ตอนที่ 4 อุปสรรคขวากหนาม

1671 คำ
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น โจวหยางอิงได้ชักชวนให้กู้หลินไปพักที่จวนของตนเองเพราะว่าอีกฝ่ายไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะ ให้เหตุผลว่ากว่าจะถึงวันคัดเลือกก็รับความช่วยเหลือจากสหายคนนี้บ้าง ไม่อย่างนั้นแล้วคงต้องนอนตากลมตากน้ำค้างอยู่บนถนน ไหนจะไม่มีอาหารกินอิ่มท้อง คนผอมแห้งแรงน้อยอย่างกู้หลินคงจะไม่รอดแน่ ๆ ในวันที่เจ็ดของการพักอยู่ด้วยกัน กู้หลินเริ่มรู้สึกได้ว่าเจ้าบ้านคนนี้ไม่มีพิษภัยอะไรอย่างที่นึกสงสัยในครั้งแรก ความแปลกคงจะมีแค่ การกระทำต่าง ๆ ที่ดูสนิทสนมกับเขาเร็วจนเกินไปและยอมทำให้ทุกอย่างที่ร้องขอโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทนผิดกับสิ่งที่ปฏิบัติต่อคนอื่น ๆ ราวกับว่าความใจดีมีไว้ให้เขาเพียงคนเดียว “เจ้าจะรีบไปไหนแต่เช้าตรู่” เสียงของโจวหยางอิงดังขึ้นเพราะเห็นกู้หลินกำลังย่องออกไปข้างนอกจวน “วันนี้คัดเลือกวันแรก ข้าไม่อยากไปสาย” เขาตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่นที่จะผ่านการทดสอบไปให้ได้ “สิ่งที่ข้าพูดมาเจ็ดวันเจ็ดคืน เจ้าจำไม่ได้เลยหรืออย่างไร” โจวหยางอิงส่ายหน้า เขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้กู้หลินยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้เพราะได้ยินข่าวเล่าลือมาว่าการทดสอบโหดหินอย่างที่สุด ทั้งยังกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องเหนื่อยทั้งกายและใจ “ไม่ยอมแพ้จริงหรือ” “แน่นอน เจ้าคิดว่าข้าจะเลิกชอบใครสักคนได้ง่ายถึงเพียงนั้นเลยหรือ” กู้หลินยืนยันคำเดิม “เจ้าน่ะ เป็นคุณชายอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว ทำไมจะต้องหาเรื่องลำบากด้วยเล่า” “แน่นอน ข้าก็ไม่คิดว่าการเลิกชอบ... เลิกเป็นเพื่อนกับเจ้าจะง่ายเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายอย่างไรเล่า” โจวหยางอิงยิ้มกว้างให้คนตรงหน้า “ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเอง กู้หลิน” “ไม่เห็นจะเกี่ยวกันตรงไหน แต่ช่างเถอะ รีบไปกันดีกว่า” กู้หลินชวนเขาพร้อมพลังใจเต็มเปี่ยม ครั้นมาถึงลานคัดเลือกหน่วยราชองครักษ์ ทั้งสองคนจึงได้เห็นผู้สมัครมากหน้าหลายตายืนออกันอยู่ด้านหน้า บางคนนึกเข้ามาด้วยความสนุกสนานคึกคะนอง บางคนหวังจะทำงานรับหน้าที่สำคัญในหน่วยราชองครักษ์อันดับหนึ่ง และอ**บางส่วนที่เข้ามาเพราะหาทางพิชิตใจหัวหน้าหน่วยอย่างตงฟางฮุ่ยหลิง เสียงระฆังดังขึ้นเพื่อเรียกรวมพลใจกลางลาน ตงฟางฮุ่ยหลิงรับหน้าที่ประกาศการทดสอบเพื่อคัดเลือกสามด่าน โดยที่แต่ละด่านจะมีความยากง่ายแตกต่างกันไป หากผู้ใดสอบตกด่านแรกจะไม่มีสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบด่านต่อไปโดยปริยาย เฉินป๋อก้าวเท้าออกมาแจ้งให้ทุกคนทราบกันโดยทั่วว่าการทดสอบด่านที่หนึ่งจะมีเขาเป็นหัวหน้าคอยคุมอย่างเข้มงวด ผู้สมัครทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันและหากผู้ใดไปต่อไม่ไหว ก็สามารถแจ้งสละสิทธิ์แล้วกลับบ้านได้เลย เขาสั่งให้ลูกน้องที่เหลือนำตะกร้าไม้ไผ่สานสองใบมาแจกจ่ายให้แต่ละคน พลางยักคิ้วบอกลูกน้องคนหนึ่งนำตะกร้าให้กู้หลินเพียงแค่ใบเดียวอย่างรู้งาน เขาจำคำสั่งของตงฟางฮุ่ยหลิงได้เป็นอย่างดี “คนผู้นั้น ทำให้สอบตกแต่อย่าโจ่งแจ้งมากนัก” “หัวหน้า กลัวว่าจะผ่านหรือขอรับ ร่างกายผอมแห้งอย่างนั้น อย่างไรก็สอบตกอยู่แล้ว” เฉินป๋อแย้งขึ้นมา “...” มีเพียงสายตาของตงฟางฮุ่ยหลิงตอบกลับ ลูกน้องอย่างเขาจึงเข้าใจได้ในทันที พยักหน้าปฏิบัติตามคำสั่งที่ได้รับ การขัดขวางไม่ให้กู้หลินสอบผ่านจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการใส่เหล็กถ่วงที่ได้ก้นตะกร้าสานใบนั้น คิดไว้แล้วว่าหนักถึงเพียงนี้ กู้หลินไม่มีทางทนได้ การทดสอบด่านแรก ตักน้ำในแม่น้ำที่อยู่ทางทิศใต้ของเมืองมาใส่ให้เต็มไหทางด้านขวามือก่อนตะวันลับฟ้าถือว่าผ่าน ผู้สมัครมองหน้ากันด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าง่ายถึงเพียงนี้เลยหรือ “ทำไมของข้าถึงได้ตะกร้าเพียงใบเดียวเล่า” กู้หลินรีบถามเฉินป๋อตอนที่เขาลงมาเดินตรวจงานข้างล่าง “ได้แค่ใบเดียวก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ” เฉินป๋อยักไหล่ พูดให้กำลังใจว่า “สู้ ๆ” ก่อนจะเดินไปสั่งงานลูกน้องคนที่เหลือต่อ ในใจของกู้หลินรู้ดีว่าตะกร้าใบนี้มีอะไรที่แตกต่างจากใบอื่นนัก ขนาดไม่ได้เติมน้ำยังหนักถึงเพียงนี้ สายตามองไปที่คนผู้หนึ่ง แน่ใจสิบส่วนว่าต้องเป็นความคิดของเขา ตงฟางฮุ่ยหลิง รู้จักข้าน้อยไปแล้ว “ไปกันเถอะ โจวหยางอิง” น้ำเสียงของเขาอารมณ์ดีเอ่ยปากชวนคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก่อนที่ทั้งคู่จะออกเดินทางไปยังแม่น้ำที่กล่าวถึงเมื่อครู่ ทว่า การลงสนามสอบที่แท้จริงนั้นไม่ง่ายอย่างที่ใครต่อใครคิด หน่วยองครักษ์ปิดเส้นทางธรรมดาที่ชาวบ้านใช้สัญจร แล้วสั่งให้ทุกคนเดินไปอีกทางหนึ่งด้านข้าง แม้ระยะทางจะใกล้กว่าหนึ่งเท่าตัวแต่ผิวดินนั้นขรุขระ เต็มไปด้วยเศษหินแหลมระเกะระกะจนถึงริมแม่น้ำ บางช่วงตอนยังเป็นแหล่งน้ำขังมานาน เกิดเป็นตะไคร่น้ำปกคลุม ก้าวย่างแต่ละครั้งจึงจำเป็นต้องเพิ่มความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด ไม่อย่างนั้นอาจจะลื่นหัวคะมำหรือสะดุดก้อนหินเข่ากระแทกคมแหลมได้บาดแผลไม่ใช่น้อย เพียงแค่เห็นทางขวากหนาม คนบางส่วนจึงตัดสินใจแยกย้ายกลับบ้าน ยอมแพ้การมาเที่ยวเล่นสนุกสนานในครั้งนี้ กู้หลินค่อย ๆ เดินตามหลังโจวหยางอิงอย่างว่าง่าย เพราะอีกฝ่ายขอนำทางไปก่อน ทางใดเดินได้ค่อยตามไป ทางใดอาจทำให้เกิดอันตรายจะได้ห้ามทัน พลันโจวหยางอิงเดินนำไปได้สิบก้าวจึงหยุดรอแล้วหันมาหา “เจ้าระวังตรงนั้นด้วย” สีหน้าเขากังวลเล็กน้อย ชี้นิ้วไปยังก้อนหินใหญ่ที่มีตะไคร่เขียว “ให้ข้าอุ้มมาดีหรือไม่” “ไม่ต้องหรอก ข้าทำได้” ถึงแม้ว่าคนอื่นจะเคร่งเครียดแต่กู้หลินรู้สึกสนุกไปกับมันไม่น้อย นั่นก็เป็นเพราะเวลานี้ได้อยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงของตัวเอง ไม่ใช่ร่างกายที่บอบบางของไป๋อวี่นั่นเอง ครั้นมาถึงแม่น้ำ กู้หลินใช้ตะกร้าสานตักน้ำขึ้นมาเพียงครึ่งเดียว ยกขึ้นถืออย่างมั่นคงแล้วเดินกลับไปอย่างช้า ๆ “ข้าช่วยดีหรือไม่” โจวหยางอิงเอ่ยปากถาม แม้ตัวเองจะหอบตะกร้าสานอยู่สองใบก็ตาม “ตะกร้าเจ้าไม่หนักหรือ” กู้หลินส่ายหน้าแล้วยิ้มให้ “รีบไปกันดีกว่า ข้าว่าอย่างน้อยข้าคงต้องตักอีกสักสิบรอบถึงจะเต็มไห” เขาคำนวณเอาไว้หมดแล้ว ไหใบหนึ่งต้องใช้น้ำในตะกร้าประมาณเท่าใด และตัวเขาที่แบกตะกร้าเดียวกับน้ำเพียงครึ่ง คงต้องไปกลับมากกว่าคนอื่นหลายเท่า แต่เวลานี้ตะวันยังคงลอยเด่น ถึงอย่างไรย่อมต้องเสร็จก่อนฟ้ามืดแน่นอน “ข้ารู้ว่าเจ้าจริงจัง แต่ระวังตัวเองด้วยได้หรือไม่” โจวหยางอิงมองตามหลังกู้หลินไม่คลาดสายตา “อย่าเหยียบหินก้อนนั้นนะ!” เขาตะโกนเสียงดังเพราะกู้หลินกำลังจะหยิบหินก้อนที่มีคนลื่นล้มเมื่อครู่ “ตกใจหมด!” เขาหันมามองหน้าเพื่อนร่วมรุ่น “ข้าจะระวัง ไม่ต้องห่วง” แล้วทั้งคู่ก็พากันแบกตะกร้าสานใส่น้ำมาจนถึงลานทดสอบ กู้หลินไม่หยุดพักแม้ชั่วครู่ เขาเดินกลับไปยังแม่น้ำทันทีเพื่อทำเวลา โดยมีสายตาของตงฟางฮุ่ยหลิงมองไล่ตามหลัง “หัวหน้า ยังไงก็ไม่ผ่านหรอก ดูสิ ตักน้ำรอบเดียวยังใช้เวลานานเพียงนี้ ยิ่งไปกลับหลายรอบ ยิ่งเหนื่อยง่ายจะตายไป” เฉินป๋ออธิบายภาพที่เห็นในวันนี้ “ไปดูระหว่างทาง” ตงฟางฮุ่ยหลิงพูดสั้น ๆ แล้วจับตามองดูผู้สมัครคนอื่น ๆ ต่อ เฉินป๋อเดินตรวจงานรายทาง พลันหยุดยืนดูกู้หลินอยู่ไกล ๆ หากแต่มองไม่เห็นว่าจะมีสิ่งใดผิดปกติอย่างที่หัวหน้ากังวล “กู้หลิน เจ้าเหนื่อยหรือไม่” โจวหยางอิงถามเขาตลอดทาง และช่วยจับมือข้ามก้อนหินลูกใหญ่อย่างเคยชิน “ข้าอยากกินน้ำแข็งใส ทดสอบเสร็จแล้วพาข้าไปกินได้หรือไม่” เขาเองก็ตอบกลับเหมือนพูดกับคนที่รู้จักกันมานาน “รอบที่สองแล้ว ข้าว่าไหของเจ้าอีกสักหนึ่งหรือสองรอบน่าจะเต็มแล้ว คงผ่านการทดสอบได้สบาย” “ถ้าเจ้าไม่ผ่าน ข้าก็ไม่รู้จะผ่านไปทำไม” คนตรงหน้าเลิกคิ้ว ไม่มีเหตุผลจูงใจเลยจริง ๆ ถ้าตัวเองผ่านการทดสอบคนเดียวเพราะกู้หลินคือคนที่ทำให้เขามายืนอยู่ตรงนี้ “อย่าพูดเป็นลาง ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องผ่าน ฮึบ!” กู้หลินพูดจบก็ออกแรงยกน้ำที่เพิ่มขึ้นจากรอบที่แล้ว เดินดุ่ม ๆ กลับไปลานทดสอบด้วยความมุ่งมั่น ครั้นกู้หลินเทน้ำใส่ไหเรียบร้อยแล้วจึงมองหน้าตงฟางฮุ่ยหลิงอยู่พักหนึ่ง ต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไรต่อกัน เวลานี้กู้หลินคิดถึงแววตาสีเขียวมรกตจนแทบอยากจะวิ่งไปกอดเขา แต่ทำได้เพียงยืนมองดูจากที่ตรงนี้เท่านั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม