8

4229 คำ
“อาการพ้นขีดอันตรายแล้วครับ” แพทย์โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังออกมาบอกกับคนที่รออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวายใจ คุณอัมพรทราบข่าวที่บุตรชายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ในตอนเกือบรุ่งสางนี่ ท่านสั่งให้ปิดข่าวเสียเงียบแล้วเฝ้ารอหน้าห้องผ่าตัดด้วยความกระวนกระวายในหัวใจ ดวงตาท่านแดงกล่ำจนเส้นเลือดฝอยในตาเหมือนจะปริแตกจากการร้องไห้อย่างหนัก ทันทีที่แพทย์ออกมาบอกเช่นนั้นหัวอกคนเป็นแม่ก็คลายใจลง แต่ยังไม่คลายอาการสะอื้นไห้            ปุญญ์หลับไปถึงสามวันสามคืนจึงค่อยรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง คุณอัมพรกินไม่ได้นอนไม่หลับอยู่ตลอดที่เฝ้ารอให้บุตรชายลืมตาตื่น พอคนที่เฝ้ารอรู้สึกตัวแล้วก็อดใจหายไม่ได้กลัวทั้งยังกังวลไปหมดว่าจะเกิดอะไรกระเทือนสมองปุญญ์หรือไม่            “ปุญญ์ ปุญญ์ลูกแม่” คุณอัมพรถลาไปเกาะแขนบุตรชายทันที ละล่ำละลักเรียกทั้งน้ำตา ปุญญ์ยิ้มให้มารดาอย่างเซียวๆ เรียกขานท่าน            “คุณแม่ครับ”            “ปุญญ์เป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนอยู่ไหม”            “มึนๆหัวครับ” เขาว่าพร้อมกับยกมือแตะศรีษะ ก็พบว่ามีผ้าพันปิดแผลที่แตกเอาไว้แน่น            “ลูกหลับไปตั้งสามวันแน่ะ แม่ใจคอไม่ดีเลย”คุณอัมพรลูบหน้าลูบไหล่บุตรชาย ทั้งกอดและหอมด้วยความเป็นห่วงอยู่ครู่ใหญ่ก็มีกลุ่มคนมาใหม่เข้ามาเยี่ยมปุญญ์            “หวัดดีฮะพี่ปุญญ์” ปุญญ์พยักหน้าทักนาวินอย่างเนือยๆ ยิ้มไม่ออกเพราะยังมึนๆงงๆอยู่ เป็นนาวินที่ลอบมองอย่างผิดสังเกต ถามต่อ            “เป็นไงบ้างฮะ พี่โชคดีมากเลยรู้ไหมไม่มีอะไรแตกหักเลยสักที่ นี่บูชาอะไรบ้างฮะบอกผมที”นาวินพูดอย่างติดตลก คุณอัมพรขัดใจกับปากเด็กคนนี้นักเลยขัดด้วยการโพล่งถามถึงอีกคน            “แล้วยัยบัวไปไหนนาวิน ทำไมเรามาคนเดียว”            “กำลังมาฮะ เห็นโทรหาผมบอกว่าจะแวะร้านโปรดพี่ปุญญ์ รอหิ้วของมาฝาก แล้วนี่กินอะไรหรือยังฮะ” คุยไปได้อีกครู่ ก็ต้องรับแขกอีกชุด ชายหนุ่มท่าทางสำอางพร้อมของเยี่ยม ยกมือไหว้คุณอัมพรแล้วจึงทักทายคนที่นอนบนเตียงด้วยท่าทีสุภาพ            “สวัดดีครับคุณปุญญ์ เป็นไงบ้าง”            ปุญญ์ยิ้มเนือยๆให้คนมาใหม่ แล้วทักทายกลับ “ครับคุณต้า”            “ปลอดภัยดีนะครับ ได้ข่าวทีแรกใจหายกันเลยนะครับเนี่ย” แขกหนุ่มจีบปากจีบคอพูดเมื่อเห็นว่าบรรยากาศไม่ตึงเครียดเท่าไรนัก   ต้าเป็นคนสนิทกับเลขาของคุณอัมพร จึงพอจะรู้ข่าววงในของ PKR Groups. บ้าง และในโอกาสที่ได้พึงพาอาศัยบารมีของปุญญ์ เมื่อรู้ข่าวลับว่าปุญญ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ จึงรีบเข้ามาเยี่ยมทันที ปุญญ์เองก็ยิ้มแย้มได้มากขึ้นเมื่อได้คุยกันไปครู่ เพราะต้าเป็นคนคุยสนุก อารมณ์ดีอยู่เป็นนิจ จนครู่หนึ่งคนเจ็บก็ออกปากถามอีกฝ่ายขึ้น “แล้วงาน Jazz on the beach ที่เราคุยกันไว้ละครับคุณต้า”            ต้านิ่งไปถามกลับอย่างงุนงง “ทำไมหรือครับ”            “ที่เราคุยกันไว้ว่าจะรบกวนให้คุณต้าช่วยดูแลงาน Jazz on the beach ไงครับ”            จบคำพูดของปุญญ์ ทั้งห้องก็พากันเงียบไปทันที จนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศดังชัดขึ้นในนาทีนั้น            คุณอัมพรยกมือขึ้นปิดใบหน้าสะอื้นไห้โฮก่อนจะเปิดประตูออกไปขอพบแพทย์เจ้าของไข้ของปุญญ์ในทันที           แพทย์เจ้าของไข้รีบเข้ามาทำการตรวจรักษาชายหนุ่มผู้เป็นใหญ่แห่ง PKR groups อีกครั้ง ถึงได้รับคำยืนยันจากแพทย์ว่าความทรงจำของปุญญ์หายไปเพียงบางส่วนที่มีผลจากสมองถูกกระทบกระเทือน จากการซักถามก็พบว่าเป็นช่วงหนึ่งถึงสามเดือนให้หลังไปนี่เองที่ปุญญ์จำเหตุการณ์และบุคคลในช่วงเวลานั้นไม่ได้เลย นอกจากนั้นแล้วอาการอื่นๆก็ไม่มีอะไรให้เป็นห่วงอีก คนอื่นดูโล่งใจเมื่อแพทย์ยืนยันเช่นนั้น โดยเฉพาะนาวินที่ใจเต้นตุ้มๆต่อมๆ ส่วนคนเจ็บนั้นนอนหลับตาลงอย่าเพลียๆดังเดิม แต่ในใจกลับนึกกังวลกับบางสิ่ง เหมือนกักว่าเขามีอะไรต้องทำ มันคล้ายมีห่วงผูกอยูในหัวใจของเขาอย่างไรอย่างนั้น ได้แต่นึกตามคำแนะนำของแพทย์ว่าอาการ ความทรงจำจะค่อยฟื้นๆคืนในเวลาต่อมา หากได้รับการกระตุ้นที่หมาะสม ภาระงานที่หนักขึ้นช่วยพิชชาอรได้มากมายทีเดียว เธอทุ่มเวลาสองเดือนที่ผ่านมาหลังเจอเรื่องร้ายทำลายขวัญและกำลังใจโดยไม่ต้องกลับไปคิดถึงมันได้อีกก็เพราะงาน แม้จะเหงาบ้างก็ผ่านมันไปได้ อมิตานั้นได้เงินมาจากนาวินแล้ว และยังได้งานใหม่โดยเป็นพีอาร์ที่โรงแรมดังห้าดาวในประเทศแถบตะวันออกกลาง เจ้าตัวดีใจจนร้องไห้ที่ได้งานเงินเดือนสูงๆแถมยังตรงกับสาขาที่ตนเองได้ร่ำเรียนมา และเดินทางไปเพื่อเริ่มงานเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนนี่เอง จึงทำให้พิชชาอรยิ่งเหงาหนักเข้าไปใหญ่ เธอยังไม่ลืมเขา ไม่ลืมเรื่องในคืนนั้น อาจมีบ้างที่พอได้มุทำงานหนักๆก็จะลืมไปได้ แต่บางคืนเวลาที่นอนหลับตาลงเธอจะฝันถึงมัน ได้แต่บอกตัวเองว่าให้รีบตื่นขึ้นมาเพื่อจะปัดมันทิ้งไปเฝ้าให้กำลังใจตัวเองว่าเธอไม่ได้สูญเสีย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีแต่ได้ เธอได้ผ่านพบความเข้มแข็งอย่างที่สุดโดยไม่มีเขามากวนหัวใจ คิดมาถึงตรงนี้ทีไรร่างกายของเธอก็เหมือนรับไม่ได้ ทุกทีท้องไส้มักปั่นป่วน บีบรัดตัวจนต้องวิ่งเข้าห้องน้ำอาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เธอเสียพลังงานกับการอาเจียนจนร่างกายอ่อนเพลียอ่อนล้าเลยทีเดียว “เป็นอะไรกี๋” เสียงแพทย์หญิงผู้เป็นเจ้าของสถานเสริมความงามถามขึ้น เมื่อท่านเดินเข้ามาหาที่โต๊ะทำงาน พิชชาอรลูบหน้าตนเองแตะยาดมที่แวะซื้อมาจากร้านขายยาคลึงที่ขมับเบาๆก่อนปดท่านว่า “เครียดเรื่องที่บ้านนิดหน่อยค่ะหมอ” “อย่างนั้นเหรอ หน้าตาซีดๆนะเรา ไปตรวจไหม” หญิงสูงวัยที่ยังรักษาความงามเอาไว้ได้เป็นอย่างดีมองสำรวจพิชชาอร สายตาเป็นห่วงจนเจ้าตัวอกซาบซึ้งใจไม่ได้ปฏิเสธเสียงอ่อน “ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวก็ดีขึ้น หมอมีอะไรจะใช้กี๋หรือคะ” “อ้อ ทางพีจีเตือนมาว่าเลเซอร์เครื่องใหม่น่ะคงต้องเลิกใช้ไปก่อน แล้วเขาจะมาเอาเครื่องไปเคลม เพราะงั้นโปรฯที่เราจัดไว้เลยต้องงดไปด้วย” “อ้าวทำไมล่ะคะ” “จำหมอแจนได้ไหมกี๋” พิชชาอรพยักหน้ารับ “ค่ะหมอ” “แท้งแล้วนะ เห็นบอกว่าเป็นเพราะเครื่องใหม่นั่นมันมีผลกับคนท้องอ่อนๆ ทางบริษัทพีจีสาขาใหญ่ถูกซูแล้วด้วย ทางสาขาที่ไทยเลยบอกว่าจะรับผิดชอบทุกอย่าง กรณีของหมอแจน คงไม่อยากเป็นข่าวน่ะนะหมอว่า นี่ดีนะที่เราไม่มีสาวๆคนไหนท้องอ่อนๆในร้าน ไม่อย่างนั้นหมอต้องเสียใจแน่ที่ทำให้น้องๆในร้านแท้งลูก เนอะกี๋ว่าไง…” “อ้อ ค่ะ กี๋จะเรียกน้องๆมาบอกอีกทีนะคะหมอ” คุณหมอบอกเธออีกสองถึงสามเรื่องก่อนจากไป แต่พิชชาอรมัวพะวงกับคำว่า ‘ท้องอ่อนๆ’ อยู่ จู่ๆ คำว่า ‘ท้อง’ ก็กระแทกเข้ามาในใจของเธออย่างจังอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ประจำเดือนของเธอไม่เคยขาด แต่ว่านี่มันหายไปสองเดือนแล้วเธอเพิ่งนึกได้ คืนนั้นเธอจำได้มั่นว่าเขาดื้อดึงในการปลดปล่อยในตัวเธออย่างไร และความวุ่นวายก็ทำให้เธอลืมคิดถึงผลที่จะตามมา คงไม่โชคร้ายขนาดนั้นหรอกใช่ไหม เวลาที่เหลือจนกว่าจะเลิกงานช่างยาวนานเหลือเกิน ทำเอาคนรอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนับแต่เกิดความแคลงใจ เธอเฝ้ามองดูแต่เวลาเพราะอยากพิสูจน์ดูให้รู้แน่ชัดกันไปว่าเธอท้องหรือไม่ พิชชาอรวางแท่งพลาสติกลงอย่างสิ้นแรงเมื่อเห็นขึ้นสองขีดเด่นชัด ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัวแล้วล้มลงนอน ขีดสองขีดบนแท่งตรวจการตั้งครรภ์ไม่ใช่แค่อันเดียวแต่มันเด่นหราปรากฏอยู่เกือบทุกยี่ห้อที่มีในท้องตลาด ที่เจ้าตัวกว้านซื้อมาจนเกลี้ยงชั้นวางขายนั่นยืนยันผลได้เป็นอย่างดีว่าเธอ... ‘ท้อง’ เพราะคำคำนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของผู้หญิงทำงานแบบพิชชาอรมาก่อน เธอเป็นคนชั้นกลางที่ไม่เคยคิดจะมีครอบครัว วันๆทำงานงกๆกลับบ้านเข้านอนเพื่อตื่นขึ้นมาทำงานและวนกิจกรรมเดิมๆอยู่แบบนั้น ไม่เคยมองชายคนใด เลยไม่มีแฟน ไม่เคยตกหลุมรักใคร ไม่เคยเผลอไผลให้ใคร ไม่เคยมีใจให้กับคนไหน และไม่เคยมีอาการหลงรักใคร แต่เธอพลาดให้กับปุญญ์ ชายคนนั้นใช้ต้นทุนทางสังคมที่เขามี ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลา บุคลิกภูมิฐาน หน้าที่การงานและฐานะทางสังคมชั้นเลิศ มาล่อลวงให้เธอหลงใหลกับสิ่งเหล่านั้น หลอมความเหย่อหยิ่งจนละลายลงแทบเท้า ยอมศิโรราบให้เขาเหมือนผู้หญิงรายอื่นๆได้อย่างง่ายดายนัก เธอจะต้องบอกเขาว่าเธอท้อง เธอไม่ใช่นางเอกในนิยาย ที่มีลูกเขาติดมาแล้วจะพากันหอบหนีไปใช้ชีวิตอัตคัด นึกได้อย่างนั้นแล้วจึงได้แต่รอเวลาเพื่อติดต่อหาเขาที่ PKR groups. เธอไม่ได้เก็บเบอร์ส่วนตัวเขาเอาไว้แล้วเพราะเหตุการณ์ในเช้าวันนั้นมันทำให้เธอนึกรังเกียจทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นเขา ลำคอของพิชชาอรแห้งผากมันปนไปด้วยความตื่นเต้นและวิตกกังวลต่างๆนานา สองเดือนที่ตัดการติดต่อกับเขามันไม่ได้ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้นมาได้เลยหรืออย่างไรกัน ทันทีที่ปลายสายเชื่อมต่อสัญญาณ จึงกรอกเสียงลงไปทันที “ฉันต้องการเรียนสายกับคุณปุญญ์ค่ะ” “จากไหนคะ” ทางนั้นถามกลับมาทันทีด้วยน้ำเสียงเอือมๆราวกับเจอปัญหาเช่นนี้บ่อยๆ “บอกเขาว่าพิชชาอร...หวังว่าเขาจะยังจำคำพูดของตนเองได้” ประโยคหลังเธอคิดอยู่ในใจเงียบๆไม่ได้ออกปากไป ใช่ เขาเคยบอกเธอไว้ว่าหากอยากติดต่อหาเขาบ้างให้แจ้งกับพนักงานได้เลย เพียงแค่บอกชื่อของเธอ พนักงานจะต่อสายตรงให้ทันที ขณะรอสาย ใจที่เต้นสม่ำเสมอก็รัวเร็วขึ้นมาอย่างที่ระงับไม่อยู่ สองเดือนแล้วที่เธอกับเขาจบความสัมพันธ์กันไป ความสัมพันธ์คืนเดียวเสียด้วย เงินที่เขาหยิบยื่นให้เธอยังเก็บไว้อย่างดี ไม่ได้แตะมันแม้แต่สตางค์แดงเดียว ร่ำๆจะคืนให้หลายครั้งแล้วก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับภาระงานจนลืมไป ตอนนั้นเธอยอมรับว่ามีทิฐิจนประชดเขาเรื่องเงิน แต่ตอนนี้ขอให้ได้คุยกับเขาเรื่องเด็กในท้องเสียก่อนเถอะ… คิดมาถึงตรงนี้ ปลายสายก็มีสัญญาณตอบรับอีกครั้ง “คุณพิชชาอรคะ ท่านประธานให้แจ้งธุระของคุณผ่านดิฉันเลยค่ะ” ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็คล้ายกับเลือดในกายจะระอุเดือดขึ้นมาจนทะลุปรอท พิชชาอรหายใจหนักหน่วงตามแรงอารมณ์โกรธของตน เธอจะบอกผ่านคนอื่นได้อย่างไร ไหนเมื่อเธอต้องการคุยกับเขาเรื่องที่ ‘เธอท้อง’ แต่แล้วเสียงอีกเสียงจากปลายสายก็ดังแว่วเข้ามา “เอามานี่มา” อึดใจทางนั้นก็ถามเธอกลับมาอีก “คุณพิชชาอร... อย่างนั้นหรือคะ” “ใช่ค่ะ ฉันต้องการเรียนสายกับคุณปุญญ์” “ตอนนี้พี่ปุญญ์ติดประชุมกับผู้บริหารท่านอื่นอยู่ ถ้ามีธุระสำคัญอะไร บอกผ่านทางนี้ได้เลยค่ะ ฉันจะเป็นธุระให้...ทุกเรื่อง”ปลายสายเน้นคำสุดท้ายอย่างจงใจ “ฉันต้องการคุยกับเขา...เป็นการส่วนตัว” พิชชาอรได้ยินเสียงตัวเองเน้นคำตอบกลับไปเช่นกัน ตอนนี้เธอมือสั่นขึ้นมาแล้ว มันสั่นไปพร้อมๆกับหัวใจของเธอ เธอกำลังโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้ “เอ...ปกติถ้าพี่ปุญญ์ต้องการให้ใครติดต่อกลับเรื่องส่วนตัวเขามักจะให้เบอร์ส่วนตัวเอาไว้นี่คะ แต่ถ้าไม่มี หาทางติดต่อไม่ได้คงหมายถึงว่าเขาไม่อยากให้ติดต่อแล้วละมังคะ” อีกฝ่ายร่ายยาวแม้จะลงท้ายคะขาทุกประโยคอย่างผู้ดี แต่ก็เต็มไปด้วยน้ำเสียงส่อเสียดทุกคำ “ให้ฉันช่วยจัดการเรื่องเงินให้ไหมคะ แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับคุณแล้วนะคะที่พี่ปุญจะยอมจ่ายให้” “เธอหมายถึงอะไร” พิชชาอรถามกลับด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว เธอร้อนไปหมดทั้งใบหน้า ปลายสายพูดราวกับรู้เรื่องของเธอและปุญญ์อย่างไรอย่างนั้น เสียงทางนั้นถอนหายใจยาว ก่อนบอก “พี่ปุญญ์อาจชอบสนุกซุกซนไปทั่วเรื่องนี้เราสองคนเข้าใจกันดี ฉันหมายถึงฉันกับพี่ปุญญ์น่ะนะคะ และคุณไม่ใช่คนแรกหรอกที่โทรเข้าเบอร์สำนักงานแต่อยากคุยเรื่องส่วนตัวกับเขา และหลังจากนี้ฉันที่กำลังจะเป็นภรรยาถูกต้องตามกฏหมายทั้งนิตินัยและพฤตินัยของพี่ปุญญ์จะเป็นคนจัดการทุกอย่างทุกเรื่องของเขาเอง ตกลงจะให้โอนเงินเข้าบัญชีเลยไหมคะ สะดวกดี เหมาะกับผู้หญิงง่ายๆแบบคุณ” พิชชาอรไม่รู้ว่าตัวว่าเธอวางสายไปตอนไหน แต่เธอไม่อยากเชื่อคำพูดแบบนั้น เธอต้องพบเขาให้ได้ อย่างน้อยๆก็ได้ร่วมกันสร้างชีวิตน้อยๆในท้องเธอขึ้นมาด้วยกันแล้ว เขาควรต้องรับผิดชอบไปพร้อมกับเธอ และเธอจะไม่หน้าด้านหน้าทนหากไปบอกเขาแล้ว และเขาจะไม่เป็นลูกผู้ชายมากพอที่จะรับผิดชอบ เธอก็พร้อมจะเลี้ยงลูกคนเดียว!     “มีอะไรกันเหรอฮะ” นาวินถามสองสาวที่คุยกันท่าทางเคร่งเครียดอยู่หน้าห้องของปุญญ์ เพราะอีกฝ่ายเป็นสุภัคสรณ์ว่าที่คู่หมั้นของญาติผู้พี่ เขาจึงต้องให้ความสำคัญกับเธอไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าปุญญ์ แม้ในใจจะไม่ชอบนักก็ตาม เพราะสาวเจ้าชอบเหยียดคนที่ต่ำกว่าแม้จะพูดจาปากหวานแต่มักแฝงคำดูถูกดูหมิ่นในที เขาโดนมาแล้วแต่ต้องทำเป็นเฉยไป “สาวๆของพี่ปุญญ์น่ะสิ โทรมาอีกแล้ว ยัยพวกนี้คิดอะไรกัน วันๆไม่ทำงานทำการคิดแต่จ้องจะจับผู้ชายรวยๆ” นาวินแอบเบ้ปาก นึกในใจว่ายัยนี่ก็จ้องจะจับญาติผู้พี่ของเขาเช่นกัน ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง แล้วยิ้มหวานแสร้งปลอบ “อ้อ เรื่องปกติฮะ ลูกศรอย่าคิดมากไป ยังไงคุณก็มีภาษีดีกว่าผู้หญิงพวกนั้น” “คิดมากสิคะ ไม่ให้ลูกศรคิดได้ยังไง รู้ไหมว่าผู้หญิงน่ะมีเซนส์ คนเมื่อครู่นี่ต้องมีอะไรสำคัญกับพี่ปุญญ์แน่ๆ ลูกศรรู้สึกด้วย” ชายหนุ่มแอบกรอกตาแล้วถาม “เธอบอกไหมว่าชื่ออะไรลูกศร” “พิชชาอร” “พิชชาอรหรือฮะ” “รู้จักเหรอ สวยไหม” “เอ...” นาวินครางออกมาคำเดียว ก่อนนึกถึงหญิงสาวที่ชื่อพิชชาอร ปุญญ์ไปแอบกุ๊กกิ๊กกับแม่นั่นตอนไหน เห็นอยู่ว่าเธอหยิ่งไม่น้อย อ้อ วันนั้นเห็นว่าแอบเช็ดปากซับหน้าให้กันถ้าอย่างนั้นคงเสร็จปุญญ์ไปแล้วล่ะ หรือว่าตอนที่ปุญญ์ข้ามไปยังเกาะส่วนตัวแล้วลูกน้องของเขาเอามารายงานว่าเห็นนั่นจะเป็นพิชชาอร ตอนที่โทรหาแล้วถามถึงเขานึกว่าปุญญ์จะพาสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นที่ชื่อแคนดี้น่าขยี้ขยำคนนั้นเสียอีก งั้นแสดงว่าไม่ใช่ นาวินจำได้พอเลาๆว่าวันนั้นเขาโทรหาปุญญ์เพื่อสอบถามกึ่งๆแซวเรื่องผู้หญิงที่แอบพาไปเกาะนี่ล่ะ   ตอนที่ปุญญ์ตอบรับสัญญาณเรียกเข้าแล้ว นาวินก็ส่งเสียงแซวตามสายในทันที            ‘พี่ปุญญ์ข้ามไปที่เกาะเหรอฮะ ไม่ชวนผมเลยนะ แล้วนี่พาสาวๆไปซบอกกี่คนกันครับ’ “เฮ้ย ถามอะไรแบบนั้นเล่า”   ‘ผมเห็นนะว่ามีสาวผมยาวๆนั่งอยู่บนเรือน่ะ ใช่ยัยแคนดี้ฉายาแคนดี้คืนเดียวหรือเปล่าฮะ แล้วได้ถ่ายคลิปเอาไว้บ้างไหม แบ่งผมบ้าง” “เออน่า คลิปมีสิเด็ดด้วย อยากดูไหม”   ‘ผมนึกว่าพี่จะจริงจังกับยัยแคนดี้เสียอีก เห็นยัยนั่นเอาไปโม้ทั่วว่าพี่ซื้อแหวนให้’ “ผู้หญิงแบบนั้นใครจะจริงจังด้วยวะ ครั้งเดียวก็เกินพอ เดี๋ยวเซ็นเช็คให้แล้วก็แยกย้ายกันไปไง ตามสเต็ป”   แต่จะเป็นใครก็ช่าง ขออย่าให้ปุญญ์จำอะไรได้ในช่วงเวลานั้นก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเขาต้องแย่แน่ๆ   พิชชาอรตัดสินใจลางาน ตรงไปที่ตึกใหญ่ใจกลางเมือง เธอรออยู่ที่ด้านล่างเมื่อพนักงานไม่ยินยอมให้เธอขึ้นไปพบเขาที่ด้านบนเสียที ลุกนั่งอยู่แถบนั้นอยู่นาน จึงเดินเข้าไปยังร้านกาแฟชื่อดังที่มีสาขาอยู่ทั่วไปหมดตั้งใจจะสั่งเครื่องดื่มและนั่งรอเขาในนี้จนกว่าอีกฝ่ายจะลงมา แต่ที่นั่งที่มีเหลือกลายเป็นตัวที่ต้องนั่งหันหน้าเข้ามาในร้าน เธอจึงเลือกนั่งรอดีกว่าจะต้องไปเป็นเป้าสายตาที่ข้างนอก นานจนเครื่องดื่มของเธอเกือบหมดแก้ว พิชชาอรเผลอหลับตาไปอย่างไม่รู้ตัว สะดุ้งตื่นก็แว่วเสียงคุยกันจากทางด้านหลัง เสียงที่พอจะจำได้ว่าเป็นของใคร เธอจึงนั่งนิ่งรอฟังพวกเขาสนทนากัน “พี่ปุญญ์ฮะเมื่อตอนพี่ประชุมเห็นลูกศรเล่าว่ามีผู้หญิงโทรมาจะคุยกับพี่ให้ได้เลยฮะ” “มีอะไร” “ไม่ทราบสิฮะ ไม่ยอมบอกว่าเรื่องอะไร บอกแต่ว่าเรื่องส่วนตัว” “เรื่องส่วนตัวอีกแล้วเหรอ”ปุญญ์ว่าก่อนจะหัวเราะขรึมๆขึ้นมาพร้อมกัน “เจ้าชู้” อีกเสียงที่โพล่งพูดขึ้นมาว่านั่นเธอจำได้มั่น นั่นคือเสียงหญิงสาวผู้ซึ่งประกาศตัวว่ากำลังจะเป็นภรรยาของปุญญ์ เธอคงพูดถูกใจเขามากละมังถึงทำให้เสียงหัวเราะดังกระเพื่อมขึ้นอีกครั้งได้ “เจ้าชู้อะไรกันคะ” ปุญญ์ทอดเสียงย้อนถามอีกฝ่าย พิชชาอรบีบมือตัวเองจนแน่น เธอจะกล้าพอไหม ที่จะหันไปเจรจากับเขา “ลูกศรจะฟ้องคุณป้า” “ได้ยังไงกันหืม... พี่อาจจะผ่านใครมามากมายนะ แต่คนที่พี่ต้องแต่งงานด้วยก็จะมีแค่ลูกศรเท่านั้นนะ” จบสิ้นกันแล้ว เธอไม่หน้าทนพอจะไปคุยกับเขาอีก ทุกๆอย่างมันฟ้องอยู่ในการกระทำและคำพูดของเขาแล้ว พิชชาอรหนาวยะเยือกไปถึงขั้วกระดูก เธอสะอิดสะเอียนเขา ปุญญ์จะแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริง แล้วเธอล่ะ ยังมีหน้าไปบอกเขาอีกไหมว่าท้องกับเขา ทั้งๆที่เธอยอมนอนทอดกายให้เขาเอง ยอมเขาเองทั้งสิ้น  แถมเขายังตราหน้าไว้แล้วด้วยว่าผู้หญิงในอดีตของเขาเป็นแค่เพียงทางผ่านเท่านั้น มันก็ไม่แคล้วที่จะรวมถึงตัวเธอด้วย พิชชาอร!   หญิงสาวโกรธจนเส้นเลือดข้างขมับเต้นตุบๆ แล้วตัดสินใจหาข้อมูลที่ต้องการในชั่วอารมณ์ขณะนั้นจนพบแล้วเฝ้าจ้องกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ส่วนตัวหมกมุ่นกับมัน เฝ้ารออย่างโกรธแค้น จนถึงเวลาที่เป็นวันหยุด พิชชาอรเลือกชุดเสื้อยืดกางเกงยีนสวมแว่นสายตาทรงกลมทับลงไปบนใบหน้าอีกที ตรงไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในเวลาต่อมา เธอชำเลืองมองป้ายด้านหน้านั่นหน่อยเดียว แล้วเดินเข้าไปอย่างไม่ให้เป็นจุดสนใจกับใครมากนัก ก้าวเท้าเข้าไปในนั้นแล้วก็ทำเอาพิชชาอรใจแป้วไป เธอก้มหน้าเดินไปตามป้ายไปจนถึงเคาน์เตอร์ชั้นสอง “ติดต่ออะไรคะคุณ” พนักงานในนั้นทักทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป “เอ่อ...มา...คุ...คุมกำเนิดค่ะ” พิชชาอรได้ยินตนเองตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักเหมือนไม่ใช่ตัวเธอ “ชั้นบนเลยค่ะ ยื่นบัตรประชาชนก่อนแล้วทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่แจ้งเลยนะคะ” พิชชาอรพยักหน้ารับรู้แล้วเดินตามที่พนักงานบอกทำตามขั้นตอนจนครบจึงเลือกที่สำหรับนั่งรอยังบริเวณถัดไป ที่นี่มีแต่หญิงสาววัยตั้งแต่ไม่เกินยี่สิบปีจนเกือบถึงสี่สิบปีก็มี บางคนมากับผู้ชาย บางคนมากับเพื่อน มีบ้างที่มาเพียงลำพัง รวมทั้งตัวเธอเองด้วย            เสียงเจ้าหน้าที่ถือกระดาษมายืนเรียกตรงนั้น “หมายเลข1-5 เชิญด้านในค่ะ” พิชชาอรคือหมายเลขห้าตามที่ถูกเรียก เธอรอตามคิว ก้มหน้าไม่กล้าสบตากับใคร เธอกลัว เธออาย หากต้องเจอใครที่รู้จักกับตนเองที่นี่ ถึงลำดับของเธอแล้ว เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้หญิงเรียกเข้าเรียกมาที่โต๊ะให้ชำระเงินแล้วบอกราวกับถูกตั้งโปรแกรมมา “ขึ้นเตียงนอนแล้วปลดกางเกงลงเลยค่ะ” เธอทำตามสั่งก่อนจะเบือนหน้าหนี รู้สึกเย็นวาบตรงหน้าท้อง เลยหันกลับมามองดู ก็เห็นหญิงคนนั้นนำเครื่องอะไรบางอย่างมาถูไถตรงหน้าท้อง อึดใจเดียวทางนั้นก็ว่า “หกสัปดาห์แล้ว ลุกขึ้นไปรอหน้าห้องถัดไป ของใส่ถุงพลาสติกเอาไวแล้วถือติดตัวไปด้วย หากของหายทางเราจะไม่รับผิดชอบทุกกรณี เชิญค่ะ” สิ้นเสียงบอก พิชชาอรลุกจากเตียงราวคนไร้สติ เธอเดินตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รอจนได้เข้าไปด้านในเปลี่ยนชุดเรียบร้อย นั่งรออยู่ที่ด้านในซึ่งเป็นส่วนที่กั้นเอาไว้อย่างลึกลับ ก็มีเจ้าหน้าที่เรียกให้เธอขึ้นไปนอนรอบนเตียง นาทีนั้นเธอรู้สึกเหมือนยืนอยู่ตรงทางแพร่ง เธอจะเลือกไปต่อหรือหยุดมันเสีย ครู่ใหญ่ทีเดียวที่หญิงสาวน้ำตาซึมเดินลงจากอาคารสีทะมึนเบื้องหลังหัวใจของเธอหดหู่ ไร้ความสุขสดชื่นอีกต่อไปและไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกไหม ก่อนจะยื่นมือโบกเรียกรถแท็กซี่บอกจุดหมายแล้วก้มหน้าปิดร้องไห้ด้วยความเสียใจอย่างที่สุด นี่เธอทำอะไรลงไป กลับถึงห้องพักแล้วก็ยังคงนั่งร้องไห้อยู่อย่างนั้น แล้วลุกขึ้นมารวบรวมสมุดเงินฝากธนาคารมากองรวมกัน คำนวณเงินทั้งหมดที่มีแล้วตัดสินใจว่าเธอควรทำเช่นไรกับชีวิตต่อจากนี้ ก็พอดีที่มีสายเรียกเข้ามา หยิบขึ้นมาดูเห็นเบอร์แล้วจึงกดตอบรับไป ยกขึ้นแนบหู “จ๋า อาตรี” “กี๋เหรอลูก เมื่อคืนอาฝันว่าหนูร้องไห้ เช้ามาก็ยังใจไม่ดี แล้วนี่สบายดีใช่ไหมลูก อาคงคิดถึงเรามากจนเอาไปฝัน” ได้ยินเช่นนั้น พิชชาอรก็น้ำตาไหลอาบแก้มทันที เธอยิ้มทั้งน้ำตา ตอบรับเสียงสั่นๆ “สะ...สบายดีจ้ะ อาตรีสบายดีไหม” ถามจบรีบแหงนหน้าขึ้นเมื่อน้ำตาจาที่ไหนนักไหลพรุ่งพรูออกมาอย่างนี้ คงเกิดจากความกดดันในหลายๆเรื่องพร้อมกับความอ่อนแอในใจที่มีเป็นทุนเดิมจึงทำให้ร้องไห้จนห้ามมันไม่อยู่ ปลายสายตอบกลับด้วยเสียงเย็นๆในแบบของท่าน “สบายสิ เมื่อไรจะกลับบ้านเรา อาเหงาจัง นี่ได้หมามาเลี้ยงอีกสองตัวนะ....” เล่าไปหลายเรื่อง แต่พิชชาอรไม่มีสมาธิจะฟัง เธอปล่อยโฮออกมาแล้ววางสายลงทันที แล้วชีวิตจากนั้นของเธอก็เปลี่ยนผันไป เพราะเขาคนเดียว ปุญญ์ ปุญญกาจนรัตน์
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม