข่มุกเป็นปล่องลิฟท์ความเร็ว 7 เมตร/ 1 วินาที สาเหตุที่เรียกว่าหอไข่มุก เนื่องจากด้านบนหอสร้างเป็นรูปไข่มุก 3 เม็ด 3 ขนาดลดหลั่นกันไปกันในแนวตั้ง
โดยไข่มุกเม็ดที่ 1 ที่แสดงถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของนครเซี่ยงไฮ้ เม็ดที่ 2 เป็นส่วนที่ใช้เป็นสถานีรับส่งสัญญาณวิทยุและโทรทัศน์ของเซี่ยงไฮ้ และเม็ดที่ 3 เป็นส่วนของร้านอาหารและโรงแรม สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของแม่น้ำหวงผู่ ซึ่งในเวลากลางคืนจะมีการเปิดไฟประดับตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของนครเซี่ยงไฮ้อีกด้วย
คอนโดสูงสำหรับใช้เป็นที่พักอาศัยเรียงรายเต็มพื้นที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไปภายในมหานครแห่งนี้ ผู้ที่มีรายได้สูงสามารถใช้ชีวิตอยู่กับความหรูหราและสิ่งทันสมัยล้ำยุคในปัจจุบัน ในขณะที่คนมีรายได้ปานกลางก็จะอยู่ในบ้านที่เป็นตึกสูงขนาดหลายห้องสำหรับอยู่กันเป็นครอบครัว บ้านในมหานครเซี่ยงไฮ้ราคาแพงลิบลิ่วเพราะการเจริญเติบโตของประเทศและของเมืองทำให้อสังหาริมทรัพย์สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
แสงไฟหลากสีสันมากมายส่องแสงระยิบระยับแข่งขันกับดวงดาวที่ปรากฏอยู่บนฟากฟ้าในยามราตรี แม้ดวงตะวันจะลาลับแต่ชีวิตในรัตติกาลยังคงดำรงอยู่ต่อไป ท่ามกลางอากาศที่กำลังเย็นสบายมีสายลมอ่อนๆ พาดผ่านเข้ามาภายในห้องนอนของหญิงสาวโฉมคราญวัย 22 ปี นามว่าจ้าวมี่อิง
ใบหน้าเรียวสวยขาวนวลเนียนดั่งไข่ปอก คิ้วเข้มเรียวยาวเรียงตัวได้รูป รับกับจมูกโด่งสูงขึ้นเป็นสันคมด้วยมีเชื้อสายผสมสามชาติ ด้วยเพราะคุณพ่อของเธอจ้าวอี้หลินเป็นชาวเมืองเซี่ยงไฮ้ ส่วนคุณแม่ของเธอเฉียนจินหลิงมีเชื้อสายจีนอังกฤษและตรุกี แต่ถือสัญชาติสิงค์โปร์จึงทำให้จ้าวมี่อิงกลายเป็นเด็กสาวเลือดผสมสามชาติ มีใบหน้าคม สวยเฉี่ยว ดวงตากลมโต จมูกโด่งสูงสวยกริบและมีดวงตาสีชาหวานซึ้งสวยงดงามมากเป็นลักษณะโดดเด่นเฉพาะตัวของเธอ
หญิงสาวพำนักอาศัยอยู่ในคอนโดสูงระฟ้าซึ่งพ่อของเธอซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรงนับตั้งแต่แต่งงานกับแม่ของหญิงสาวซึ่งเป็นชาวสิงค์โปร์ มี่อิงลืมตาดูโลกและอาศัยอยู่ในคอนโดซึ่งเป็นบ้านของเธอมาตั้งแต่เกิด ในขณะที่แม่ของเธอจากไปตั้งแต่หญิงสาวมีอายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น
และทำให้จ้าวอี้หลินกลายเป็นพ่อหม้ายคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยวนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจวบจนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง ในขณะที่มี่อิงเรียนจบในระดับมหาวิทยาลัยพอดี เหลือเพียงลูกสาวเพียงคนเดียวที่จะต้องอยู่เผชิญชีวิตต่อไปภายในเมืองใหญ่แห่งนี้อยู่ตามเพียงลำพังเมื่อคุณพ่อของเธอจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
แม่สาวน้อยเจ้าของใบหน้างดงามน่ารักและรูปร่างขนาดกำลังพอดีไม่สูงจนเกินไปดั่งเช่นสาวจีนยุคใหม่ที่ต้องมีความสูง175 ขึ้นไป ในขณะที่มี่อิงเป็นเจ้าของส่วนสูง 167 ตัวเล็กน่าทะนุถนอม เอวบางร่างน้อยใครเห็นก็เอ็นดูนางในความน่ารักสดใสสมวัยสาวแรกแย้ม
คิ้วเข้มเรียงตัวสวยค่อยๆ ขมวดเข้าหากันราวกับว่ากำลังสงสัยอะไรบางอย่างริมฝีปากอวบอิ่มค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาทำท่าจะหัวเราะก็ไม่ใช่จะยิ้มก็ไม่เชิง ทั้งๆ ที่กำลังหลับสนิทอยู่ในขณะนั้นด้วยเธอกำลังตกอยู่ในห้วงเวลาแห่งความฝันอยู่นั้นเอง
ในฝันของมี่อิงเธอกำลังเห็นสถานที่แห่งหนึ่ง คล้ายเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ พื้นที่ภายในกว้างขวางเต็มไปด้วยห้องมากมายและเรือนขนาดใหญ่ถูกสร้างขึ้นอย่างวิจิตรตระการตา สถาปัตยกรรมและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวจะพบเห็นได้ในจีนแผ่นดินใหญ่ หากแต่มิใช่รูปแบบสิ่งปลูกสร้างสมัยใหม่แต่มันคือสมัยโบราณและที่พักอาศัยดังกล่าวเรียกว่าจวนนั่นเอง
ภายในพื้นที่ดังกล่าวเต็มไปด้วยผ้าแดงมงคลถูกประดับทุกที่ราวกับว่ากำลังมีงานมงคลเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ ผู้คนมากมายสวมอาภรณ์หลากสีสันราวกับว่าหลุดออกมาจากซีรีสย้อนยุค พิธีแต่งงานในสมัยโบราณกำลังเริ่มขึ้นเมื่อเกี้ยวเจ้าสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าจวนพร้อม
“เจ้าสาวลงจากเกี้ยว!”เสียงแม่สื่อพูดนำพิธีพร้อมประตูซึ่งทำจากผ้าแดงค่อยๆ ถูกเปิดออก
เจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิงก้าวออกมาจากเกี้ยวท่ามกลางสายตาของผู้มาร่วมงานที่กำลังยืนชื่นชมกันอย่างถ้วนหน้า ทว่าเจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิงช่างมีร่างกายใหญ่โตและสูงบึกบึนดั่งเช่นบุรุษเสียนี่กระไร
“แน่ใจนะว่านี่คือเจ้าสาวอย่างนั้นเหรอ! นี่มันผู้ชายชัดๆ”มี่อิงพูดออกมาทันทีครั้นเห็นเจ้าสาวตัวใหญ่มหึมาก้าวออกมาจากเกี้ยว ก่อนจะค่อยๆ ยื่นมือพร้อมทำท่ากรีดกรายส่งให้แม่สื่อเพื่อนำนางมาส่งเจ้าบ่าว
“โอโห่! ตัวใหญ่เหมือนกับยักษ์ขนาดนั้นยังต้องพึ่งพาคนจูงมือไปส่งเจ้าบ่าวอีกเหรอเนี่ย น่าสงสารผู้ชายที่จะมาแต่งงานด้วยจริงๆ เลย โชคร้ายอะไรขนาดนี้มีเมียตัวโตยังกับตึกแถมเหมือนผู้ชายเสียมากกว่าผู้หญิงอีกให้ตายเถอะนะ”แม่สาวน้อยยืนพึมพำพลางส่งเสียงหัวเราะอยู่ในลำคอด้วยความขบขันเป็นการใหญ่ แต่แล้วกลับต้องหยุดชะงักทันที
เมื่อแม่สื่อยื่นมือใหญ่ขนาดมหึมาของเจ้าสาวส่งมาให้เธอรับไว้พร้อมพูดบางอย่างออกมา
“ท่านแม่ทัพรับเจ้าสาวไปเข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดินได้แล้วเจ้าค่ะ”แม่สื่อคนดังกล่าวส่งเสียงจีบปากจีบคอบอกเธอ
สิ้นเสียงของแม่สื่อดวงตาสีชาคู่สวยเบิกกว้างขึ้นมาโดยพลัน
“ห๊ะ! ว่าอะไรนะ! ใครกันเจ้าบ่าว! พูดอีกทีดิ”จ้าวมี่อิงถามกลับไปด้วยความตกใจสุดขีดครั้นได้ยินเช่นนั้น
ในขณะที่ผู้คนมากมายซึ่งเดินทางมาร่วมพิธีแต่งงานอันยิ่งใหญ่ต่างพากันทำหน้าเลิกลั่กกันทุกคนเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้นของอีกฝ่าย ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเจ้าบ่าวในพิธีมงคลวันนี้
“เหตุใดท่านแม่ทัพจึงพูดเช่นนั้น ก็ท่านนั้นแหละคือเจ้าบ่าวและนี่คือเจ้าสาวของท่าน ฮ่องเต้ประทานสมรสพระราชทานให้หลงลืมไปแล้วหรือไร อย่ามัวแต่ยืนตะลึงในความงามของเจ้าสาวอยู่เลยรีบนำเข้าไปทำพิธีกราบไหว้ฟ้าดินเร็วเข้าเดี๋ยวจะเลยฤกษ์ยามอันเป็นมงคล”เสียงที่ตอบกลับมาราวกับว่าล่วงรู้ทุกอย่างเป็นอย่างดีในขณะที่คนฟังถึงกับงงเป็นตาแตกครั้นได้ยินเช่นนั้น
“เฮ้ย! จะบ้าเหรอนี่ฉันเป็นผู้หญิงนะไม่ใช่ผู้ชายจะมาเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไงกัน! ไม่เอา!”มี่อิงโวยวายขึ้นมาทันทีพร้อมหันหลังกลับจะเดินเข้าไปภายในจวน
“เดี๋ยวก่อน!”เสียงเรียกดังกระหึ่มรั้งร่างไว้ให้รอดังอยู่ทางด้านหลัง และเสียงนั้นทำให้มี่อิงต้องหันหลังกลับมามองทันใดครั้นได้ยินเสียงของบุรุษ
ร่างสูงใหญ่มหึมาในชุดเจ้าสาวเดินตรงเข้าไปหามี่อิง ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าความสูงโดดเด่นช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับเมื่อแม่สาวน้อยมีความสูงอยู่แค่หน้าอกของเจ้าสาวร่างยักษ์เท่านั้น พร้อมร่างตรงหน้าค่อยๆ ย่อกายลงจนมาหยุดอยู่ในระดับที่สามารถมองเห็นหน้าเจ้าบ่าวได้อย่างถนัด ผ้าแดงที่ปิดหน้าถูกมือใหญ่เปิดออกพร้อมเผยใบหน้าของเจ้าสาวตัวโตปรากฏออกมาให้มี่อิงได้เห็นเต็มสองตา
“นี่คือสมรสพระราชทานของข้าและท่านแม่ทัพที่ฮ่องเต้ทรงประทานให้! เราสองต้องเข้าแต่งงานกันในวันนี้จะปฏิเสธข้าอย่างนั้นเหรอ! หากท่านปฏิเสธเหตุใดจึงยอมรับพระบรมราชโองการเสียตั้งแต่คราแรก อีกทั้งยังสวมชุดแต่งงานและมายืนรอรับข้าไปเข้าพิธีด้วย”เสียงห้าวกังวานใหญ่ถามกลับไป ท่ามกลางอาการตกใจสุดขีดของหญิงสาว
จ้าวมี่อิงถึงกับยืนนิ่งอยู่กับที่ครั้นได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะรีบก้มลงสำรวจตัวเองและพบว่าบัดนี้ตัวเธอเองอยู่ในชุดแต่งงานสีแดงเพลิงของเจ้าบ่าว
“เฮ้ย! นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรกันขึ้น! ทำไมฉันมาสวมชุดเจ้าบ่าวแบบนี้! ฉันเป็นผู้หญิงนะจะมาเป็นเจ้าบ่าวได้อย่างไงไม่นะ!!!!!”จ้าวมี่อิงแผดเสียงโวยวายกึกก้อง
“ไม่นะ! ไม่นะ!!!!!”เสียงร้องโวยวายแผดเสียงดังก้อง
ครืดดดดดด!!! เสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือพร้อมเสียงเพลงดังโครมครามอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
พรึ่บ!!!! เปลือกตาที่ปิดสนิทพลันเปิดขึ้นทันใดพร้อมขนตางอนยาวกะพริบขึ้นลงติดต่อกัน ดวงตาสีชากวาดไปทั่วห้องนอนที่เธอกำลังนอนอยู่ในขณะนั้นก่อนจะรีบลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเตียงนอนทันที
เฮ้อ!!! เสียงถอนหายใจดังออกมาก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างด้วยความรู้สึกโล่งใจ
“ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง โชคดีนะที่เป็นแค่ความฝันไม่ใช่ความจริง ขืนต้องเจอเหตุการณ์พิลึกพิลั่นเหมือนในความฝันคงจะต้องเป็นไมเกรนตายแน่ๆ ถ้าเราต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น”หญิงสาวบ่นพึมพำพลางเหลือบสายตาไปยังโทรศัพท์มือถือของเธอที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบและกดปิดสัญญาณปลุกให้เงียบลง
“ตั้งเวลาตื่นตอนหกโมงเช้าเพื่อที่จะลุกขึ้นมาอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน แต่ทำไมนาฬิกาดันปลุกตื่นตอนตีห้าหว้า แปลกจังเลย”หญิงสาวบ่นพลางส่ายศีรษะไปมา ร่างระหงเดินตรงไปเข้าห้องนอนเพื่อทำธุระส่วนตัวเตรียมตัวเดินทางไปทำงาน
เพียงไม่นานมี่อิงในชุดฟอร์มของบริษัทสายการบินยักษ์ใหญ่ของจีน ซึ่งสายการบินนี้ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของจีน โดยรัฐบาลจีนเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถึง 61.64% เครื่องแบบพนักงานต้อนรับของสายการบินดังกล่าวดูเรียบเก๋ และทะมัดทะแมง โดยเฉพาะชุดสูทสีเข้มที่คาดเข็มขัดสีแดงสด รับกับผ้าพันคอลายดอกไม้สีแดงบนผืนผ้าไหมสีกรมท่า พันรอบคอผูกปล่อยชายด้านข้างสวมหมวกสีกรมเข้มทำให้เปรี้ยวสะดุดตา ยิ่งเมื่อมาอยู่บนเรือนร่างกลมกลึงของจ้าวมี่อิงด้วยแล้ว คำว่านางฟ้าเหมาะสมกับเธออย่างยิ่งยวด
“อือหือ! อิงอิงหนออิงอิงเธอเองก็สวยไม่เบาเลยนะเนี่ย นางฟ้าชัดๆ”หญิงสาวพูดอวยให้ตัวเองด้วยความภาคภูมิใจกับความสวยของเธอที่แม่และพ่อให้มา
ร่างอรชรหันกลับไปคว้ากระเป๋าเดินทางสีดำซึ่งบรรจุข้าวเครื่องใช้ส่วนตัวของเธอสำหรับการขึ้นบินแต่ละครั้ง และวันนี้ถือได้ว่าเป็นการขึ้นบินอย่างเป็นทางการครั้งแรกของมี่อิงหลังจากฝึกอบรมมานานกว่าสามเดือนด้วยคะแนนสูงสุดและความสามารถทางการใช้ภาษาต่างประเทศซึ่งเธอสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษาด้วยกัน
โดยหญิงสาวจะต้องเริ่มปฏิบัติงานในเที่ยวบินไฟท์ภายในประเทศไปตามเมืองและมณฑลต่างๆ ของจีนจนครบทุกท่าอากาศยานเป็นเวลาหกเดือนหลังจากนั้นจึงจะได้บรรจุเข้าปฏิบัติงานในเที่ยวบินระหว่างประเทศในระดับนานาชาติเป็นไปตามข้อกำหนดของสายการบินที่คัดพนักงานที่มีความสามารถทุกด้านซึ่งได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดีภายใต้สถานการณ์ที่หลากหลาย
หญิงสาวลากกระเป๋าเดินทางออกจากห้องนอนก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแท่นบูชา ซึ่งมีรูปพ่อและแม่ของเธอที่เสียชีวิตไปหมดแล้วตั้งอยู่
“ปะป๋า!มะม้า! วันนี้อิงอิงสวยไหม ตอนนี้หนูได้บรรจุเป็นแอร์โฮสเตสของสายการบินใหญ่ที่สุดของประเทศแล้วนะ ได้เงินเดือนบรรจุครั้งแรกตั้งสองหมื่นหยวนแหนะ ยังไม่รวมค่าเบี้ยเลี้ยงและค่าไฟท์บินแต่ละเที่ยวด้วยนะ ปะป๋ามะม้าไม่ต้องห่วงอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้อิงอิงมีงานประจำที่ดีและมั่นคงมีรายได้สูงมากๆ ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้แล้ว ไม่ต้องห่วงอีกต่อไป รักปะป๋ามะม้ามากนะคะอีกสองอาทิตย์เจอกัน... บายบาย”
สาวน้อยคนงามพูดพลางส่งจูบไปให้ภาพถ่ายพ่อและแม่ก่อนจะก้าวออกจากห้องพักของเธอมุ่งหน้าไปสู่ท่าอากาศยานเซี่ยงไฮ้ผู่ตงเพื่อเริ่มทำงานในอาชีพแอร์โฮสเตสเป็นครั้งแรก