บทที่ 1 เริ่มต้น

1685 คำ
กึก..กึก...กึก..เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นไกล้เข้ามาทุกที คนที่มัวแต่เดินก้มหน้าก้มตาไม่ทันมองทาง เพราะมัวแต่กดโทรศัพท์ดูรูปชายหนุ่มที่เธอหมายปอง จึงก็ชนเข้ากับคนที่ถือจานข้าวมา กลางโรงอาหารที่มีผู้คนมากมาย ทำให้จานข้าวนั้นลอยตกลงไปที่หัวของเธอ พอดิบพอดี " กึก..เพล้งง!! "กรี๊ดๆๆ...นี่แกเดินยังไงเนี่ยเห็นมั๊ยตัวฉันเลอะหมดแล้ว อีนังบ้า.." ฉันเงยหน้ามองผู้หญิงตรงหน้า ก็หน้าตาดีอยู่หรอก แต่นิสัยคือโครตจะห่วยแตกเลยล่ะ.. "คุณถามว่าฉันเดินยังไงน่ะหรอ ฉันก็เดินมาตามทางใช้ขาซ้ายและขาขวาก้าวเดินสลับกัน แบบที่คนอื่นเค้าเดินกันน่ะ" "แล้วถามว่าเห็นไหม เห็นสิมีลูกตาค่ะแล้วก็เห็นว่าคุณเดินกดแต่โทรศัพท์ไม่มองทาง จะมาว่าฉันได้ยังไงคนที่ผิดคือคุณต่างหาก" "แถมข้าวที่ฉันซื้อมามันไปอยู่ที่ตัวคุณ มันกินไม่ได้แล้วเห็นไหม ฉันล่ะเสียดายกุ้งตัวโตๆบนหัวคุณจัง แต่ก็ช่างเถอะถือว่าทำ ทาน" ฉันหยิบกุ้งออกจากหัวของผู้หญิงคนนั้นแล้วจับยัดเข้าไปในปากของเธอแทน หึหึ.. "อร่อยมั๊ยล่ะฉันยกให้ละกัน" พูดจบก็ยกยิ้มมุมปากแต่แค่แวบเดียวตามฉบับคนไม่สนโลก "กรี๊ดด กรี๊ด แกอีนังบ้าแกรู้ไหมฉันลูกใคร ไม่มีใครกล้าทำกับฉันแบบนี้เลยสักคน" เธอทำหน้าเหมือนกับสุนัขพิทบลูหน้ายู่ยู่ย่นๆ ฉันว่ามันโครตตลกเลย "นี่คุณโดนข้าวราดหัวนิดเดียว ถึงกับความจำเสื่อมเลยหรอคะ งั้นฉันต้องไปฝ่ายปกครองยื่นรูปคุณให้อาจารย์เอาไปหาประวัติของคุณแล้วล่ะ" "แก นังบ้าไม่ต้องเสือ.ก!!. แกจำชื่อฉันไว้ให้ดี ฉันชื่อ สปอย อยู่ปีสามเป็นน้องสาวของพี่ สปาย ที่อยู่ปี 4 คณะบริหาร พ่อฉันเป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แล้วก็จำให้ขึ้นใจด้วยละ เพราะต่อไปแกเจอฉันบ่อยแน่" ผู้คนในโรงอาหารต่างมามุงดูเหตุการณ์ เพราะเกือบครึ่งมหาลัย ต่างรู้ดีว่าเธอเป็นใครไม่ค่อยมีใครอยากมีเรื่องกับเธอหรอกเพราะพ่อของเธอให้เงินสนับสนุนมหาลัยทุกปี แถมพี่ชายของเธอยังเป็นขาโจ๋ ประจำคณะบริหารปี 4 อีกด้วย "ทำไมฉันจะต้องจำคุณด้วยล่ะ ในเมื่อคุณก็ไม่ใช่ญาติของฉันสักหน่อย อีกอย่างฉันมาเรียนแค่งานที่อาจารย์สั่ง ฉันก็จำเยอะพอแล้วค่ะ" "ฉันไม่มีสมองมาจำคนที่ฉันไม่รู้จักหรอกไปนะคะ ฉันจะพาเพื่อนออกไปกินข้าวข้างนอก" "แล้วอีกอย่างนึงกลิ่นแกงกระหรี่กุ้งที่ติดอยู่ที่ตัวคุณมันเริ่มส่งกลิ่นแรงขึ้น อย่าลืมไปล้างออกล่ะเดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าคุณไปตกถังกระหรี่มา ฉันเตือนด้วยความหวังดีไปนะบายยจ่ะ" พูดจบฉันก็เดินสะบัดบ๊อบไปเลยสิคะ.. "แก..อีบ้า...กรี๊ดๆๆๆ กลับมาขอโทษฉันเดี๋ยวนี้นะกลับมา..ฉันฝากไว้ก่อนเถอะ แกรู้จักฉันน้อยไปแล้ว" "แล้วพวกแกยืนบื้ออยู่ทำไม ไม่ได้เรื่องสักคน..คอยดูฉันจะคิดบัญชีกับพวกแกเรียงตัวเลย" เธอหันมาแวดใส่เพื่อนสนิททั้งสามคน แล้วเดินออกจากโรงอาหารด้วยอาการหัวเสีย ดีนะที่วันนี้ไม่มีเรียนแล้วเธอจึงตรงกลับบ้านทันที เพราะกลิ่นอาหารที่ติดตัว มันช่างรุนแรงเหลือเกิน ทางด้านวีวี่ "แกสุดยอดวะยัยนั่นหน้าหงายไปเลย แกรู้ป่ะใครๆก็กลัวยัยนั่นกันทั้งนั้นเขาเรียนบริหารสาขาคอมแต่ได้ข่าวว่าไม่ค่อยเข้าเรียนหรอกไปนั่งอ่อยรุ่นพี่ปี 4 คนหนึ่งตัว top ของมหาลัยเลยนะแก" ขนมจีนจีบปากจีบคอพูดกับเพื่อนสาว เมื่อทั้งหมดมาถึงร้านอาหาร ฉันนั่งฟังขนมจีนพูดอย่างเพลิดเพลิน นางเป็นสายข่าวประจำกลุ่ม มีอะไรที่ไหนนางมารายงานพวกเราหมด เรียกได้ว่าแทบไม่ต้องดูเพจมหาลัยเลยล่ะ เพราะมีแม่นักข่าวสาวสวยคนเก่งอยู่แล้วทั้งคน "ใช่แล้ววี่ เขาเรียนคนละสาขากับเราเลยไม่เคยเจอกัน แต่ใครๆก็รู้ว่านาง สเปิร์มน่ะนิสัยเอาแต่ใจขนาดไหน ชอบพูดข่มขู่คนอื่นตลอด เพื่อนๆเลยไม่ค่อยเข้าไกล้" น้ำเงี้ยวพูดขึ้นเธอป็นสาวสองคนเดียวในกลุ่ม "นางชื่อสปอยย่ะ นางน้ำเงี่ย.น เอ้ยน้ำเงี้ยว" "แหมนังขนมจีน แกชอบเรียกฉันแบบนี้คิดอะไรกับฉันป่ะยะหรือแกเงี่ย.นนนน" "ชิ..ฉันไม่ชอบพวกเดียวกันย่ะ อีกอย่างฉันเรียกนางว่าสเปิร์มน่ะถูกแล้ว เพราะว่าวันๆ นางจ้องจะวิ่งหาแต่สเปิร์ม รู้ว่าผู้ชายเขาไม่สนก็ยังอุตส่าตามตื้อเขาเหอะๆ" "เออก็จริงของแกงั้นฉันเรียกนางว่าสเปิร์มบ้างดีกว่า ทั้งสองหัวเราะกันคิกคัก" "จะกินมั๊ยข้าวน่ะ เพราๆมั่งนะเรื่องชาวบ้านเนี่ย ฉันล่ะปวดหัวกับพวกแกสองคนจริงๆ อยากจับแกสองคนมามัดรวมกันจะได้เป็นอาหารจานหนึ่งทางภาคเหนือขนมจีนน้ำเงี้ยวน่ะ" เป็นเสียงพูดของข้าวตัง สาวสวยคนสุดท้ายในกลุ่ม "ย่ะยัยแม่ชี" ทั้งสองพูดใส่ข้าวตังพร้อมกัน "เอาน่ากินข้าวกันได้แล้ว อาหารจะเย็นหมดอีกอย่างน้ำลายของแกสอง คนคงลงไปแล้วแหละ" 'ค่าแม่' ทั้งสองพูดพร้อมกัน แล้วลงมือทานอาหารกันเงียบๆจนเกือบหมด อยู่ๆฉันก็นึกสนุกขึ้นมาได้ชอบผู้ชายงั้นหรอ หึหึ ฉันจะไปอ่อยผู้ชายของแกเอง เอาให้อกแตกตายไปเลย นังสเปิร์ม..คิดได้ดังนั้นก็เนียนๆถามเพื่อนไป "อืม..ขนมจีนว่าแต่แกบอกว่านังสเปิร์มมันจ้องจะอ่อยใครนะแกมีรูปป่ะ "คนนี้ไงรุ่นพี่ปี 4 ชื่อพี่นนท์ หล่อแบบตะโกนเลยนะแก" ขนมจีนยื่นโทรศัพท์มือถือเครื่องหรูที่มีรูปผู้ชายคนหนึ่งอยู่ให้ฉันดู อื้อหือหล่อจริงด้วยแฮะ ฉันคิดในใจ "แกสนใจหรอวี่" (เปล๊าาเสียงสูง) "ไม่มีพิรุธเลยจ้าเพื่อนฉัน" เป็นเสียงของขนมจีน "งานนี้แม่เล่นเองแน่นอน" ต่อด้วยเสียงของน้ำเงี้ยวที่รู้ทันว่าเพื่อนสาวคนสวยคิดจะทำอะไร เพราะรู้นิสัยของเพื่อนดีว่าไม่ชอบยุ่งกับใคร แต่ถ้าอยากยุ่งรับรองว่าไม่ปล่อยเช่นกัน งานนี้บอกได้คำเดียวว่านัง สเปิร์มอยู่ไม่เป็นสุขแน่ๆ เมื่อกินข้าวเสร็จก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เพราะวันนี้ไม่มีเรียนแล้ว ฉันไม่ได้อยู่บ้านหรอกอยู่คอนโดหรูเพราะมันไกล้มหาลัยมากกว่า ที่บ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะพ่อเป็นคนจัด เตรียมคอนโดนี้ให้น่ะสิ อ้อ..ขอแนะนำตัวหน่อยละกัน ฉันชื่อพรปวีณ์ ธนพัฒน์ไพศาล ชื่อเล่นวีวี่ ชื่อเล่นนี้ได้มายังไงน่ะหรอ แม่ฉันบอกว่าตอนเล็กๆ ฉันชอบร้องไห้เสียงน่ารำคาญเหมือนแมลงหวี่ แม่ก็เลยตั้งชื่อเล่นว่า วีวี่ เพราะคล้ายๆกับชื่อแมลงหวี่ คงคล้องกันแหละมั้ง หวี่หวี่ วีวี่ เหอะๆ ช่างชื่อเล่นมันเถอะ ถ้าถามถึงนิสัย ฉันไม่ชอบทำตัวโอ้อวด ชอบอยู่เงียบๆมากกว่า แต่ฉันว่าต่อไปชีวิตของฉันมันจะไม่เงียบอีกแล้วสินะเพราะนังสเปิร์มมันไม่จบง่ายๆแน่ นิสัยลูกคุณหนูเอาแต่ใจ ฉันเจอมาเยอะแระ คนพวกนี้เหมือนเป็นโรคประสาทเนอะว่ามั๊ย.. พ่อของฉันเป็นนักการเมืองใหญ่ แต่ฉันไม่เคยใช้อำนาจหรือชื่อของท่าน ไปข่มขู่ใครนะ เพราะฉันเกลียดการถูกข่มขู่เป็นที่สุด" เอาล่ะๆ พูดมาเยอะละ ฉันขอส่องพ่อชายรูปหล่อที่เป็นเป้าหมายต่อไปของฉันหน่อยละกัน ช่วยไม่ได้นะคะ คุณอยากเป็นคนที่ยัยสเปิร์มมันหมายตา ฉันก็จะใช้คุณนี่แหละป่วนนางซะหน่อย..รู้จักคนอย่างฉันน้อยไปละนังสเปิร์ม ทางด้านหนุ่มหล่อ ที่ถูกพูดถึง ฮัดเช่ย..ใครนินทาผมเนี่ย..แต่ช่างเหอะผมขอแนะนำตัวเลยละกัน ผมชื่อชานนท์ วรารักษ์โชติสกุล ชื่อเล่นนนท์ ผมเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่ค่อยยุ่งกับใครถ้าไม่สนิท แต่ถ้าถูกใจจะไปยุ่งเอง ครับบ หึหึ.... ผมเป็นลูกชายคนโตของเจ้าของห้างสรรพสินค้าชั้นนำแห่งหนึ่ง ซึ่งมีหลายสาขา ที่ผมเลือกเรียนบริหารก็เพราะต้องสานต่องานของพ่อเมื่อเรียนจบ ตอนนี้ผมอยู่ปี 4 แล้วครับเทอมหน้าต้องฝึกงาน มีผู้หญิงอยู่คนหนึ่งเธอตามตื๊อผมไม่เลิก ผมไม่เคยสนใจ ไม่เคยให้ความหวัง แต่เธอก็ยังไม่เลิกยุ่งกับผมสักที ตามติดยิ่งกว่าเงาซะอีก อีกอย่างเธอเป็นน้องสาวคู่อริของผม มันชื่อสปายมันไม่ชอบขี้หน้าผมเพียงเพราะผมเด่นกว่ามันทุกอย่าง มันเลยท้าผมต่อย แต่เป็นสนามที่มีกฏระเบียบชัดเจนนะคือเราตกลงกันว่าถ้ามันแพ้มันต้องเลิกยุ่งกับผม แต่ถ้ามันชนะผมต้องออกจากมหาลัยแล้วมันก็แพ้ยับเยิน มันคงไม่รู้สินะว่าผมน่ะ เหมือนนักมวยคนหนึ่ง เพราะรุ่นพี่ที่ผมนับถือ เปิดค่ายมวยผมก็ไปซ้อมทุกวัน ซ้อมกับนักมวยในค่ายทุกคน จนเอาชนะนักมวยในค่ายได้ในที่สุด เขาเคยชวนผมไปเป็นนักมวย แต่ผมจะเอาเวลาไหนไปเป็นละครับ..
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม