Chapter 7 แต่งงานกันนะ

1673 คำ
วันต่อมาของการนัดหมายระหว่างป่านฝันและกัปตันนวินเกิดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เขาไม่ได้เดินทางไปรับเธออย่างที่บอกเอาไว้ตั้งแต่ต้นเพราะติดธุระสำคัญ ทั้งคู่จึงตกลงมาเจอกันที่ร้านอาหารริมแม่น้ำ หลังจากที่ทราบหญิงสาวก็มีอาการไม่พอใจเล็กๆ คือจำใจเดินทางมาอย่างเบื่อหน่าย แต่เมื่อเห็นร้านโรแมนติกแบบนี้อาการร้อนรุ่มในหัวใจของหญิงสาวก็ลดน้อยลงไปบ้าง กัปตันนวินมาถึงเวลาก่อน เขาเดินออกไปรอเธออยู่บริเวณหน้าร้าน เขายิ้มเต็มวงหน้าทักทายเธอ เดินเข้าไปรับหญิงสาว ชายหนุ่มแตะข้อศอกของเธอให้เดินไปที่โต๊ะสีขาวตั้งเด่นชิดริมระเบียง สังเกตว่าไม่มีแขกรายอื่นนั่งบริเวณนี้ ตรงกลางโต๊ะวางกุหลาบช่อน่ารักเหมาะสำหรับคู่รักจะดื่มด่ำกับบรรยากาศ แต่หญิงสาวกลับรู้สึกขมคอแปลกๆ ในค่ำคืนเดือนเพ็ญ ดวงจันทร์ส่องสว่างกึ่งกลางท้องฟ้า แสงนวลตาตกกระทบผิวน้ำ ก่อให้เกิดประกายระยิบระยับ เข้ากับเสียงแผ่วหวานจากดนตรีแจ๊สขับกล่อม ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีส้มดูอบอุ่นทั้งที่เป็นห้องแอร์ อีกด้านเป็นระเบียงเปิดโล่งยื่นออกไปชิดติดกับแม่น้ำ มองเห็นแสงไฟดวงเล็กประดับอยู่ตามราวระเบียงที่สะท้อนแสงระยิบระยับกับสายน้ำยามค่ำไหลเอื่อย “คุณสบายดีหรือเปล่าป่าน” คำทักทายแรกที่ออกจากปากของคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟน ในรอบหลายเดือนที่ได้เจอหน้ากัน “ค่ะ แล้วคุณละคะ” หญิงสาวตอบรับสั้นๆ และถามเขากลับ “ครับผมสบายดี พักหลังผมไม่ได้บินเมืองไทยเลย งานก็ยุ่งมาก เลยไม่ค่อยได้ติดต่อหาป่าน เพิ่งมีเดือนนี้ที่ผมบินมาที่ไทยบ่อยขึ้น เรายังเหมือนเดิมใช่มั้ยป่าน” หญิงสาวนิ่งงัน ลำคอตีบตันขึ้นกับคำว่า ‘เหมือนเดิม’ ของเขา สำหรับความรู้สึกของเธอมันห่างจากคำนั้นมากมายนัก “คุณยังจำได้หรือคะ ว่าคุณยังมีป่านเป็นแฟน ป่านคิดว่าเราเป็นแค่คนที่เคยรู้จักกันเสียอีก” หญิงสาวมองนิ่งไปที่ชายหนุ่ม เชิดหน้ารั้นถามกลับไป ใบหน้าของเธอยังคงเรียบตึง ยากที่จะหยั่งรู้ความรู้สึกข้างใน นวินเลื่อนมือมากอบกุมฝ่ามือนุ่มของป่านฝัน “ทำไมคุณคิดอย่างนั้นละ คุณก็รู้ว่าเวลาทำงานของผมไม่เป็นเวลา งานผมก็ค่อนข้างเยอะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมรู้ดีว่าคุณเป็นคนที่เข้าใจผมที่สุด” ป่านฝันผินหน้าออกไปทางอื่น กลืนลมในลำคอลงท้องก่อนจะหันกลับมาสบตาเขาอีกครั้ง “เราควรจะคบกันต่อไปมั้ยคะ หรือว่าเราจะหยุด จากระยะห่างของเราที่ตอนนี้ก็เสมือนเราเป็นคนแปลกหน้ากันอยู่แล้ว” ป่านฝันพูดอย่างที่ใจเธอคิด เธอต้องการความกระจ่างชัดในความสัมพันธ์ จึงจำต้องพูดคำนี้ออกมา อย่างน้อยก็เป็นการกระตุ้นให้เขาได้รู้ใจตัวเอง ว่าเขาจะยอมเสียเธอไป หรือเลือกที่จะเคียงคู่กับเธอโดยการขอแต่งงาน “คุณพูดอย่างนี้ คุณจะให้ผมทำอย่างไรป่าน คุณช่วยบอกผมที” มือใหญ่ยกขึ้นกอบกุมใบหน้าเนียนกระจ่างใส สายตาเว้าวอนจับจ้องแววตานิ่งงันซ่อนความรู้สึกของหญิงสาว เหมือนต้องการคำตอบ ป่านฝันแกะมือของเขาออก เธอกะพริบตาถี่เพื่อบีบไล่ความรู้สึกน้อยใจกลับคืนสู่ข้างใน จนป่านนี้เขาเพิ่งจะมาถาม “คุณลองคิดดูสิค่ะ! ผู้หญิงวัยกำลังจะขึ้นคานอย่างป่านจะต้องการอะไร” ป่านฝันบอกนิ่ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเขา สายตาของเธอนิ่งและเด็ดเดี่ยวไม่แพ้กันกับน้ำเสียง “เราแต่งงานกันนะ” ชายหนุ่มโพล่งออกมาในที่สุด คิ้วโก่งของคนถูกขอแต่งงานยกสูงมองคนพูด “นี่เป็นการขอแต่งงานหรือเปล่าคะ คือป่านไม่แน่ใจ” หญิงสาวเอียงคอถามกลับเสียงเรียบ สายตาที่ทอดมองเขาก็ราบเรียบไม่แพ้น้ำเสียง “คุณป่าน” “คะ” เธอขานรับกลับมาด้วยน้ำเสียงเหมือนเดิม “แต่งงานกับผมนะป่าน ถึงที่ผ่านมาผมจะไม่มีเวลาให้คุณมากมาย แต่สิ่งที่ผมยืนยันได้ และจะไม่เปลี่ยนแปลงก็คือ ผมรักคุณนะ” ชายหนุ่มสารภาพ หญิงสาวแทบไม่เชื่อหูตัวเอง คำพูดที่เธออยากได้ยินมากที่สุดในชีวิต แต่พอได้ยินจริงๆ เธอกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น ดีใจ ร่างกายไม่ได้รู้สึกเหมือนกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างที่เธอเคยวาดฝัน เพียงสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกตอนนี้ก็คือ โล่งอก เหมือนยกภูเขาลูกใหญ่ออกจากอก เธอสามารถแก้ปัญหาและหาทางออกให้กับตัวเองที่เผลอปากพล่อยไปกับเพื่อน รวมถึงสัญญาระหว่างเธอกับมารดาด้วย การที่เธอได้ทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวที่มารดาของเธอต้องการจะให้แต่งงานด้วยทำให้เธอหนักใจมาก แต่พอเธอถูกผู้ชายอีกคนขอแต่งงานก็ทำให้หญิงสาวโล่งอกที่รอดพ้นมาจากสถานะคู่หมายของเขาได้ทันเวลาที่ขอไว้กับมารดา แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ไม่วางใจ เธอถามย้ำกับชายหนุ่มตรงหน้า “คุณแน่ใจว่าจะแต่งงานกับป่านจริงเหรอคะ ถามตัวเองว่าหลังจากนี้คุณจะมีเวลาให้ป่านหรือเปล่า เอาเป็นว่าป่านจะยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ป่านอยากให้คุณกลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง การแต่งงานคือชีวิตที่เหลืออยู่ของเราสองคน ป่านไม่อยากให้มีความผิดพลาดที่เกิดจากการด่วนตัดสินใจ” หญิงสาวยังสบตาเขานิ่ง ทุกประโยคที่หลุดออกมาจากปากของเธอย้ำอย่างชัดเจนและหนักแน่นในน้ำเสียง ชายหนุ่มย่อตัวลงข้างเก้าอี้ คุกเข่าตรงหน้าป่านฝัน สายตาคมจ้องลึกไปในแววตาคู่เฉี่ยวของเธอ เอื้อมมือไปกอบกุมมือเนียนนุ่มลื่นราวน้ำนมขึ้นมาแนบอก หญิงสาวสัมผัสได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจของเขา ทว่าแววตาคมคู่นั้นกลับแน่วนิ่งหนักแน่น พร้อมคำพูดยืนยันที่ออกมาจากปากที่หนักแน่นไม่แพ้กัน “ผมยังยืนยันคำพูดเมื่อสักครู่ ถ้าคุณพร้อมที่จะใช้ชีวิตที่เหลือกับผม แต่งงานกับผมนะป่าน” “ค่ะ” ป่านฝันรับคำเสียงอ้อมแอ้ม เธอตั้งใจเอาไว้แต่ต้นว่าจะตอบรับ ชายหนุ่มระบายยิ้มออกมาเต็มวงปากกว้าง เขาล้วงมือเข้าไปหยิบแหวนในกระเป๋าเสื้อด้านในสูท ชูขึ้นต่อหน้าหญิงสาว เพชรเม็ดงามส่งประกายวิบวับ “อันนี้เป็นแหวนแทนใจ ผมตั้งใจจะมอบให้ป่านมานาน ขอสวมวงนี้จองเอาไว้ก่อนแล้วผมจะหาวงใหม่มาเปลี่ยนคืนนะครับ” เขาบอกพร้อมกับบรรจงสวมแหวนลงบนนิ้วเรียวของเธอ ก่อนจะยกมือนุ่มขึ้นมาจุมพิต หญิงสาวชะงักมือเล็กน้อยเมื่อทุกอย่างรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน แต่ชายหนุ่มก็สวมแหวนเข้าไปในนิ้วของเธอเรียบร้อย เขาเงยหน้าขึ้นสบตาเธอ “ป่านจะว่ามันเร็วไปมั้ย ถ้าผมจะจัดงานแต่งงานของเราอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ผมจะให้ผู้ใหญ่ไปสู่ขอคุณอย่างเป็นทางการ เพราะผมไม่มีเวลาจริงๆ หลังจากนี้ ผมมีบินต่อเนื่องฝั่งยุโรปนานเลย” ชายหนุ่มบอกต่อเสียงนุ่ม ไม่เว้นระยะให้หญิงสาวได้ทอดจินตนาการหวานซึ้งต่อ คนฟังอึ้งไปอีกรอบกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเขาในประโยคต่อมา สิ่งที่เขาพูดฟังดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจในฐานะที่กำลังจะแต่งงานกับเขาหรือเปล่า งานแต่งงานจัดได้ภายในสองสัปดาห์ แต่หลังจากนั้นสถานะของเขา และเธอก็คงจะเป็นเหมือนเดิม หมายถึงต่างคนต่างอยู่และเจอกันบ้างเป็นครั้งคราว ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าตลกและหัวเราะทั้งน้ำตามากกว่าจะดีใจ ทั้งที่ถูกขอแต่งงาน ทว่าเธอกลับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นหรือดีใจเหมือนอย่างที่เพื่อนหลายคนบอก ตอนนี้หญิงสาวเพียงแค่คิดถึงคำพูดของเพื่อนในงานเลี้ยงรุ่น เพราะคำปรามาสของเพื่อนทำให้เธอตอบตกลงแต่งงานกับเขาอย่างง่ายดาย เธอปล่อยให้คำพูดของเขาทะลุออกไปยังหูอีกข้าง ละเลยที่จะใส่ใจกลับคำพูดของเขา หญิงสาวแสยะยิ้มอยู่ในใจ คราวนี้บรรดาเพื่อนของเธอจะได้รู้สักทีว่าคนอย่างป่านฝันไม่เคยน้อยหน้าใคร อีกทั้งเธอยังได้แต่งงานก่อนดารกา ‘ความรู้สึกการถูกขอแต่งงานเป็นอย่างนี้สินะ ตอนนี้เธอมีความสุขหรือเปล่านะป่านฝัน หรือว่าแค่สะใจที่เธอการเอาชนะเพื่อนอย่างดารกา’ หญิงสาวเฝ้าถามตัวเองในใจ แต่ก็ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ “ค่ะ” หญิงสาวตอบรับ “ผมดีใจที่สุดเลยป่าน” กัปตันหนุ่มบอกป่านฝันอย่างปลื้มปีติ ไม่คิดไม่ฝันว่าป่านฝันจะตอบตกลงกับคำขอร้องของเขา จากที่คิดไตร่ตรองอยู่หลายเดือน ในที่สุดเขาก็หาคำตอบให้ตัวเองได้ ที่ผ่านมาเขายอมตามใจมารดามาตลอด แต่กับเรื่องคู่ครองเขาจะไม่ยอมเด็ดขาด เชื่อว่าหากมารดาได้รู้จักป่านฝัน นางคงปฏิเสธไม่ลงแน่นอน “ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอกระซิบแผ่วบอกเขาอีกครั้ง “ผมเสียอีกที่ต้องขอบคุณป่าน ขอบคุณที่ป่านยอมมอบชีวิตที่เหลือให้ผมดูแล และเข้าใจผู้ชายอย่างผม” ชายหนุ่มรั้งร่างบางมากอดอย่างมีความสุข ความสุขที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นของคู่แต่งงาน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม